กู๊ดวี10ช็อกคาบ้านAF

บ้านเอเอฟป่วน นักล่าฝัน “กู๊ด-V10” หรือ น.ส.สาธิกา ศิริบุญโญ สาวน้อยวัย 19 ปี ผู้เข้าแข่งขัน “อะคาเดมี่แฟนเทเชีย 5” รายการทรูเรียลริตี้ ของบริษัททรูวิชั่นส์

ที่ออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ช่อง 20 ถูกหามส่งโรงพยาบาลไทยนครินทร์ ย่านบางนา อย่างกะทันหัน เนื่องจากเกิดอาการเครียดจัด ร่างกายบิดเกร็งมือเท้าหยิกงอ หลังถูกครูเป็ด-วาเนสซ่า กัณโสภณ ครูสอนเต้นชื่อดังดุ เรื่องที่กู๊ดไม่ค่อยเอาเพื่อนฝูง เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง สร้างความกดดันให้กู๊ดจนเกิดอาการช็อกกลางบ้านเอเอฟ
 

เหตุการณ์ระทึกดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 25 มิ.ย. โดยเหล่านักล่าฝันกำลังเข้าห้องเรียนเต้นกับครูเป็ด ซึ่งที่ผ่านมานักล่าฝันค่อนข้างเครียดเกี่ยวกับปัญหาภายในบ้านที่เกิดขึ้น

ทั้งเรื่องข่าวคราวความรักของเพื่อนๆ มิกกี้-V6 น.ส.อิสรีย์ ทองธรรมโรจน์ กับ แต๊ป-V3 นายธนพล มหธร และคู่ของ ปั๊ม-V8 นาย สหรัส นฤคุปต์ชาญชัย และ กรีน-V16 น.ส.อัษฎาพร สิริวัฒน์กุล ถึงแม้กู๊ดจะไม่ได้มีข่าวรักๆ ใคร่ๆ เหมือนอย่างเพื่อนนักล่าฝันคนอื่นๆก็ตาม แต่กู๊ดกลับมีข่าวในเชิงลบว่าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ครูเป็ดเลยเรียกเด็กทุกคนมาคุย และกู๊ดถูกครูตำหนิอย่างรุนแรงต่อหน้าเพื่อนร่วมบ้าน เรื่องไม่เอาเพื่อน ไม่มีเสน่ห์ในตัวเอง พร้อมทั้งสอนเรื่องการสร้างเสน่ห์ อยากให้กู๊ดปรับปรุงการมีมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนและผู้อื่น เพราะหากอนาคตมีแฟนคลับจะได้ดูแลแฟนคลับได้เป็นอย่างดี ครูเป็ดยังพูดแทงใจดำกู๊ดอีกว่า ที่กู๊ดอยู่รอดในบ้านเอเอฟมาได้จนบัดนี้ เพราะพ่อแม่โหวตให้และเสียงดีหรอกถึงจะอยู่รอดได้ หลังจากครูเป็ดพูดจบก็เดินออกไปด้วยความโกรธ  



ในขณะที่กู๊ด ซึ่งเป็นผู้ฟัง รับไม่ได้กับคำตำหนิดังกล่าวและรู้สึกเสียใจมากที่ถูกครูดุต่อหน้าเพื่อน จึงเกิดความเครียดและถึงกับปล่อยโฮร่ำไห้ออกมาอย่างหนัก

เพื่อนนักล่าฝันที่เห็นเหตุการณ์แม้จะตกใจ แต่ก็กรูกันเข้ามาช่วยกันปลอบกู๊ด ที่ร่างกายเริ่มมีอาการเกร็ง มือเท้าหงิกงอ หายใจติดขัด ขาเริ่มบิดหงิกงอ ขณะที่ปากก็พร่ำพูดว่าหายใจไม่ออกพร้อมกับร่างค่อยๆเอนลงกับพื้น จน กี๋-V14 ฐษชัย ชนะอรรถกาล ต้องปรี่เข้ามาประคองและเรียกทีมงานเข้ามาดูอาการ เมื่อเห็นท่าไม่ดีและหวั่นว่ากู๊ดจะอาการหนักกว่านี้ จึงรีบพาตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ขณะที่ครูเป็ดก็เกิดความตกใจและเป็นห่วงลูกศิษย์มาก พร้อมกับรู้สึกเสียใจและคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้กู๊ดเกิดอาการอย่างนี้


ส่วนกู๊ดหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไทยนครินทร์ แพทย์ได้นำเข้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งแพทย์ระบุว่าสาเหตุที่กู๊ดเกิดอาการเช่นนี้เพราะมีภาวะกดดันจนทำให้ร่างกายเกิดความเครียดและตกอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

แต่ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว และแพทย์ให้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 1-2 วัน โดยให้น้ำเกลือและยานอนหลับ ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลกลับเข้าบ้านอะคาเดมี่แฟนเทเชีย เพื่อแข่งขันต่อได้ และจากการตรวจร่างกายแพทย์พบว่ากู๊ดเป็นโรคโลหิตจาง ระหว่างที่เก็บตัวอยู่ในบ้านเอเอฟก็เคยเป็นลมเข้าโรงพยาบาลมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่แพทย์ระบุว่ากู๊ดสามารถหายทันวันขึ้นโชว์ในสัปดาห์ที่ 5 ในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. นี้ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานีได้



ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวออกมาว่า แม่ของกู๊ด ไม่พอใจที่ลูกเจอเรื่องกดดันจนเครียด จะให้กู๊ดออกจากบ้านเอเอฟ

ทั้งที่กู๊ดถือว่าเป็นผู้แข่งขันที่เสียงดี และเหลือ เวลาแข่งขันอีกเพียง 7 อาทิตย์ จะทราบผลว่าผู้แข่งขัน คนไหนจะได้เป็นผู้ชนะแล้ว ต่อมา ช่วงค่ำ ผู้สื่อข่าวไปดูอาการของกู๊ดที่โรงพยาบาลไทยนครินทร์ พบว่าแพทย์นำตัวกู๊ดออกจากห้อง ไอซียู ไปพักฟื้นที่ห้อง 1022 ชั้น 10 โดยกู๊ดนอนซมอยู่ บนเตียงคนไข้ มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง ท่าทางอ่อนเพลียอิดโรย มีญาติๆและทีมงาน รวมทั้งแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
 

พญ.สุธร ธีระบัญชาศักดิ์ แพทย์อายุรกรรมทั่วไป เผยว่า คนไข้เมื่อมาถึงมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เหมือนคนเหนื่อยหอบ มือเท้าชา

เบื้องต้นน่าจะมาจาก การอ่อนเพลีย แต่เมื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดทราบว่า เป็นโรคโลหิตจาง เหตุที่กำเริบเพราะอาจจะมาจากอากาศร้อน หรือความเครียดของร่างกาย เช่น การฝึกซ้อมอย่างหนัก การรักษาได้ให้น้ำเกลือที่มีส่วนผสมของยาแก้อาการหอบและเหน็บชา นอกจากนี้ ยังให้ยาบำรุงเลือด ตอนนี้ อาการอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้วให้พัก 1-2 วัน สามารถออก จากโรงพยาบาลได้ โดยแนะนำให้ผู้ป่วยอย่าเครียด นอนพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชม. และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ คาดว่า 2 วัน ก็กลับเข้าบ้าน AF ได้ อาการ ของน้องไม่ได้ร้ายแรงขนาดที่ว่าต้องออกจากรายการ ที่สำคัญก็คือต้องพักผ่อน ไม่ซ้อมหนักจนเกินไป เพื่อจะได้ ไม่เกิดความเครียดและกดดัน



ในเวลาต่อมา  ครูเป็ดได้เดินทางไปเยี่ยมอาการ “กู๊ด” ที่โรงพยาบาล พร้อมกับเผยว่า จริงๆไม่ได้ต้องการให้น้องกู๊ดเครียดขนาดนั้น

ตนไม่ได้โกรธ คืออยากให้ น้องเขาหยุดคิดดูว่า  ยอมรับกับที่ครูสอนไปหรือเปล่า ไม่ได้อยากให้เสียใจ  ได้สอนไปเรื่องการทำตัวให้มีเสน่ห์ เพราะว่าน้องกู๊ดชอบอยู่คนเดียว เก็บตัว กลัวว่าเวลาออก ไปเจอแฟนคลับ แฟนคลับจะไม่รัก ไม่เอ็นดู เหมือนกับไม่สร้างความผูกพันให้กับคนอื่น เลยบอกให้น้องเขาสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเอง แต่ไม่ได้อยากให้กู๊ดร้องไห้ทุกครั้ง พอพูดจบก็เดินออกไป น้องเขาคงคิดว่าตนโกรธมาก

พอปิดประตูสักพัก ครูก็ได้ยินเสียงปั๊มร้องว่า กู๊ดชัก เลยวิ่งกลับเข้าไปดู

ก็บอกให้เด็กๆอย่ามุง แล้วกี๋ก็อุ้มน้องออกมา ทีมงานก็พาไปส่งโรงพยาบาลที่โรงพยาบาล ได้กระซิบที่ข้างหูน้องเค้าว่าหายไวๆนะ ครูไม่ได้ตั้งใจ ครูขอโทษ กลับมาบ้านไวๆ จะได้ขึ้นไปร้องเพลงอย่างที่เขารัก ต่อไปนี้คงไม่กล้าดุกู๊ดอีกแล้ว คงจะแค่สอนเต้นอย่างเดียว แล้วทำโชว์ให้ดีที่สุด  เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 

ขณะที่บอย อรรถพล ณ บางช้าง รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายรายการ ทรูวิชั่นส์ เผยกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องกู๊ดว่า เท่าที่ทราบครูไม่ได้กดดันเด็ก ครูมีหน้าที่สอน

ปกติกู๊ดมีความกดดันเครียดง่ายอยู่แล้ว ถือเป็นภาวะเครียดส่วนตัว เมื่อถามว่า อาหารไม่ถูกสุขลักษณะหรือเปล่า บอยตอบว่า อาหารในบ้านนั้นมีหลากหลาย เป็นวาไรตี้ มีครบ 5 หมู่ เลือกได้หลายแบบ แต่ครบ 5 หมู่แน่นอน ถ้าไม่สบายเด็กก็สามารถเปลี่ยนอาหารที่อยากจะกินได้ อาหารพิเศษก็สามารถบอกทางรายการให้จัดมาให้ ส่วนเรื่องที่พ่อแม่สามารถเข้าไปเยี่ยมเด็กได้หรือไม่นั้น ต้องถามหมอว่าสภาพของเด็กต้องการพ่อแม่มากแค่ไหน ต้องดูที่หมอเป็นหลัก เพราะถ้าเด็กคนอื่นไม่สบายและพ่อแม่เข้ามาทุกคนก็แย่



ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพ่อแม่จะเอาเด็กกลับบ้านได้หรือไม่ บอยตอบว่า ถ้าจะกลับบ้านเป็นสิทธิ์ของพ่อแม่ ต้องเคารพการตัดสินใจของพ่อแม่

แต่ก็ทำได้ถ้ายืนยันว่าจะไม่แข่งขันต่อ ทางรายการก็ไม่ว่าอะไร เมื่อถามว่า คิดว่าครูเป็ดว่าแรงไปหรือเปล่า บอยตอบว่ายังไม่ได้ฟังชัดเจน แต่โทษครูเป็ดก็ไม่ได้ เพราะเด็กเกิดภาวะกดดันอยู่แล้ว ครูเป็ดเพียงพูดว่า ไม่อยากให้มีโลกส่วนตัวมากเกินไป อยู่กับเพื่อนบ้าง เหมือนกับมิวสิคปีที่แล้ว ที่ป่วยจนเกือบขึ้นเวทีไม่ได้ 


นางอรวรรณ ศิริบุญโญ คุณแม่น้องกู๊ด-วี 10 ให้ สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ยังไม่ได้เจอน้องกู๊ดเลย เพราะเป็นกฎของทางรายการ
 
ตอนแรกได้ทราบเรื่องจากเพื่อนๆ แล้วก็แฟนคลับ ตนเป็นห่วงและตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ พอได้มาคุยกับทีมงานแล้วหายห่วง เพราะลูกถึงมือหมอแล้ว มีทีมงานดูแล ทำให้สบายใจขึ้นมาก ส่วนเรื่องที่จะให้ลูกออกจากบ้านเอเอฟนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนี่เป็นความฝันของเขามาตั้งแต่เด็ก เหลืออีกไม่ไกลก็จะถึงฝั่งฝันแล้ว อยากให้เขาได้สู้ อยากให้กลับเข้าบ้านแล้วสู้เพื่อความฝันต่อไป เพราะพ่อแม่และทุกคนเป็นกำลังใจให้อยู่

แม่ไม่โทษครูเป็ด ครูเป็ดทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ที่สอนและชี้นำสิ่งที่ถูกให้ลูกศิษย์

ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่เอาใจใส่ลูก ให้กู๊ดได้รู้จักปรับปรุงตัวเองเพื่ออนาคตที่ดีของเขา เข้าใจว่าคงเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดกัน คงไม่มีอะไร และจะดีขึ้นตามลำดับ อยากให้กู๊ดสู้ต่อไปเพื่อแฟนคลับและทุกคนที่ให้กำลังใจ อดทนเยอะๆ พ่อแม่ภูมิใจและเป็นกำลังใจให้เสมอ



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์