ขวัญใจวัยโจ๋ บอล ต่าย ซีซั่นเชนท์

"เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" กลายมาเป็นประโยคฮิตติดปากวัยรุ่น ใช้แทนความรู้สึกห่วงใยกันและกัน


หลังจากภาพยนตร์เรื่อง "Seasons Change" ออกสู่สาธารณชน

"บอล-วิทวัส สิงห์ลำพอง" และ "ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ" กลายเป็นดาวดวงใหม่ขวัญใจวัยทีนไปเรียบร้อย แม้ว่าทั้งคู่ยังเรียนหนังสืออยู่ก็ตาม

คนแรก-บอล ยังเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 1 แต่มีข่าวว่าอาจย้ายมหาวิทยาลัยไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแทน

ส่วน ต่าย ยังเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดม ปีสุดท้ายแล้ว ปีหน้าก็จะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย

บทบาทในภาพยนตร์ที่ทั้งคู่ได้รับเป็นที่ถูกอกถูกใจทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ทั้งหลาย เพราะถ่ายทอดออกมาได้สมจริง

แต่ชีวิตนอกจอของทั้งคู่นั้นเป็นอย่างในหนังหรือไม่-ต้องฟังจากปากของทั้งคู่ หลังจากที่ภาพยนตร์ Seasons Change ออกฉายเรียบร้อยแล้ว


บอล-ผม 18 ครับ กำลังเรียนอยู่ปี 1 คณะมนุษยศาสตร์สื่อสารมวลชน รามคำแหง


ที่เลือกเรียนรามฯ เพราะว่าจะได้มีเวลาทำงานบันเทิงก่อน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าชีวิตผมจะเดินไปทางไหน คิดว่าปีหน้าผมจะย้ายไปเรียนทางด้านการแสดง ซึ่งน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า เพราะถ้าเรียนรามฯ จะมีอิสระเกินไปทำให้ขี้เกียจ ซึ่งตอนนี้เรื่องเรียนไม่ใช่ปัญหา


ต่าย-อายุ 19 ค่ะ เรียนอยู่ที่ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา


แม้ว่าจะต้องเล่นหนัง แต่การเรียนก็ให้ความสำคัญมากด้วยเช่นกัน ต้องคอยถามเพื่อนว่ามีงานอะไรบ้างและต้องส่งงานเมื่อไร เพื่อนๆ จะคอยช่วยเตือนผลการเรียน ช่วยเหลือ ซึ่งการเรียนเวลานี้ยังคงที่ ไม่ขึ้นไม่ลง

คิดว่าถ้าจบแล้วจะไปเรียนต่อทางด้านภาษา

เพราะว่าพ่อกับแม่อยากให้ทำงานเป็นล่ามและนักแปลหนังสือ อาจจะเลือกสอบเอ็นทรานซ์เรียนศิลปศาสตร์ด้านภาษา ที่ มศว ประสานมิตร หรือไม่ก็มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


เข้ามาในวงการบันเทิงแล้วรู้สึกอย่างไร?


บอล-ที่จริงผมเข้ามาในวงการนี้ 3 ปีแล้ว ตอนเด็กๆ ชอบดูหนังมากพ่อจะพาไปดู ส่วนแม่ก็เปิดละครให้ดูเราก็ติดทั้งหนังทั้งละคร จึงมีความคิดว่าโตขึ้นอยากจะเป็นนักแสดงบ้าง เป็นความใฝ่ฝันสมัยเด็ก

พอโตขึ้นก็มุ่งมั่นเต็มที่ทำฝันให้เป็นจริง

เข้าไปสมัครกับโมเดลลิ่งได้งานประมาณ 10 ชิ้น แต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก กระทั่งมาเจอกับ ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับหนังเรื่อง Seasons Change ได้มอบบทพระเอกให้ ทำให้คนรู้จักผมมากขึ้น


ต่าย-ของต่ายเข้ามาได้ปีเดียว ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง


เรียกว่าเข้ามาแบบฟลุคๆ มากกว่า ตอนที่เรียกไปแคสติงก็ยังไม่รู้ว่าอะไร ครั้งแรกก็ไปแคสถ่ายภาพนิ่ง เพราะว่าชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว จากนั้นได้งานมาทำ ชอบตรงที่ทำแป๊บเดียวก็ได้เงินแล้ว พอได้มาทำจริงๆ ก็สนุกดี


- ดูเหมือนว่าเป็นดาราไม่ยากเลย


บอล-ผมว่ามันขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส บางทีเขาก็ไม่ต้องการคนหน้าตาดีเสมอไป อยู่ที่คอนเซ็ปท์ของงานมากกว่า


ต่าย-แต่ต่ายว่าหน้าตาก็มีส่วนเหมือนกันนะ


- คนที่เข้ามาในวงการนี้จะต้องทำตัวอย่างไร?


บอล-อย่างแรกก็ต้องกล้าแสดงออก ต้องรู้จักแสดงความคิดเห็น และที่สำคัญต้องเป็นตัวของตัวเอง คนที่จะเข้ามาทำงานวงการนี้ได้จะต้องใช้ความพยายามและความอดทน รวมถึงความตั้งใจ มุ่งมั่น และการวางตัวให้ถูกกาละเทศะด้วย


คนจะเข้ามาในวงการนี้ อย่างแรกต้องดูว่ามีโอกาสหรือไม่


ถ้ามีโอกาสน่าจะทำ แต่ไม่ต้องไปขวานขวายให้มาก เพราะคิดว่าคนเราถ้าดวงจะมาทางนี้ หรือมีโชคชะตาทางนี้มันก็จะมีงานเข้ามาหาเราเอง เข้ามาแล้วก็ต้องรู้จักหน้าที่ของตนเองก่อน ต้องรู้จักว่าทำอะไรอยู่ เช่น หากยังเรียนหนังสืออยู่ก็ต้องเรียนก่อนเพื่อจะได้เป็นพื้นฐาน ส่วนการแสดงเป็นงานอดิเรก หากเราอยากทำเป็นอาชีพ ทำได้ก็ทำ ถ้าคิดว่าเราถนัดก็ทำ

ถ้าไม่ถนัดก็อย่าไปฝืนทำเลย

แต่ถ้าจะอยู่ในวงการนี้ก็ต้องใช้การฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะในวงการนี้ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ


- กิจกรรมยามว่างชอบคุยโทรศัพท์หรือเปล่า?


บอล-ผมคิดว่าการติดต่อสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต (ยิ้ม) แต่ถ้ามีเวลาว่างมากก็ไปเตะบอล อ่านหนังสือนิยาย และหนังสือการ์ตูน

ต่าย-เป็นคนไม่ติดโทรศัพท์ เพราะไม่ชอบพูดมาก ไม่ชอบคุย ไม่รู้จะคุยอะไร คุยแค่ธุระเรียบร้อยแล้วก็วางสาย แต่ชอบทำอย่างอื่นมากกว่า เช่น กินขนม ช็อปปิ้ง ดูหนัง เวลานี้แม่บังคับให้เล่นเปียโน แม่บอกว่าโตขึ้นถ้าไม่มีอะไรทำจะได้ไปเป็นอาจารย์สอนเปียโน

ซึ่งก็เล่นได้ระดับหนึ่งแล้วเป็นเพลงคลาสสิค แต่ระยะนี้ไม่ค่อยได้ไปเรียน เพราะขี้เกียจ


มีคนรู้จักมากขึ้นอึดอัดไหม?


บอล-พอสมควร ก็มีสาวๆ บางครั้งเป็นสาวประเภทสองจะเข้ามาหาเลย วันนั้นผมเดินเล่นที่ห้าง เจอสาวประเภทสองเดินตาม ผมมาคนเดียว เขามากันเป็นกลุ่ม 8 คน เดินตามผมเรียก "บอลๆๆ"

ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง กลัว ก็ได้แต่เดินหนี ถ้าเป็นผู้หญิงจริงผมไม่กลัว (หัวเราะ) เป็นข่าวกับผู้หญิงดีกว่า...(หัวเราะ)


ต่าย-มีบ้าง แต่ก็ดีมีคนรู้จักเรามากขึ้น บางคนไปดูหนังเรามาแล้วเขาจำได้ก็จะมาทักทาย

บางคนก็ขอเข้ามาถ่ายรูปด้วย บางคนขอให้เต้นให้ดูงงมาก...ก็บอกไปว่าไปดูหนังเอาเองแล้วกันนะ รู้ว่าเขาพูดเล่น มีรุ่นน้องที่โรงเรียนมาทักว่าใช่เราหรือเปล่า ขนาดเพื่อนเก่าที่เราจำหน้าไม่ได้แต่จำชื่อได้ยังโทรศัพท์มาที่บ้านถามเราว่าจำเขาได้หรือเปล่า

ก็บอกไปว่าจำได้ แต่โทร.มาทำไม งง...(หัวเราะ) อยู่ดีดีก็โทร.มาเขาคงดูเบอร์โทรศัพท์จากหนังสือรุ่น


เรียกว่ามีแฟนคลับแล้ว


ต่าย-ตอนที่ไปอัดรายการก็จะมีที่ตามมาบ้าง หรือจดหมายส่งมา มีอยู่ฉบับหนึ่งแปลกมากส่งมาที่โรงเรียนบอกว่ารู้จักเราจากการอ่านนิตยสารแคมปัส เป็นผู้ชายเขียนจดหมายมาว่าอยากรู้จักและเป็นเพื่อนกับเรา งง... ในเว็บไซต์ก็มี แต่ส่วนใหญ่จะมีแบบขำๆ ส่วนมากคนที่ชอบเราเพราะเห็นว่าเราตลกดี


บอล-มีส่งจดหมายมาที่บ้านเยอะมาก

ส่วนใหญ่ส่งมาให้กำลังใจ บางคนก็ให้ส่งรูปกลับไป ผมส่งจนไม่เหลือรูปจะส่งไปให้แล้ว ชีวิตตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ไม่มากเปลี่ยนนิดหน่อย เมื่อก่อนเรียนหนังสืออย่างเดียว แต่ตอนนี้ก็ต้องทำงานด้วย เวลาเที่ยวเล่นเหมือนเมื่อก่อนเลยน้อยลง จากเดิมเลิกเรียนไปเดินเล่นกับเพื่อน เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้วต้องรีบมาทำงาน


บอล ของผมมีเวลาส่วนตัวน้อยลง


ต้องเอาเวลาไปทุ่มเทกับงานมากขึ้น ถามว่าเราเดือดร้อนในส่วนนี้ไหม ไม่เดือดร้อนครับ ผมว่ามันคือประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตของเรา ส่วนข้อที่ไม่ดีคือสูญเสียเวลาความเป็นส่วนตัว อันนี้ใช่เลย












เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์