กว่าจะมีวันนี้! แร็ปเปอร์ชื่อดัง เปิดใจ เคยอดอยาก ถึงขั้นขโมยกินอาหารแมวมาก่อน!!

เพราะตอนเด็กๆ ก็เห็น พ่อแม่ชอบฟังเพลง อัลบั้ม ‘อเมริโกย' ของ ‘คาราบาว' ตัวเองก็จะชอบและสนใจอ่านปกอัลบั้มเพลงทุกอัลบั้ม ซื้ออัลบั้มแรกมาฟัง จำได้ว่าของ ‘แร็พเตอร์' จากนั้นก็ฟังตามเพื่อน ตอนนั้นก็มี MC Hammer, Vanilla Ice ของไทยก็มาเจอ ‘โจอี้ บอย' ฟังของพี่โจ้ ไปสองชุดก็เริ่มอยากแร็ป ก็ลองฝึกเอง แกะทุกคำ ฝึกลงบีท ฯลฯ ผมจะชอบอ่าน ศึกษาว่าเพลงนี้ใครเขียน ใครเป็นคนแต่ง อ่านปกเครดิตมันไปทุกอัลบั้ม ว่าใครเป็นคำทำ ซึ่งมันคือการฝึกให้เราสนใจเป็นนักแต่งเพลงโดยไม่รู้ตัว จนวันนึงเริ่มเขียนเพลงเอง ตอนนั้น EMINEM เริ่มมา คิดว่าการด่า เป็นอะไรที่เท่ห์ ก็ลงมือแต่งเลย แล้วเอาไปให้เพื่อนฟัง เพื่อนชอบ แต่ก็ยังไม่ได้บอกว่าฝีมือเรา ตอนนั้นก็อ้างไปว่าเป็นวงใต้ดิน จุดนั้นคิดแล้วล่ะว่าตัวเองทำสำเร็จ

ก็บอกแม่ไม่ต้องส่งเงินมา คิดว่าจะได้ออกอัลบั้มแล้ว ก็ออกจากการเรียนเลย มุ่งหน้าสู่การเป็นศิลปินเต็มตัว ไปบอกพี่โจ้ เขาก็ชวนมาอยู่ด้วยกันเพราะจะทำบริษัทฯ พอดี ก็หารค่าห้องกันคนละครึ่ง (คนละ 5,000 บาท) อยู่ได้ 3 เดือน อัลบั้มก็ยังไม่ได้ทำ เงินก็หมด เพราะคิดว่าพอตัวเองได้ออกอัลบั้มก็จะมีเงิน แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอเงินเริ่มหมด ที่นี้ไม่มีจะกินแล้ว พี่โจ้ฝากเงินในส่วนของเค้าให้มาจ่ายค่าห้อง แต่เราดันเก็บไว้ ไม่ได้จ่าย ชีวิตลำบากมาก ก็หุงข้าวใส่ซอสคลุกกินได้ 2 มื้อ บางวันก็ไม่พอ ด้วยความที่มันหิว ก็ไปขโมยข้าวที่ข้างๆ ห้องเค้ากินเหลือแล้วทิ้ง นำมากินปะทังชีวิตไป ซึ่งทำบ่อยมาก ขนาดอาหารแมวก็ลองกินมาแล้วเป็นปี จนค่าเช่าห้องเพิ่ม ความก็แตก พี่โจ้รู้ เขาไม่ด่าเลยนะ เขาช่วยจัดคอนเสิร์ตช่วยน้องฟักกลิ้งฮีโร่ ได้เงินมาใช้หนี้ค่าห้อง พี่โจ้ก็บอก มึงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะต้องย้ายออก เราก็ย้ายออก บางวันไปทำธุรที่ไหนก็ต้องนอนที่นั่น ไม่มีก็นอนมันป้ายรถเมล์ก็เคยมาแล้ว ถึงจุดนึงไม่ไหว เลยไปขอนอนที่แกรมมี่ มีข้าวกองกิน ชีวิตก็ดีขึ้น

ก็ได้เงินมา 8 หมื่น คนรู้จักเยอะ แต่ไม่มีงานจ้าง จนต้องหางานทำ เป็นทั้งนักเขียน ครีเอทีฟ ทำทุกอย่าง เพื่อหาเงินมาให้พอค่าใช้จ่าย แต่งานมันตีกันมั่วไปหมด สุดท้ายมันไม่เวิร์คสักอย่าง ก็เลิกเป็นนักเขียน และโดนแกรมมี่ไล่ออก เพราะไม่เข้าออฟฟิศ สุดท้ายถามตัวเองว่าอยากเป็นอะไร "แร็ปเปอร์" คือคำตอบ 

จากนั้น ก็นั่งอยู่ห้อง ว่างงาน นั่งเขียนเพลงมันทุกวัน อยู่ประมาณครึ่งปี ก็ได้เพลง "ราตรีสวัสดิ์" ออกมา ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ไม่ได้เงิน แต่มีคนรู้จักมาก จนได้มีโอกาสทำงานฟีเจอร์ริ่งกับศิลปินในวงการมากมาย จนวันนี้

ช่วงชีวิตนึง ผมติดเหล้าหนักมาก คิดว่าตายกินมันจนตายแน่นอน จากเงินที่ได้มามากมาย ก็เริ่มหมด ภรรยาก็มาบอกว่าท้อง เออแต่ทำไมผมร้องไห้ พอตั้งสติได้ ว่าลูกจะนำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เรา นั่นคือ จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตและการเริ่มต้นสู้ครั้งใหญ่ ทุกวันนี้มุมมองการทำงานก็เปลี่ยนไป จากเพลงที่เคยแต่ใช้คำด่าก็เปลี่ยน ไม่คิดจะทำเพลงเพื่อเปลี่ยนโลกแล้ว อยากทำอะไรที่มันจรรโลงใจคน แต่ถ้าอยากเล่าเรื่องบางอย่างที่น่าเกลียด ก็จะเล่าในแบบเปอร์สเปกทิฟ ที่บวกๆ เข้าไว้ ตอนนี้ผมมีความสุขกับอาชีพฮิปฮอปมาก