กว่าจะมาเป็นชายหนุ่มที่ชื่อว่า เรน

ด้วยใบหน้าที่แสนจะธรรมดาและดวงตาที่ตี่เล็กเหมือนกับคนจีน จึงทำให้ก้าวแรกบนถนนสายบันเทิงของชายหนุ่มขี้เล่นอย่างชองจีฮุน

หรือที่แฟนเพลงทั่วโลกรู้จักเขาในนาม “เรน” เมื่อปี 2545 ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
ในตอนนั้นเห็นจะมีเพียงดาราสาวเกาหลีเท่านั้นที่ชื่นชอบเขา พวกเธอจะทั้งตะโกนและกระทืบเท้าอย่างเมามัน ยามที่นั่งอยู่ในที่นั่งสำหรับแขกวีไอพีในงานประกาศผลรางวัลเพื่อส่งเสียงเชียร์เขา ขณะนั้น “เรน” เป็นแค่นักร้องหน้าใหม่คนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าผู้คนในวงการบันเทิงจะรู้ว่าใครกำลังจะเป็นซูเปอร์สตาร์คนต่อไป



หลังจาก   นั้น 2 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2547 เรนมีโอกาสได้แสดงในละครชุด  “ฟูลเฮาส์” หรือสะดุดรักที่พักใจ ในชื่อภาษาไทย

ร่วมกับซองเฮเคียว ซึ่งเดินทางมาถ่ายทำที่จังหวัดภูเก็ต และผมก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมอยู่ในทีมงานถ่ายทำคณะนั้น เรนเดินทางไปถึงภูเก็ตช้ากว่าซองเฮเคียว 1 วัน เพราะเขาจะต้องโปรโมต  อัลบั้มเพลงครั้งแรกที่กรุงเทพฯก่อน การขึ้นเวทีในเมืองไทยครั้งแรกของเขากลับไม่เป็นไปตามที่หวัง แทบจะไม่มีใครจำเขาได้ และอัลบั้มชุดนั้นก็ไม่ดังเปรี้ยงปร้างในไทย หลายคนคิดว่าเขาคงจะไม่ประสบความสำเร็จในไทยอย่างแน่นอน

แต่หลังจากนั้นอีก 2 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 บัตรคอนเสิร์ตที่เขาจะขึ้นแสดง ณ อิมแพ็ค อารีนา 13,000 ใบ กลับขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว

ให้หลัง 3 เดือน เค.ที.ซี.ซี ทำแบบสอบถามและพบว่าคนไทยร้อยละ 78 ตอบว่าพวกเขารู้จักว่า “เรน” คือใคร จนถึงวันนี้ห่างจากวันนั้นมาอีก 2 ปี เรนไม่เพียงประสบความสำเร็จกับคอนเสิร์ตของเขาในเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเวิลด์ทัวร์ที่มีขึ้นในหลายเมืองทั่วโลกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นวันนี้เรนยังมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์ของฮอลลีวูด และมีรายได้กว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ ที่สำคัญเขามีบริษัทเป็นของตัวเอง


เรนเป็นเพียงชายหนุ่มวัย 26 ปี ที่เกิดในปี พ.ศ. 2525 เขาก้าวขึ้นมาจากเด็กวัยรุ่นที่มีฐานะยากจนคนหนึ่ง

ซึ่งสิ่งที่วัยรุ่นชายชาวเกาหลีทุกคนใฝ่ฝัน นั่นคือการเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่สิ่งหนึ่งที่เรนแตกต่างจากคนอื่นก็คือ คติประจำใจที่เขายึดถือมาตลอดที่ว่า “ทำให้ดีที่สุด  อดทน และนอบน้อมอยู่เสมอ” เมื่อผมมองเห็นเขา ผมพบว่าเขาใช้ชีวิตโดยยึดถือหลักประจำใจที่ว่านั้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับเขาอย่างใกล้ชิดในการถ่ายทำละครชุดฟูลเฮาส์

เรนจะมาถึงสถานที่ถ่ายทำเป็นคนแรกเสมอ เมื่อเขาไม่เข้าใจเรื่องราวที่ถ่ายทำ เขามักจะพูดกับ     ผู้กำกับว่า “โปรดทำให้ผมดูอีกครั้ง”

เขาไม่ลังเลเลยที่จะกระโจนลงไปในทะเลที่มีคลื่นสูง ไม่เพียงเท่านั้นเรนยัง   เข้ากันได้ดีกับทีมงานทุกคน เขารับประทานแกงกิมจิ เมนูธรรมดา ๆ เหมือนกับทุกคน และเขารู้ดีว่าควรจะแสดงความรู้สึกขอบคุณกับคนอื่น ๆ อย่างไร การถ่ายทำละครเรื่องฟูลเฮาส์นี้ เรนได้พบกับซองเฮเคียวเป็นครั้งแรก และนี่คือสิ่งที่ พโย    มิน ซู ผู้กำกับเป็นห่วงมาก เพราะทั้งคู่จะต้องแสดงฉากเลิฟซีนด้วยกัน


ตัวเขาเองรู้ดีว่าคนอื่น ๆ กำลังเป็นห่วงอะไรกันอยู่

ดังนั้นในคืนแรกที่เขาไปถึงภูเก็ต ผมเห็นเขาพยายามพูดคุยกับซองเฮเคียวเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับคอนเซปต์ของละครเรื่องนี้ในห้องของโรงแรมทั้งคืน และในที่สุดเขาก็สามารถแสดงกับซองเฮเคียวได้ราวกับเป็นคู่รักกันจริง ๆ ตลอดระยะเวลา 7 วันในภูเก็ต ไม่มีบิลค่า   โทรศัพท์ของเรนสักบาทเดียว เพราะเขามัวแต่ทุ่มเทกับการถ่ายทำเพียง อย่างเดียว

เมื่อเรนเรียนร้องเพลงในเกาหลี เขาจะต้องวิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้าตลอด 2-3 ชั่วโมง ขณะที่ร้องเพลง  “just one” ไปด้วย

แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมบ้างในบางครั้งแต่เขาก็อดทน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เขามีการแสดงที่ยอดเยี่ยมสำหรับแฟนเพลงยามที่อยู่บนเวที และเพราะความอดทนที่เขามีอยู่นั่นเองที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การยกเลิกคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ที่อเมริกาเมื่อปีที่แล้ว เขาถึงกับเสียน้ำตาที่ไม่สามารถรักษาสัญญา   ที่ให้ไว้กับแฟนเพลงได้ และนี่เป็นอีกครั้งที่เขาต้องลิ้มรสกับความผิดหวังท่ามกลางความสำเร็จที่ยังมีอยู่อย่าง   ต่อเนื่อง
 
แต่ตราบใดที่เขายังมีความอดทน ความพากเพียร และความอ่อนน้อมอยู่ เรนจะยังคงเป็นที่รักและซูเปอร์สตาร์ต่อไป ไม่ใช่แค่ในกลุ่มแฟนคลับชาวไทยเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงแฟนคลับของเขาที่มีอยู่ทั่วโลกด้วย.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์