ณเดชน์อุบค่าตัวคู่กรรม3ล.

หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย ณเดชน์อุบค่าตัวคู่กรรม3ล.

ณเดชน์ คุกิมิยะ

"ณเดชน์ คูกิมิยะ" ยันไม่รู้ได้ค่าตัวเล่นภาพยนตร์ "คู่กรรม" 3 ล้านบาท

โบ้ยถาม "แม่แก้ว-สุดารัตน์ คูกิมิยะ" แต่ถ้าได้จริงถือว่าเยอะมาก ปัดผู้จัดการคนดัง "เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร" ล็อกตัวนางเอกหวังดัน "ริชชี่-อมราวดี ดีคาบาเลส" อยากให้คนเอาใจช่วยมากกว่า

หลังจากมีกระแสข่าวเรื่องค่าตัวของนักแสดงหนุ่มสุดฮอต ณเดชน์ คูกิมิยะ ในการรับเล่นภาพยนตร์เรื่องคู่กรรม ถึง 3 ล้านบาท รวมถึงกระแสวิจารณ์ "ริชชี่-อมราวดี" นางเอกหน้าใหม่ที่จะมารับบท "อังศุมาลิน" ถึงความไม่เหมาะสม และการล็อกตัวนางเอกที่บัญชาการโดยผู้จัดการคนดัง "เอ-ศุภชัย" เจอตัวนักแสดงหนุ่มในงาน "ฟิวเจอร์พาร์ค เซเว่นทีน แอนนิเวอร์แซรี่ สเปลนเดอร์" สอบถามได้ความดังนี้

"โห...ไม่จริงนะ ไม่ถึงหรอก แต่ความจริงในเรื่องของค่าตัวผมไม่รู้เหมือนกัน (ผู้บริหารค่าย M39 เคยพูดว่าค่าตัวประมาณนี้) ผมไม่รู้เหมือนกัน เรื่องค่าตัวต้องไปถามแม่ผม (ยิ้ม) เพราะผมไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้หรอก แต่ถ้าได้เท่านั้นจริงๆ ผมคิดว่าเยอะมากนะ 3 ล้าน ซื้อบ้านได้หลังหนึ่งเลย ซึ่งในฐานะนักแสดง ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ถามว่าได้เล่นกับนางเอกใหม่น้องริชชี่ และมีกระแสวิจารณ์ค่อนข้างเยอะรู้สึกยังไง ผมคิดว่ากระแสต่างๆ ที่เข้ามาตอนนี้กดดันตัวน้องเขามากกว่า ส่วนตัวผมไม่กัดดันเท่าไหร่หรอก เพราะเราอยู่วงการมา 3 ปีแล้ว พอจะเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง ผมว่าน้องมาใหม่มาก ยังไม่เคยเจอเรื่องราวอะไรมาก่อน แต่ผมคิดว่าน้องเขาน่าจะมีความอดทนและปรับตัวให้เข้ากับวงการนี้ได้เร็ว ส่วนกระแสข่าวว่าพี่เอ ต้องการให้นางเอกเป็นน้องริชชี่เท่านั้น ถึงยอมให้ผมเล่น เรื่องนี้คงต้องไปถามพี่เอเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่หรอก ผมไม่มีคอมเมนต์ดีกว่า จริงๆ ผมอยากให้คนช่วยเชียร์และให้กำลังใจน้องเขาด้วยนะ" ณเดชน์กล่าว

ถามต่อถึงเรื่องที่คนมองว่า "น้องริชชี่" ดูไม่ค่อยเหมาะสม เพราะหน้าไม่ไทยมาก นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าผู้กำกับคงมองเห็นอะไรในตัวริชชี่

"ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผู้กำกับอาจจะมองเห็นอะไรในตัวน้องหรือเปล่า เพราะความจริงผมก็ไม่ใช่คนหน้าญี่ปุ่นนะ ผมหน้าออกฝรั่งอยู่แล้ว คิดเหมือนกันว่าทำไมคนไม่พูดแบบนี้กับผมบ้าง ผมคิดว่าอาจจะเป็นอุปสรรคด่านแรกของน้อง เพราะเขาเป็นหน้าใหม่เพิ่งเข้ามาในวงการ หลายๆ คนอาจจะยังไม่ได้เห็นฝีมือน้อง เพราะเขาไม่เคยประกวดเวทีไหน ไม่เคยเล่นละคร เขาเป็นนักกีฬาแบดมินตันที่ จ.เชียงใหม่ แต่พอผมได้เข้าซีนกับน้องรู้สึกว่าน้องมีพรสวรรค์ มีความขยันและตั้งใจมาก ผมไม่กังวลกับน้องเลย แต่จะกังวลกับตัวเองมากกว่า เพราะเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตของผม การแสดงจะออกมาสมจริงมากกว่าละคร เรียกว่าผมต้องช่วยน้องและน้องต้องช่วยผมด้วย" ณเดชน์กล่าวปิดท้าย