คนใกล้ชิดเผยเบื้องลึกพลาดท้องโย้ผิดสัญญา



ยังคงเป็นข่าวที่อยู่ในความสนใจของคนในสังคมมาอย่างต่อเนื่อง กรณีนักร้องพระเอก ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กับนักแสดงสาวลูกครึ่ง แอนนี่ บรู๊ค ที่ลุกลามกลายเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับบุพการีของทั้ง 2 ฝ่าย ถึงกับล้มหมอนนอน รพ. โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 24 ก.ย. ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยชั้น 6 โซนบี โรงพยาบาลบีเอ็นเอช นางโคมมนต์ ทองมั่ง อายุ 51 ปี มารดาของฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ดารานักร้องชื่อดัง ที่นอนพักรักษาตัวด้วยอาการช็อกอย่างรุนแรง เกิดจากความเครียดสะสม ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าตลอดช่วงเช้ายังคงมีนักข่าวหลายแขนงแวะเวียนเข้ามาติดตามสอบถามความคืบหน้าถึงอาการป่วยของนางโคมมนต์อยู่เป็นระยะ แต่ไม่ได้รับคำชี้แจงจากโรงพยาบาลแต่อย่างไร และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์ หรือให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น ขณะที่นางโคมมนต์ยังคงเก็บตัวเงียบนอนพักผ่อนอยู่ภายในห้องพักฟื้น โดยมีแพทย์ พยาบาล และญาติๆ เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

ต่อมาเวลาประมาณ 13.00 น. ฟิล์ม-รัฐภูมิ พร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว และฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เดินทางมาที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยชั้น 6 เพื่อรับนางโคมมนต์กลับไปพักฟื้นที่บ้านเขตห้วยขวาง กทม. โดยฟิล์ม-รัฐภูมิ สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสามส่วน รองเท้าแตะ มีสีหน้ายังเคร่งเครียดอยู่ ขอบตาบวมคล้ำ เหมือนกับคนไม่ได้นอนหลายวัน แต่มีอาการผ่อนคลายลดความตึงเครียดลงบ้างไม่เหมือนกับวันที่พานางโคมมนต์เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่พยาบาลก็พยายามฝืนใจยิ้มทักทายให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พยาบาล แต่ยังมีอาการเหมือนคนกังวลอยู่ตลอดเวลา เมื่อเดินออกมาจากห้องพักฟื้น ก็ได้นำนางโคมมนต์เข้าไปในลิฟต์ทันที โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด และพากันออกจากโรงพยาบาลไปในเวลาประมาณ 13.30 น. เพื่อไปพักฟื้นต่อที่บ้าน โดยมีรายงานว่าฟิล์มจะขอพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ และวางแผนที่จะเข้าพบคุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่บริษัทอาร์เอส เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องงานของฟิล์ม และเรื่องของแอนนี่ ในวันจันทร์ที่ 27 ก.ย. ที่จะถึงนี้


ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ฟิล์มได้พาคุณแม่กลับถึงบ้านย่านห้วยขวางแล้ว ฟิล์มได้โทรศัพท์เข้ามือถือของแอนนี่ เพื่อพูดคุยหลังจากที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวาน โดยฟิล์มโทร.เข้ามือถือทั้ง 2 เบอร์ โทร.อยู่ประมาณ 5-6 ครั้ง แต่ไม่มีผู้รับสาย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการชี้แจงจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ถึงอาการของนางโคมมนต์ว่า อาการทั่วไปของคุณแม่ของฟิล์ม ยังคงไม่ดีขึ้นเหมือนเดิม แพทย์ระบุว่า เนื่องจากนางโคมมนต์อยู่ในสภาวะที่คิดมากรุนแรง จนเกิดความเครียดจัดสะสม จึงทำให้เกิดการนอนไม่หลับ และรับประทานอาหารได้น้อย ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดศีรษะ อยู่ตลอดเวลา โดยแพทย์ยังต้องให้พักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาล อีกระยะหนึ่งก่อน แต่ทางญาติๆฟิล์มมีความต้องการ ให้คุณแม่กลับไปพักผ่อนที่บ้านจะดีกว่า แพทย์จึงตรวจร่างกาย ให้ยากลับไปรับประทาน และอนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านตามความต้องการของญาติๆ ทั้งนี้ ในช่วงที่คุณแม่นอนพักอยู่ห้องพักฟื้นโรงพยาบาล ยังได้เขียนจดหมายระบายความในใจทั้งหมด ส่งให้นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อีกด้วย

สำหรับเนื้อหาในจดหมายระบายความในใจดังกล่าว ซึ่งนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการข่าวเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 ได้นำมาอ่านออกอากาศเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกัน มีใจความดังนี้ เรียนคุณสรยุทธ์ทราบตามที่มีข่าวกรณีฟิล์ม- รัฐภูมิ และแอนนี่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด และหัวอกของคนเป็นพ่อแม่ ดิฉันก็มีส่วนในเหตุการณ์หลายช่วงเวลา พยายามคิดและทำการแก้ปัญหาตั้งแต่ทราบเรื่องการตั้งครรภ์ของแอนนี่ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในฐานะที่เป็น ลูกผู้หญิงด้วยกัน จึงให้ความช่วยเหลือเป็นระยะตามขั้นตอนตลอดมา พร้อมทั้งโทรศัพท์พูดคุยให้กำลังใจกับแอนนี่ ปัจจุบันครอบครัวของดิฉันมีแต่ความทุกข์ เพราะหัวอกคนเป็นแม่เมื่อเห็นลูกเศร้าก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เห็นใจทั้งลูกและแอนนี่ ข่าวนี้เป็นที่สนใจของสังคม จึงมีคนแสดงความคิดเห็นมามากมาย ดิฉันก็พอเข้าใจและยอมรับได้

แต่ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจ เจ็บร้าวในอก เมื่อได้ฟังคำพูดของคุณระเบียบรัตน์ ในขณะที่ฟัง รู้สึกอยากตายต่อหน้าทีวี คุณระเบียบรัตน์ไม่รู้ข้อมูลรายละเอียดที่แท้จริง การออกมาพูดเป็นการแสดงความคิดเห็นแบบไม่รับผิดชอบต่อความรู้สึก คุณระเบียบรัตน์ไม่ควรมีส่วนและไม่ควรมีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในมุมใดมุมหนึ่งเลย ถ้าคุณระเบียบรัตน์คิดจะช่วยสังคม โดยเฉพาะสตรี ดิฉันก็เป็นสตรีคนหนึ่งที่กำลังทุ่มเททั้งแรงกายและใจ ในการที่จะทำให้ปัญหาคลี่คลายไปในทางที่ดีทั้งสองฝ่าย การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตามกระแสของคุณระเบียบรัตน์ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ ทำร้ายจิตใจของคนเป็นแม่อย่างดิฉันมาก ดิฉันเสียใจและสะเทือนใจต่อการกระทำของคุณระเบียบรัตน์ในครั้งนี้ ดิฉันเขียนมาเป็นการระบาย เพียงเพราะอยากขอความเป็นธรรมจากคุณสรยุทธ ในฐานะที่ติดตามและนำเสนอข่าวฟิล์มและแอนนี่อย่างต่อเนื่อง ขอแสดงความนับถือ โคมมนต์ ทองมั่ง คุณแม่ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้เขียน

ด้านคนสนิทของฟิล์มได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ในเวลาต่อมาว่า หลังจากที่มีการแถลงข่าวระบายความในใจเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ตอนนี้ฟิล์มลดอาการความตึงเครียดลงไปบ้าง แต่ยังมีความเครียดอยู่ และกังวลอยู่เป็นระยะ ไม่ค่อยร่าเริง พูดน้อยลง และบางครั้งชอบนั่งคิดทบทวนกับเรื่องราวหลายเรื่องเพียงลำพัง ญาติๆ เพื่อนต้องค่อยพูดเพื่อให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา

ส่วนด้านแอนนี่และลูกน้อย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดวันกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมา และยังคงเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในคอนโดมิเนียมเป็นวันที่ 5 แล้ว ท่ามกลางสื่อมวลชนไปดักรอเพื่อติดตามทำข่าวกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่แอนนี่เคยเรียกใช้บริการต่างก็บอกตรงกันว่า หลายวันที่ผ่านมาแอนนี่อยู่แต่ภายในที่พักและไม่ได้เรียกใช้บริการเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอยากอยู่กับลูกอย่างเงียบๆ จะมีเพียงญาติหรือเพื่อนสนิทแวะมาเยี่ยมเท่านั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ข่าวดาราสาวแอนนี่แอบมีสัมพันธ์กับฟิล์ม-รัฐภูมิ จนตั้งท้องและมีลูกถูกเผยแพร่ออกไปให้แฟนละครและแฟนคลับของฟิล์มรับรู้กันทั่วประเทศ แต่ฟิล์ม ซึ่งถูกระบุว่าเป็นพ่อของเด็กกลับออกมาแถลงข่าวเรียกร้องให้มีการตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ว่าใช่ลูกของตัวเองหรือไม่นั้น เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทำให้คนที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดฯบ้านสวนธน ซึ่งเคยพูดคุยและสัมผัสกับแอนนี่ต่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของแอนนี่เป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาต้องแอบตั้งท้องแบบหลบๆซ่อนๆมาตลอด จากการสอบถามต่างบอกว่าชอบที่เป็นดาราไม่เรื่องมาก ยังไงก็ได้ โดยเปรียบเทียบว่าแอนนี่เป็นผู้หญิงนิสัยเหมือนผู้ชาย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับการเปิดเผยจากผู้พักอาศัยในบ้านสวนธนคอนโดมิเนียมรายหนึ่ง ซึ่งเคยทำงานอยู่ในบริษัทอาร์เอสด้วยว่า เคยพูดคุยทักทายดาราสาวมาหลายครั้ง และรู้ว่าก่อนตั้งท้องแอนนี่คบกับนักร้องหนุ่มอยู่นานแล้ว เคยเห็นรถยนต์มินิสีครีมของฟิล์มที่เสี่ยอู๊ด-สิทธิกร บุญฉิม ซื้อให้ มาจอดที่คอนโดฯ บ่อยๆจนพักหลังได้เจอแอนนี่ลงไปทำผมที่ร้านเสริมสวยใต้คอนโดฯ ได้สังเกตเห็นดาราสาวอ้วนขึ้นและใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ แต่ตอนนั้นยังไม่แน่ใจ จนท้องใหญ่ขึ้นจึงได้ย้ายออกจากคอนโดฯ ไปพักอยู่ที่อื่นจนคลอดและมีข่าวจึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง ข่าวที่ออกมาทำให้คนในคอนโดฯ รู้ว่าแอนนี่ท้องไม่ใช่อ้วน

อดีตพนักงานอาร์เอสคนดังกล่าวได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า คนสนิทของแอนนี่ที่พักอยู่ที่เดียวกันได้เล่าเบื้องหลังข่าวฉาวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า หลังจากที่ทั้งสองคนคบหากันได้ระยะหนึ่งแอนนี่ได้ตั้งท้อง 2 เดือน และได้บอกให้นักร้องหนุ่มรู้ ซึ่งตอนนั้นทั้งสองคนก็รู้กันดีเพราะการท้องเกิดขึ้นระหว่างที่คบหากันอยู่ โดยแอนนี่ได้มีการตกลงกับฟิล์มไว้ว่าจะอยู่อย่างเงียบๆจนกว่าจะคลอด หลังจากนั้นทั้งสองคนจะเปิดแถลงข่าวขอโทษแฟนๆ ร่วมกันว่าได้คบหากันอยู่และได้พลาดท้องจนมีลูกด้วยกัน โดยฟิล์มจะรับเด็กที่เกิดออกมาเป็นบุตรตามกฎหมาย แม้ทั้งสองคนจะไม่อยู่ด้วยกัน แต่ฟิล์มจะช่วยส่งเสียดูแล ส่วนแอนนี่จะออกจากวงการไปเลี้ยงดูลูก ซึ่งแอนนี่ก็ได้ทำตามสัญญาปิดตัวเองเงียบมาตลอดจนคลอดลูกได้ 3 เดือน แต่เป็นนักร้องหนุ่มคนดังที่ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้

อดีตพนักงานคนเดิมกล่าวอีกว่า การผิดข้อตกลงทำให้แอนนี่เสียใจมาก เพราะตอนท้องต้องทนเก็บตัวมาตลอด หลังคลอดก็ออกไปไหนไม่ได้ งานแสดงก็ทำไม่ได้ จะอุ้มลูกไปไหนก็กลัวคนจะถามว่าท้องกับใคร เด็กจะถูกมองเป็นลูกไม่มีพ่อ เพื่อนของแอนนี่ที่รู้เรื่องจึงออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ส่วนการตรวจดีเอ็นเอครอบครัวของฟิล์มอยากให้ตรวจมานานแล้ว แต่ตอนนั้นฟิล์มกลัวข่าวจะรั่วจึงไม่ตรวจ จนเรื่องแดงขึ้นมาฟิล์มกลับออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจดีเอ็นเอ เรื่องนี้ทำให้แอนนี่โกรธการออกมาแถลงข่าวครั้งแรกของฟิล์ม เพราะทำให้ แอนนี่เสียหายถูกมองเป็นผู้หญิงไม่ดี จึงต้องตรวจดีเอ็นเอว่าใครเป็นพ่อเด็ก และการแถลงข่าวครั้งที่สอง ฟิล์มกลับมาบอกว่าเห็นเด็กแล้วรู้สึกรักมาก ที่พูดแบบนั้นคงเป็นเพราะจนมุมไม่มีทางออกแล้วจึงออกมาขอโทษและขอโอกาสทำงาน ซึ่งหากฝ่ายชายไม่เห็นแก่ตัวเองมากไปคงไม่เป็นแบบนี้ สำหรับแอนนี่ตอนนี้คงยังเก็บตัวอีกซักพักหนึ่ง เพราะในห้องพักได้มีการซื้อเสบียงอาหาร รวมทั้งผ้าอ้อมเด็กอ่อนตุนเอาไว้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ดี ในประเด็นที่มีการกล่าวถึงกันมากคือการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งขณะนี้เหมือนมีการกดดันให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตรวจนั้น ในวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า เรื่องการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอลูก เป็นสิทธิฟิล์มและแอนนี่กระทำได้ โดยตามข้อกฎหมายลูกที่เกิดจากพ่อและแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ฝ่ายหญิงจะได้รับสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนฝ่ายชายไม่มีสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร แต่ถ้าฟิล์มต้องการรับรองบุตรที่เกิดกับแอนนี่ ต้องยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอรับรองบุตร ต้องอธิบายเหตุผลว่าเหตุใดจึงต้องการรับรองบุตร ขณะเดียวกัน ถ้าแอนนี่ ไม่ต้องการให้ฟิล์มเป็นพ่อของเด็ก สามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเยาวชนฯได้เช่นกัน ซึ่งฟิล์มไม่สามารถบังคับให้แอนนี่ยอมตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ยกเว้นในกรณีที่ศาลมีคำสั่งตามคำร้องของฟิล์มเท่านั้น ทั้งนี้ เป็นดุลพินิจของศาลว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญในคดีหรือไม่ ศาลเองไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งให้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสมอไป ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ในระหว่างที่คบหากัน หากพิสูจน์ได้ว่าฝ่ายหญิงไม่ได้คบหาใครอีก ไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ ท้ายที่สุดหากมีการตรวจดีเอ็นเอ ผลปรากฏว่าฟิล์มไม่ใช่พ่อของเด็ก ก็ไม่สามารถไปยื่นฟ้องแอนนี่ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือเรียกค่าเสียหายได้ เพราะฝ่ายหญิงแม้จะเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าใครเป็นพ่อเด็ก แต่อาจเกิดความผิดพลาดจากความไม่ตั้งใจก็ได้

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมจะพิจารณาทบทวนรางวัล "ทูต
วัฒนธรรมไทย-เกาหลี" คืนจากฟิล์ม รัฐภูมิ ว่ายังไม่ ทบทวนตอนนี้ เพราะว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และถ้าเราไปทำอะไรในขณะนี้จะกลายเป็นการซ้ำเติม สถานการณ์ และซ้ำเติมความสัมพันธ์ของประชาชนที่มีต่อฟิล์มให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม ขอให้ทุกอย่างคลี่คลายก่อนแล้วจึงค่อยมาทบทวนกัน และต้องดูข้อเท็จจริงให้เรื่องยุติมากกว่านี้  ตนคิดว่ากรณีของฟิล์มก็เจ็บปวดกันทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นคงต้องดูซักระยะหนึ่งก่อน





 


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ



 



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์