กสทช.จี้ช่อง3ส่งเทปเหนือเมฆ2พิสูจน์


กสทช.จี้ช่อง3ส่งเทปเหนือเมฆ2พิสูจน์

'ช่อง3-นนทรีย์' เมินร่วมเวทีจุฬาฯจัดถกเหนือเมฆ 2 กสทช.จี้ส่งเทปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ 

หลังปัดโดนการเมืองแทรกแซง ด้าน 'พร้อมพงศ์' ยัน 'ทักษิณ' ไม่เกี่ยวแบน

               วันที่ 8 ม.ค. 2556 ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการจัดเสวนาเรื่อง "บอกความจริงเรื่องเหนือเมฆ2: สงสารช่อง 3 หรือประชาชนดี"  โดยมี น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสทช.)  น.ส.สุวรรณา สมบัติรักษาสุข อดีตประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย อาจารย์สุภาพร โพธิ์แก้ว หัวหน้าภาควิชาสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการด้านนิเทศศาสตร์ ร่วมแสดงความคิดเห็น
               ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีชื่อของนายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และนายนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับละคร “เหนือเมฆ 2” จะเข้าร่วมเสวนาด้วย แต่เมื่อถึงเวลาบุคคลทั้งสองไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด
               น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า ทางช่อง3 ได้ส่งหนังสือมาชี้แจงว่าละครเรื่องดังกล่าวมีความไม่เหมาะสม และขัคต่อมาตรา 37 พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 นั้น ตนเห็นว่า กฎหมายฉบับนี้ กสทช.เป็นผู้ดูแล ดังนั้น การที่จะบอกว่าเรื่องใดขัดต่อมาตรา 37 กสทช.ต้องเป็นผู้ออกมาบอกเอง ไม่ใช่ช่อง 3 จึงเตรียมจะเชิญช่อง 3 มาชี้แจกอย่างเป็นทางการ และข้อให้นำส่งเทปละครเหนือเมฆ 2 มาตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ามีผลกระทบตามมาตรา 37 จริงหรือไม่ โดย กสทช.ขอเวลา 1 สัปดาห์เพื่อรวบรวมข้อมูลและหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
           
               “ช่อง 3 ควรจะส่งเทปละครมาตรวจสอบ ถ้าไม่ขัดต่อมาตรา 37 ก็สามารถออกอากาศได้ แต่ถ้าไม่ออกอากาศก็ต้องตอบให้ได้ว่ามีเหตุผลอะไรจึงยุติการออกอากาศ" น.ส.สุภิญญา กล่าว
 
               ด้านน.ส.สุวรรณา กล่าวว่า ไม่อยากเห็นบ้านเมืองมีประเด็นปัญหาเรื่องการปิดกันการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นหนึ่งในการปิดกันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งเป็นการปิดกันตัวเองไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรและไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชนช่องอะไรก็ตาม ถ้าเจอเหตุการณ์เช่นนี้ประชาชนรับได้หรือไม่ แต่วันนี้ตนอยากให้มองในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สังคมไทยกำลังถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
           
               ขณะที่อ.สุภาพร กล่าวว่า สื่อต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นสิ่งที่ต้องจำขึ้นใจ แม้ว่าจะมีกองการตรวจสอบสื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ความรับผิดชอบไม่ได้มีแค่ตามมาตรา 37 เท่านั้นแต่ยังร่วมไปถึงการช่วยกันสร้างสรรค์สังคม โดยการสร้างสรรค์ผลงานคือข้อต่อสู้ของคนทำสื่อและเป็นข้อต่อสู้ที่ต้องการความหลากหลาย ถ้าสังคมได้รับโอกาสให้มีการรับรู้เรื่องราวที่หลายหลาย ประชาชนก็มีโอกาสที่จะรับรู้ข้อมูลต่างๆได้มากขึ้น ในขณะที่สื่อก็ต้องทำหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมด้วย ดังนั้น ประชาชนทุกคนย้อมมีสิทธิดูละคร และย้อมมีสิทธิเสรีภาพในการตีความหมายของละครนั้นๆ แต่วันนี้เสรีภาพที่ประชาชนควรจะได้รับจากการได้ดูละครและตีความหมายมันถูกจำกัดไปทุกพื้นที่
               “การแบนละครเหนือเมฆ 2 เป็นปรากฏการณ์เซ็นเซอร์ตัวเอง เจ้าของช่องตรวจสอบไม่ให้ละครในช่องออกอากาศ ถือเป็นข้อที่อันตรายที่สุด เพราะเมื่อเราเซ็นเซอร์ตัวเองเราจะหวังให้วงการสื่อสารมวลชนมีกว่ากล้าหาญชาญชัยได้อย่างไรที่จะคิดตั้งประเด็นทางสังคมมาสื่อสารและเปิดหูเปิดตาประชาชนทั้งๆที่เป็นภารกิจของสื่อมวลชน และจากเหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่านอกจากข่าวแล้ว ละครยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อความรู้สึกรับรู้ของประชาชน”อ.สุภาพร กล่าว

'พร้อมพงศ์'ยัน'ทักษิณ'ไม่เกี่ยวแบน
               นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีการโยนบาปว่า เป็นการสั่งการของรัฐบาลและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย และคนในรัฐบาลไม่มีใครสั่งถอดละครเรื่องนี้ ไม่มีการเข้าไปแทรกแซง เราให้สิทธิเสรีภาพสื่อทำงานเต็มที่  ละครคือบทบาทสมมติ อยากเรียกร้องช่อง 3 แสดงความชัดเจนให้นำละครเรื่องนี้มาออนแอร์ต่อให้จบ การทำเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์กับรัฐบาล เป็นเกมการเมือง ทำให้ฝ่ายค้านนำประเด็นมาโจมตีทำลายความเชื่อถือของรัฐบาล โยนบาปให้พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลเป็นแพะ 



ภาพจาก ละคร เหนือเมฆภาพจาก ละคร เหนือเมฆ


ภาพจาก ละคร เหนือเมฆภาพจาก ละคร เหนือเมฆ


ภาพจาก ละคร เหนือเมฆภาพจาก ละคร เหนือเมฆ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์