กรณี ฟิล์ม อุทาหรณ์ของนักร้อง สร้างภาพ

กรณี "ฟิล์ม" อุทาหรณ์ของนักร้อง "สร้างภาพ"

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2549 15:59 น.

ช่วงนี้กระแสข่าวในแวดวงบันเทิงที่ร้อนที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของหนุ่ม "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" นักร้องจากค่ายอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ซึ่งในรอบ 1 - 2 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าชื่อเสียงของเจ้าตัวมาแรงสุดๆ ถึงขนาดที่ว่ากันว่าเขาจะก้าวขึ้นไปเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับเดียวกับ "เบิร์ด ธงไชย" ในขณะที่หมอดูชื่อดังต่างก็ฟันธงกันเป็นเสียงเดียวกันว่าดวงของเจ้าตัวนั้นรุ่งเสียเหลือเกิน

แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนไป และเป็นการเปลี่ยนไปที่สาหัสเอาการสำหรับเจ้าตัวทีเดียว...

จากที่เคยมีภาพของการเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดี มีสัมมาคาราวะ กตัญญู สู้ชีวิต ที่เป็นคุณสมบัติของสูตรสำเร็จสูตรหนึ่งในการสร้างนักแสดง - นักร้องของอาร์เอสฯ กลายเป็นว่าในระยะเวลาตั้งแต่ต้นปี 2549 เป็นต้นมา ข่าวคราวความไม่ดีของเจ้าตัวก็เริ่มที่จะปรากฏออกมาเป็นระยะๆ

เริ่มตั้งแต่เรื่องราวความไม่ลงรอยกับนักแสดงหญิง "หยาดทิพย์ ราชปาล" กรณีที่หนุ่มฟิล์มส่งกุหลาบไปให้กระทั่งมีข่าวซุบซิบออกมาถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ยิ่งเจ้าตัวมาให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่าช่วงวันวาเลนไทน์ฝ่ายหญิงได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตนก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักของเสียงซุบซิบให้มากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการให้สัมภาษณ์ของนักร้องหนุ่มฝ่ายหญิงก็ออกมาตอบโต้ข่าวดังกล่าวทันทีโดยบอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นทางฝ่ายชายเองที่เริ่มก่อนทั้งสิ้น และตนก็รู้สึกเสียความรู้สึกเป็นอย่างมากที่ได้ยินฝ่ายชายพูดเช่นนั้น..."ก็รู้สึกว่าเสียความรู้สึก เพราะว่าจริงๆ แล้วเค้าไม่ได้พูดเรื่องจริงไง เพราะว่าหยาดไม่ได้โทรไป หยาดรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกันถ้าการแค่ส่งดอกไม้มาให้หยาดแล้วมันเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสก็ไม่ต้องส่งมาก็ได้ ไม่ได้คิดว่าเรื่องส่งดอกไม้มันจะหนักหนาคนเป็นเพื่อนกัน ถ้าเค้าส่งแล้วบอกใครไม่ได้ก็ไม่ต้องส่งก็ได้เพราะไม่ได้อยากได้จากฟิล์ม

แล้ววันนั้นหยาดก็ได้รับโทรศัพท์ตั้งแต่ 7 โมงเช้า จากรัฐภูมินี้แหละโทรมา แล้วหยาดก็งง เค้าบอกว่าหยาดโทรไปหาเค้า สงสัยเค้าจำคนผิดหรือเปล่าเพราะหยาดก็ไม่ได้โทรไปค่ะ เค้าโทรมาแฮปปี้วาเลนไทน์ ตอนแรกที่อ่านข่าวหยาดก็แค่รู้สึกว่าหยาดไม่ได้โทรไปนี่

เรื่องกุหลาบวันวาเลนไทน์จบไปแบบค้างคาด้วยการที่หนุ่มฟิล์มออกมายอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดข่าวความสัมพันธ์ในอดีตของเขากับเสี่ยหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏตามออกมาชนิดไม่ให้เขากับต้นสังกัดตั้งตัวได้ทัน

ที่สำคัญอานุภาพของข่าวนี้รุนแรงทีเดียวเพราะแน่นด้วยหลักฐานและโจมตีเข้าไปสั่นคลอนถึงการเป็นคนภาพลักษณ์ดี รวมไปถึงการตอกย้ำในเรื่องเสียงเล่าลือที่ออกมาอย่างหนาหูว่านักร้องหนุ่มคนนี้อาจจะไม่ใช่ชายแท้

ในรายละเอียดระบุว่าก่อนหน้าที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างทุกวันนี้เสี่ยหนุ่มคนดังกล่าวได้ให้การอุปการะคุณหนุ่มฟิล์มมาก่อนโดยเป็นผู้ที่ไปไถ่ถอนบ้านมาจากธนาคารที่พ่อ-แม่ของเขาเอาไปจำนองไว้ ทันทีที่ข่าวแฉภูมิหลังของตนออกมาหนุ่มฟิล์มก็ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวโดยแบ่งรับแบ่งสู้ว่าก่อนหน้าที่ตนเองจะเข้าวงการบันเทิงได้มีคนมาช่วยเหลือเรื่องบ้านจริง แต่ไม่รู้ว่าคนที่ออกมาพูดนั้นจะใช่คนเดียวกับที่ตนเองคิดไว้หรือเปล่า

"อย่างที่ฟิล์มบอกนะคือว่าตอนนี้มันมีหลายกระแสมากเลย แล้วผมเองก็ไม่ค่อยได้เจอพวกพี่ๆ ด้วย ก่อนหน้าที่ผมจะเข้าวงการก็ยอมรับครับว่ามีคนมาช่วยเหลือเรื่องบ้านจริง แต่ผมไม่ขอบอกว่าใคร ซึ่งตรงนี้ทั้งทางคุณพ่อและคุณแม่ของผมต่างก็ซึ้งใจตรงนี้มากๆ จึงคอยสอนให้ผมเป็นคนที่ต้องทดแทนบุญคุณคน"

"ส่วนเรื่องของการทวงบุญคุณผมไม่เคยลืมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ช่วยเหลือผมหรือใครๆ ที่เคยรู้จักผม ผมเองสำนึกบุญคุณเสมอและไม่เคยลืมแน่ๆ ครับ"

ความจริงเรื่องนี้น่าจะจบลงไปได้ไม่ยากนักด้วยเหตุผลที่ว่าการออกมาของเสี่ยหนุ่มคนดังกล่าวนี้เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาไปในทางร้าย ทว่าเพราะการให้สัมภาษณ์ของนักร้องหนุ่มที่ออกมาในทำนองที่ว่าไม่รู้จักและทำราวกับว่าอีกฝ่ายออกมาทวงถามถึงบุญคุณเรื่องจึงลุกลามมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะเมื่อเสี่ยคนดังกล่าวไปให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ "แฉยามเช้า" ทางคลื่น EFM.อย่างละเอียดยิบ ทั้งเรื่องรถที่หนุ่มฟิล์มขับอยู่ซึ่งเขาเป็นคนดาวน์ให้ ทั้งเรื่องที่หนุ่มฟิล์มใช้บัตรเครดิตของตนเอง พร้อมยืนยันหากตนพูดไม่จริงก็ยื่นฟ้องได้เลย

"...รถมินิคูเปอร์ที่เค้าขับอยู่ทุกวันนี้จริงๆ แล้วมันก็เป็นของผม คือเค้ามาขอเงินผมให้ผมเป็นคนดาวน์ให้เค้า ที่บอกว่าเค้ามีเงินเป็น 10 ล้านนะ เค้ามีเงินจริงนะ แต่เค้าก็ต้องเอาไปใช้จ่าย เหลือก็คงไม่เกิน 4-5 ล้านเท่านั้นเอง ถ้ามี 10 ล้านจริงก็เอาสมุดบัญชีมาโชว์เลยซิ"

"ที่ผมออกมาพูดก็เพราะว่าเค้าหลบหน้าผม ผมโทร.ไปเพื่อต้องการถามเรื่องบัตรเครติดของอเมริกันเอ็กซ์เพรสที่ผมให้เค้าไปตอนที่เค้าไปเกาหลี ซึ่งผมไม่ให้เค้ารูดเงินเกิน 1 แสนบาท แต่เค้ารูดมาทั้งสิ้น 159,000 บาท"

"ผมไม่ได้เสียดายเงินอะไรหรอกนะ เพียงแค่ต้องการถามว่าเอาไปทำอะไรเท่านั้น เงินผมไม่กลัวเสียหรอก กลัวเสียเครดิตมากกว่า ขนาดผมระงับการใช้บัตรแล้วเค้าก็ยังเอาบัตรของผมไปรูดอยู่เลย จนคนที่ร้าน...โทร.มาหาผมว่าจะปล่อยเงินไหม..."

ทั้งนี้หลังการเกิดการแฉดังกล่าวขึ้นทางต้นสังกัดอย่างอาร์เอสฯ ได้เลือกใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวแต่ไม่วายออกมาพยายามบอกถึงเบื้องหลังว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้อาจจะเป็นแผนการจ้องทำลายชื่อเสียงของตัวนักร้องหนุ่มด้วยการตั้งข้อสังเกตว่ารายการวิทยุที่เสี่ยหนุ่มคนดังกล่าวออกมาแฉนั้นเป็นรายการในการผลิตของค่ายคู่แข่ง อย่างไรก็ตามเหตุผลดังกล่าวแทบจะไม่ช่วยอะไรได้สักเท่าไหร่หากเทียบกับน้ำหนักคำพูดของเสี่ยหนุ่มรวมถึงหลักฐานภาพถ่ายที่ทั้งสองไปเที่ยวด้วยกันซึ่งเป็นการยืนยันว่าทั้งคู่น่าจะรู้จักกันมาเป็นอย่างดีในระดับหนึ่งสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับการให้สัมภาษณ์ของหนุ่มฟิล์ม

ถึงตรงนี้น่าสนใจทีเดียวว่าต้นสังกัดอย่างอาร์เอสฯ จะแก้เกมอย่างไรภายหลังที่เสี่ยหนุ่มซึ่งเผยชื่อออกมาแล้วคือนาย "สิทธิกร บุญฉิม" ได้ส่งทนายเป็นตัวแทนยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ดาราเดลี่ ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทหลังลงข่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหนุ่มฟิล์มออกไปในเชิงชู้สาว พร้อมฝากไปถึงนักร้องหนุ่มว่าให้เวลา 7 วันออกมาพูดความจริงและเคลียร์ถึงความสัมพันธ์ที่เคยมีมา

เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดนี้ว่ากันว่าหาก "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เป็นนักร้องที่สร้างชื่อเสียงขึ้นมาโดยใช้ความสามารถของตนเองทางด้านการร้องเพลง หรือแม้กระทั่งความสามารถทางด้านการแสดงเป็นตัวชู ไม่ใช่การสร้างโลกมายามาฉาบไว้บนชีวิตจริงให้คนยึดติดถึงภาพลักษณ์ของการเป็นตัวตนที่ดีพร้อมไปเกือบซะทุกอย่างเช่นนี้แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือทำให้ใครหลายคนต้องมีอาการผิดหวังอย่างที่เป็นอยู่

ที่สำคัญแม้จะเป็นเรื่องจริง อาการเสียหน้า, เสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงซุบซิบนินทาที่เกิดขึ้นก็คงจะไม่รุนแรงเท่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์