Sexy on the Beach ดาราพาเต้า-นุ่งลมห่มฟ้า บนหน้าแมกกาซีน

ร้อน...ร้อน...แล้วดีกรีความร้อนก็ยิ่งเพิ่มเมื่อบรรดานางเอกสาวน้อยในวงการบันเทิง นุ่งบิกินีตัวจิ๋วเรียงแถวอยู่ตามชายหาด โพสท่าเซ็กซี่ให้ช่างภาพกดชัตเตอร์กันระรัวเพื่อหาช็อตเด็ดมาขึ้นปกแมกกาซีน กระแสนางเอกนุ่งทูพีซยิ่งมายิ่งแรง ไม่ว่าเต้าเล็กหรือเต้าใหญ่ ขึ้นปกทีไร "พรึบ"เดียวก็หมดแผง



แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

** ย้อนตำนานนางแบบนู้ด



ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา หนังสือโป๊และหนังสือแฟชั่นดาราจะอยู่กันคนละเส้นทาง ด้วยคำจำกัดความและรูปแบบการนำเสนออย่างชัดเจน เพราะปกหนังสือโป๊จะมีภาพหวือหวาของนางแบบออกมาโป๊หรือเปลือยปลุกใจเสือป่า ขณะที่ปกของหนังสือดาราแฟชั่นก็จะมีดาราดาวรุ่งมาขึ้นปกให้อารมณ์หวานแหวว
หนังสือโป๊ในยุคนั้นมีเพียงไม่กี่ฉบับเท่านั้น ตลาดบนก็มี แมน , หนุ่มสาว ระดับกลางก็เป็นไฟกลางคืน ถ้ามองลงมาตลาดล่างมีทั้ง สะบัดช่อ , 191 เป็นต้น

ว่าถึง "นางแบบโป๊" ยุคนั้นส่วนมากจะได้มาจากสาวโนเนมซึ่งเป็นที่รู้กันว่าจะใช้ วิธีการหานางแบบแนวนี้ได้ที่ไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งบันเทิงของคนกลางคืน หรือแม้กระทั่งสถานอาบอบนวด สาวใดที่ตัดสินใจถอดเสื้อผ้ามาเป็นนางแบบโป๊นั้นส่วนมากก็มีเหตุผลเพียงต้องการเงินหรือหวังว่าจะต่อยอดไปเป็นนางแบบปฏิทินนู้ดของค่ายเหล้า ซึ่งถ้าสามารถขึ้นไปสู่จุดนั้นก็ถือว่าเป็นจุดสุดยอดของนางแบบนู้ดแล้ว เพราะจะได้ทั้งค่าตัวที่สูงและงานอื่น ๆ จะตามมาไม่ขาดมือ

ต่อมาก็ถึงยุคทองของ "ดาวโป๊" ซึ่งก็คือดาราสาวนักแสดงที่รับบทเป็นนางอิจฉา ที่ต้องใช้เรือนร่างที่อวบอั๋นยั่วยวนพระเอกให้หลงรักแล้วทิ้งนางเอกตามสูตรของละครไทย ใครที่จะได้เกิดบนเส้นทางดาวโป๊นั้นหน้าตาอาจจะเป็นเรื่องรอง แต่ "เต้า" ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่ผ่านมายังไม่เคยมีดาวโป๊คนไหนที่มีหน้าอกหน้าใจเล็กเลย เพราะถ้าจะต้องใช้เต้าไต่เพื่อความดังในวงการแล้วยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดัง ไม่ว่าจะเป็นดาวยั่วรุ่นเก๋าอย่าง มณี มณีวรรณ , ปรียา รุ่งเรือง เป็นต้นที่ได้ชื่อว่าอกเขาพระวิหาร

การที่ดาวยั่วเหล่านี้มีโอกาสใส่ชุดทูพีซโพสท่าวาบหวามมาขึ้นปกหนังสือผู้ชายนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

"ดาวโป๊" รุ่นสุดท้ายของหนังไทยและถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้มีโอกาสขึ้นปกแมกกาซีนโป๊ ก็มีเพียง 2 คน คือ ทัดทรวง มณีจันทร์ และมรกต มณีฉาย ด้วย "เต้า"ขนาดมหึมากว่า 40 นิ้วของทั้ง 2 สาว ทำให้เธอทั้ง 2 ดังเป็นพลุ มีทั้งงานแสดงและงานถ่ายชุดว่ายน้ำเข้าแถวมารอคิวกันยาวเหยียด

" ยุคที่แอน-มรกตยังโด่งดังอยู่ ไม่มีใครกล้าใส่ชุดทูพีซ-วันพีซเลย นางเอกก็ยังเกี่ยงที่จะใส่ชุดทูพีซ แค่วันพีซก็ไม่กล้าแล้ว " ช่างภาพรุ่นเก่าวิจารณ์

ทั้งแอน-มรกตและทัดทรวง รับงานถ่ายทูพีซขึ้นปกแมกกาซีนทุกหน้าร้อนกันเพลินเป็นเวลาหลายปี จนถึงจุดที่คนดูเริ่มเบื่อสองเต้านี้ที่มองแล้วไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว

ขณะที่ในยุคนั้นมีนางเอกใจถึงคือ " ผุสรัตน์ ดารา " ดาราละครโทรทัศน์ประเภทจักร ๆ วงศ์ ๆ หาญกล้าเปลือยอกยกเต้ามาถ่ายปฏิทินแม่โขง ปรากฏว่าช็อกไปทั้งวงการ งานนั้นแม้นางเอกผุสรัตน์จะได้ค่าตัวสูงเป็นที่พอใจ แต่เธอก็ต้องปิดฉากงานการแสดงไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะสังคมยุคนั้นยังไม่ยอมรับภาพลักษณ์ของดารานางเอกที่ไปถ่ายนู้ด จึงกลายเป็นกรณีศึกษาของบรรดาดารานางเอกทั้งหลายที่ไม่กล้าเข้ามาเฉียดกรายกับหนังสือนู้ดอีกเลย


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

** ยุคนางแบบลูกครึ่ง



" ช่างภาพแมกกาซีนนู้ดก็ต้องดิ้นรนหานางแบบหน้าใหม่ ๆ มาขึ้นปก แต่เมื่อไม่ค่อยมีใครใจกล้าก็เลยต้องอาศัยหน้าเก่าไปก่อน เพราะหน้าใหม่ที่หามาขึ้นปกหลายคนก็ยังไม่แรงเท่าที่ควร" ช่างภาพนู้ดคนเดิมกล่าว

ขณะที่ทุกหน้าร้อนบรรดาแมกกาซีนผู้หญิงจะหานางแบบใหม่ที่เป็นหน่วยกล้าตายมาใส่ชุดทูพีซก็ไม่มีใครกล้า เอานางแบบนู้ดมาขึ้นปกก็ไม่ได้ เสียเกรดของหนังสือ ดังนั้นจึงมีคนที่สบช่องทางโกอินเตอร์ไปหานางแบบต่างประเทศที่โมเดลลิ่งนำเข้ามา

" เมื่อก่อนนี้ ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ จะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำเพื่อเตรียมจะขายในช่วงซัมเมอร์ ก็จะใช้เอเยนซีไปหานางแบบ-นายแบบยุโรป อเมริกา บราซิล มาใส่ชุดว่ายน้ำแบรนด์เนม พวกเอเยนซีหัวใสก็วิ่งหางานถ่ายแบบชุดว่ายน้ำบนแมกกาซีนให้กับนายแบบ - นางแบบกลุ่มนี้เพื่อจะได้ไม่เสียเที่ยว" ช่างภาพนู้ดอีกคนหนึ่งกล่าว
เมื่อนางแบบ-นายแบบต่างประเทศในชุดว่ายน้ำเริ่มได้รับความนิยม ต่อมาจึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่างภาพนู้ดเริ่มเล็งเป้าไปหาบรรดาดาราลูกครึ่งที่ครองวงการนางแบบและบันเทิงอยู่

" ดาราลูกครึ่งพวกนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่สังคมมองว่าพวกเขาเป็นเด็กนอก จึงไม่ค่อยจะวิพากษ์วิจารณ์กับการใส่ทูพีซมาถ่ายแบบมากนัก พวกลูกครึ่งหลายคนได้แจ้งเกิดบนเส้นทางนี้เพราะหน้าตาสวย สรีระสูงเพรียวเหมาะกับการใส่ชุดว่ายน้ำ "

กระแสที่มีดารามาขึ้นปกถ่ายวาบหวิว ก็เริ่มมาจากดารานางแบบลูกครึ่งเหล่านี้นี่เอง เพราะหากถ่ายแล้วไม่มีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบ งานก็วิ่งเข้ามาหา อาทิ เยลหลี ริคอเดล , พิม ซอนย่า คูลลิ่ง , เฮเลน - ปทุมรัตน์ วรมาลี โดยเฉพาะ 2 คนหลังนี้ดังเป็นพลุแตกและครองปกแมกกาซีนมานานไม่ต่ำกว่า 3 ปี

จนเพื่อนซี้อย่าง ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม พาเรือนร่างสูงยาวเข่าดีพร้อมกับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์มาใส่ทูพีซบ้าง ก็สามารถแจ้งเกิดได้ในระยะเวลาอันสั้น ประกอบกับความใจถึงของลูกเกดจึงทำให้มีทุกหน้าร้อน บรรดาแมกกาซีนผู้หญิงและผู้ชายต่างก็แย่งมาขึ้นปกกันเป็นแถว ลูกเกดจึงครองตำแหน่งบนปกแมกกาซีนอยู่นานหลายปีจนถึงวัยอันควรแล้วจึงยอมเฟดตัวเองมาอยู่เบื้องหลัง


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

** ดารา-ไฮโซนุ่งทูพีซขึ้นปกแมกกาซีน



เมื่อถึงยุคที่หนังสือนู้ดหลายฉบับเริ่มโบกมืออำลาแผงหนังสือ ส่งผลให้บรรดาแมกกาซีนผู้หญิงเริ่มแตกตัวขึ้นเป็นจำนวนมาก มีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำแมกกาซีนผู้หญิงในรูปแบบแปลกใหม่ฉีกแนวกันมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการล่าหาดาราหน้าใหม่มาขึ้นปก????

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อนแมกกาซีนผู้หญิง เล่มแรกๆ ที่จุดกระแสนำดารานุ่งทูพีซขึ้นปกคือ นิตยสารอิมเมจ ทำให้เกิดมาตรฐานใหม่ในวงการแมกกาซีนผู้หญิง ด้วยเรื่องของราคาค่าตัวนางแบบที่สูงมาก ขณะที่ค่าตัวเมื่อถ่ายให้นิตยสารผู้ชายยังไม่กล้าจ่ายแพงเท่านี้

แต่ที่สร้างความฮือฮาจนวงการร้อนฉ่าไปทั่วคือ "LIPS แมกกาซีน" ฉบับเดือนพฤษภาคม 2544 ที่นำ ตั๊ก- มยุรา เศวตศิลา นางเอกรุ่นใหญ่มานุ่งชุดว่ายน้ำโชว์เรือนร่าง 40 ยังแจ๋ว

" ตอนนั้นเป็นคอนเซปต์ที่ทำร่วมกับเครื่องสำอางลาแมร์ที่ต้องการโชว์นวตักรรมใหม่ของครีมกระปุกละหมื่นซึ่งแพงมาก เราเลยมองไปยังกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องเป็นระดับไฮเอนด์ เลยมองไปที่ตั๊ก - มยุรา ที่แม้อายุมากแล้วหุ่นยังดีอยู่ " ศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการของ LIPS แมกกาซีนกล่าว

ผลตอบรับของ LIPS ฉบับ ตั๊ก - มยุรานั้นนับว่าผิดคาด เพราะไม่มีใครมองว่าเป็นดารามานุ่งชุดว่ายน้ำเพื่อถ่ายปกโป๊ แต่กลับชื่นชมว่าตั๊ก - มยุรา มีรูปร่างดี ผิวสวย

ถือได้ว่า LIPS ฉบับตั๊ก -มยุรา ช่วยกรุยทางให้ดารานางเอกกล้าที่จะนุ่งลมห่มฟ้าท้าทายแดดกันอย่างไม่ต้องกลัวสังคมจะประณามจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

และอีกฉบับหนึ่งที่ถือเป็นการเปิดทางให้ไฮโซกล้าที่จะนุ่งทูพีซอยู่บนปกบ้างนั้น ศักดิ์ชัย เล่าว่า

" เราก็มีการถ่ายพวกเซเลบ 10 คนในชุดว่ายน้ำ เป็นภาพ unseen เพราะคิดว่าไม่ค่อยจะมีใครได้เห็นพวกเซเลบเหล่านี้แต่งชุดว่ายน้ำมากนัก "

แต่กว่าจะเจรจาให้พวกเซเลบทั้ง 10 คนยอมใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายแบบได้นั้น ศักดิ์ชัยบอกว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายเช่นกัน

" ครั้งนั้นเราให้ดีไซเนอร์มาออกแบบชุดว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีชุดว่ายน้ำที่ใช้ดีไซเนอร์มากนัก แต่เราก็ลงทุนเชิญดีไซเนอร์เหล่านี้มาทำชุดว่ายน้ำชุดละหลายหมื่นโดยเฉพาะให้กับเซเลบใส่ อาทิ มังคุด - วงศ์ชนก ชีวะศิริ , นวลนาง เสมรสุต , ม.ร.ว.มาลินี จักรพันธุ์ , ริก้า ดีล่า เป็นต้น เวลาไปชวนนั้นถือว่ายากจะต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ เราก็เชิญมาดูชุดว่ายน้ำกัน แล้วแฮปปี้ไหม คุยเรื่องของคอนเซ็ปต์กันว่าจะโชว์ได้มากน้อยแค่ไหน เล่มนี้ออกมาก็ฮือฮามากเช่นกัน จึงกลายเป็นกระแสที่หลายคนนำไปใช้ "


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

จึงกลายเป็นกระแสที่หน้าร้อนทีไร ทุกคนก็จะจับจ้องว่าร้อนนี้ดาราคนไหนจะมีนุ่งทูพีซมาขึ้นปก หรือร้อนนี้แมกกาซีนไหนจะมีทีเด็ดบ้าง



แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งดาราและไฮโซแห่กันมาขึ้นปกเป็นว่าเล่นจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกร้อนจะมีดาราวัยรุ่นรวมถึงดารานางอิฉจาถูกทาบทามขึ้นปกกัน บางคนเรียกได้ว่าขายดีจนร้อนนี้ไม่มีไม่ได้ อย่างเช่นหน้าร้อนปีนี้บรรดาแมกกาซีนผู้หญิงและผู้ชายต่างจับดาราวัยรุ่นไม่เลือกจอยักษ์หรือจอแบนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันมานุ่งทูพีซขึ้นปกแถมโพสท่าเซ็กซี่เกินเด็กจนเพิ่มดีกรีความร้อนยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น กระแต - ศุภักษร ไชยมงคล , ตั๊ก - บงกช คงมาลัย , ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ , ใหม่ - สุคนธวา เกิดนิมิตร , เจี๊ยบ - พิจิตร , อิม -อชิตะ


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

เอกศาสตร์ สรรพช่าง บรรณาธิการ นิตยสารจีเอ็มพลัส ให้ความเห็นต่อกระแสนี้ว่า



"เป็นการสร้างความสนใจให้ตัวนิตยสาร สร้างภาพลักษณ์โดยเฉพาะหากสามารถนำบุคคลที่มีชื่อเสียง และสังคมคาดไม่ถึงว่าจะถ่ายชุดว่ายน้ำมาขึ้นปกได้ นำมาซึ่งประโยชน์มากมาย ทั้งการขายโฆษณา ที่ย่อมต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากตัวนิตยสารมีบุคคลที่น่าสนใจมาขึ้นปก เจ้าของหนังสือ ก็ได้เครดิต ได้รับคำชมว่านำคนคนนั้นมาขึ้นปกได้ ยิ่งถ้าได้ดาราระดับ 5 ดาวสักคนมาขึ้นปก ก็ยิ่งตอกย้ำความนิยมและกระตุ้นค่าโฆษณาให้มากขึ้นตามไปด้วย เพราะความจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ ยอดขายเป็นเรื่องรอง แต่ค่าโฆษณาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นิตยสารมีชีวิตอยู่ได้"


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

** "ค่าตัว" นางแบบ



"นางแบบไทยใส่ชุดว่ายน้ำนั้นได้ค่าตัวที่แพงที่สุดในโลก" ศักดิ์ชัย กาย แห่งLIPS ซึ่งเป็นแมกกาซีนหนึ่งที่ได้ชื่อว่ายอมทุ่มทุนในเรื่องโปรดักชันกล่าว

ขณะที่ต่างประเทศนั้น การที่ได้ถ่ายแบบชุดว่ายน้ำถือเป็นความฝันอันสูงสุดของบรรดานางแบบทั้งหลาย เพราะจะเป็นการโชว์สรีระที่สมบูรณ์ และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่าจะไม่มีการจ่ายค่าตัวถ่ายแบบชุดว่ายน้ำให้แก่นางแบบ เพราะเมื่อนางแบบคนใดถูกเชิญให้มาถ่ายชุดว่ายน้ำได้นั้น ในวงการถือว่าเป็นนางแบบที่สุดยอดแล้ว ต่อจากนั้นงานโฆษณาสารพัดจะตามมาเอง

ผิดกับเมืองไทยจากหน้ามือเป็นหลังมือ คงเนื่องจากสังคมไทยมักจะมองผู้หญิงนุ่งชุดว่ายน้ำเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ดังนั้นการยอมใส่ชุดว่ายน้ำถ่ายปกจึงถือเป็นเรื่องเสี่ยงตายมาก เพราะถ้าไม่โดนสังคมประณามก็ถือว่าเสมอตัว

เมื่อก่อนนี้ราคาค่าตัวนางแบบไม่มากนักซึ่งขึ้นอยู่กับความดังด้วย แต่ปัจจุบันนี้แมกกาซีนเยอะขึ้น การแข่งขันก็สูง ดังนั้นจึงมีการทุ่มเงินกันเยอะ โดยเฉพาะในรายที่ต้องการสร้าง "เซอร์ไพรส์" ราคาก็ต้องเซอร์ไพรส์นางแบบด้วยเช่นกัน

ว่ากันว่าเฉลี่ยถ้าเป็นนางแบบหรือดาราที่มีชื่อเสียงแล้วราคาค่าตัวจะต้องเรือนแสนขึ้นไปทั้งนั้น ในวงการเคยมีการจ้างสูงกันถึง 3 แสนบาทขึ้นไป แต่ก็จะต้องมีสัญญาว่าร้อนนี้เธอจะถ่ายให้ฉบับอื่นไม่ได้อีกแล้ว


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

** " รีทัช " ศิลปะหรือ แต่งเติม



นับตั้งแต่เทคโนโลยีการถ่ายภาพทันสมัยมากขึ้น กรรมวิธีการถ่ายภาพก็ดูจะสะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงเทคนิคการ "รีทัช"ภาพที่เข้ามาช่วยลบสิ่งที่ไม่ต้องการหรือมาเพิ่มสิ่งที่ต้องการ

นางเอกหลายคนที่ยอมลงทุนเปลื้องผ้าถ่ายทูพีซขึ้นปกแมกกาซีนแล้วถูกกระแสวิพากษ์ว่า " รีทัชรูป" หลายคนออกมาโต้ว่าที่โชว์นั้นเป็น "ของจริง" ทั้งหมด ไม่มีการเสริมแต่ง


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

อุ้ง-อัญมณี สีชาด ช่างภาพนู้ดมือหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องรีทัชภาพไว้ว่า



" เมื่อก่อนนี้ใช้ฟิล์มถ่ายภาพ ยังต้องมีการแต่งฟิล์มกันบ้าง เพื่อให้นางแบบดูสวยเพอร์เฟกต์ แต่เดี๋ยวนี้มีคอมพิวเตอร์ที่มาช่วยแต่งภาพการรีทัชจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก การถ่ายภาพโป๊ทุกครั้งเชื่อแน่ว่าต้องมีการรีทัช จะมากหรือน้อยเท่านั้น เป้าหมายของการรีทัชคือให้นางแบบสวยสมบูรณ์ เช่นช่วยลบผิวที่ลาย หน้าท้องไม่เรียบ "


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

ขณะที่ศักดิ์ชัย กายให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า

"การรีทัชถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทุกคนก็ใช้กันในปัจจุบัน แต่ศิลปะของการรีทัชขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าความจำเป็นรีทัชในภาพนั้น มากน้อยแค่ไหน แต่ภาพปัจจุบันต้องการรีทัชทั้งนั้น รีทัชมี 2 อย่างคือรีทัชเพื่อความสมบูรณ์ และรีทัชเพื่อต้องการบิดพลิ้วให้ข้อเท็จจริง บางคนมีปัญหาเรื่องรูปร่าง ปัญหาเรื่องผิว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับศิลปะของแต่ละคนทว่าทำรีทัชได้สมบูรณ์แค่ไหน เชื่อว่าทุกคนก็ใช้กันหมด"

ร้อนนี้หรือร้อนหน้า บรรดานางเอกสาวทั้งเต้าเล็กและเต้าใหญ่ก็ยังเรียงหน้ามาถ่ายทูพีซครองปกแมกกาซีน ครองแผงหนังสือและครองใจบรรดาหนุ่ม ๆ ที่ชอบดูภาพวาบหวิวไม่เสื่อมคลาย

*****


แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

โป๊ - อนาจาร - ศิลปะ เส้นแบ่งอยู่ตรงไหน



เป็นปัญหาที่เถียงกันไม่จบสำหรับคนที่ชอบดูและไม่ชอบดู ภาพของผู้หญิงหรือผู้ชายนุ่งน้อยห่มน้อยจนถึงไม่นุ่งอะไรเลย มาถ่ายแบบกัน ช่างภาพบอกว่านี่คืองานศิลปะ ขณะที่บางคนบอกว่าเป็นภาพโป๊ หรือบางคนฟันธงว่านี่คือความอนาจาร

ลองไปฟังผู้ที่มีอาชีพกดชัดเตอร์ถ่ายภาพนู้ดกันว่าพวกเขามองภาพที่ตนเองนำเสนอออกมาอย่างไร

อุ้ง - อัญมณี สีชาด ช่างภาพนู้ดชื่อดัง

"ภาพถ่ายแต่ละภาพจะสื่อออกมา ว่า โป๊ หรือ นู้ด นั่น ขึ้นอยู่กับว่าช่างภาพแต่ละคนนำเสนอความเป็นศิลปะมากน้อยแค่ไหน หากเน้นความยั่วยวนยั่วยุอารมณ์ทางเพศ ไม่ว่าทางสายตา หรือกิริยาท่าทาง แม้จะใส่เสื้อผ้าปกปิดก็เรียกว่า "โป๊" ดังนั้น แม้จะสวมเสื้อผ้าก็โป๊ได้ ซึ่งคำว่าโป๊ ที่คนไทยใช้เรียกภาพที่สื่อถึงการยั่วยุอารมณ์ทางเพศนี้ ช่างภาพผู้คร่ำหวอดในวงการถ่ายนู้ดท่านหนึ่ง"

ศักดิ์ชัย กาย ช่างภาพแฟชั่นที่ผันตัวเองมาถ่ายภาพหวือหวา

"ผมอาจจะไม่ใช่ช่างภาพถ่ายนู้ดชัดเจนนัก เพราะผมเน้นถ่ายภาพแฟชั่นสวยงามมากกว่า แต่ก็เคยถ่ายมาพอสมควร คำว่า "โป๊" นั้นอยู่ที่เจตนาของช่างภาพมากกว่า เวลาผมถ่ายนู้ดบางทีอาจจะไม่มีเสื้อผ้าเลย หรือมีปิดบ้าง แต่ก็ไม่มีใครมาว่าว่าเป็นภาพโป๊เพราะเจตนาไม่ได้ต้องการนำเสนอภาพอีโรติก เพราะผมมองว่าสรีระผู้หญิงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ผมไม่ต้องการบิดพลิ่วความสวยงามเหล่านั้นเพื่อนำไปถ่ายทอดให้มีความรู้สึกอีกแง่มุมอื่น"

เอกศาสตร์ สรรพช่าง บรรณาธิการ นิตยสารจีเอ็มพลัส

"ภาพหวือหวาของนางแบบมีส่วนในการดึงความสนใจ แต่ผู้อ่านก็ย่อมต้องการอรรถรสของเนื้อหาที่ครบถ้วน เหมือนกับมีอาหารที่รสชาติแตกต่างกันหลายๆ จาน ให้เลือกชิม ถ้ามีอยู่แค่จานเดียวก็น่าเบื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความแตกต่างนั้น ก็ควรควบคู่กับมาตรฐานของนิตยสารและสาระภายใน"

แฟชั่นหน้าปกรับลมร้อน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์