[thevoice]จาก เจนิเฟอร์ คิ้ม ถึงthevoicethailand


[thevoice]จาก เจนิเฟอร์ คิ้ม ถึงthevoicethailand

 “พี่ๆ เรตติ้งเทปออกอากาศครั้งแรกของ “เดอะวอยซ์” ดีมากเลย หนูดีใจแทนจริงๆ”
 
          “แกอย่าเพิ่งดีใจ ไข่เพิ่งออกจากไก่ มันต้องใช้เวลากกอยู่สักพักเพื่อให้ฟักเป็นตัว ตอนนั้นแหละค่อยมาว่ากัน…” ฉันบอกกับใครต่อใครที่มาแสดงความยินดีกับกระแสที่ตามมาแบบนั้น
 
          “ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ในชีวิตของฉัน” มันเป็นของมันแบบนั้น ไม่เคยมีคำว่า “ฟลุก” หรือ “โชค” เข้าข้างแต่อย่างใด จะมีก็แต่ “ความตั้งใจ” อย่างสุดๆ และ “การวางแผน” อย่างแยบยลผสมกับ “บุญกรรม” แต่ชาติปางก่อนและชาตินี้รวมกัน
 
          “พี่คิ้ม… นี่โอ๋นะ โอ๋จะโทรมาชวนพี่มาทำงานอย่างหนึ่ง งานนี้เด็ดแน่ๆ”
 
          “โอ๋ (พัฒนี จรียะธนา) หนึ่งในตัวสำคัญที่ผลักดันรายการนี้ให้เป็นจริง สาวหล่อร่างเล็กที่ฉันรู้จักมาร่วม 10 ปี แต่ได้คุยกันจริงๆ ไม่กี่ครั้ง ฉันรู้จักนางครั้งแรกตอนที่นางทำงานอยู่ บริษัท วอร์นเนอร์ ประเทศไทย แล้วนางก็ชอบพาพวกมาอุดหนุนร้านส้มตำของฉัน (ตอนนั้นฉันเปิดร้านส้มตำแล้วก็เจ๊งภายใน 2 ปี) นางเป็นคนมุ่งมั่น จริงใจ ตรงไปตรงมา และรอมชอมเก่ง…

 หายไปหลายปีโทรมาอีกทีก็ “งานใหญ่” นางนัดฉันให้ไปเจอเจ้านายของนาง “พี่โอ๋” (อาจกิจ สุนทรวัฒน์) เอ็มดี ทรู แฟนเทเชีย โอ๋กันทั้งคู่เลย เวลาเรียกก็เรียกว่า โอ๋หญิง กับ โอ๋ชาย … ผู้ชายวัยกลางคนร่างท้วม   ท่าทางใจดี (แล้วก็ใจดีจริงๆ นั่นแหละ) นัดคุยครั้งแรกถือเป็นการชักชวนให้เข้าร่วมงานนี้ โดยที่พี่โอ๋อธิบายรายละเอียดต่างๆ ของรายการ วัตถุประสงค์ หัวใจ และสุดท้าย… คนดูได้อะไร? … ฉันนั่งอ้าปากค้างกับความเป็นพหูสูตผู้เข้าถึงงานอย่างถ่องแท้ ปกติลูกน้องมักจะรู้รายละเอียดดีกว่าเจ้านาย แต่อันนี้เจ้านายรู้ทุกเรื่องทะลุปรุโปร่ง (ไม่เชื่อลองไปถามแกดูสิ… แกจะเล่ายาว… ว เลย!) คุยไป 2-3 ครั้ง แล้วก็เงียบๆ กันไป จนฉันลืมไปแล้วเพราะมัวแต่ก้มหน้าทำมาหากินอยู่…
 
          “พี่… หนูจะพาพี่ไปบนหลวงพ่อโสธรนะ หนูอยากให้พี่ได้งานนี้” นังนุชนาฎ ลูกน้องของฉันมันร้อนใจยิ่งกว่าใครๆ แม้แต่สีเกดก็ยังรำคาญมัน (มันเป็นยิ่งกว่า “อีเม้ย” ใน “รอยไหม” เสียอีก)

 “ทำยังกับงานนี้เป็นงานของมึงเลยนะ โค้ชนุช” สีเกดค่อนขอด ส่วนฉันอยู่เฉยๆ ไม่รู้ว่าเพราะแก่แล้วก็เลยปลงๆ หรือเชื่อในบุญกรรมกันแน่ รู้แค่ว่า “อะไรจะเป็นของเรา มันก็เป็น แล้วถ้ามันไม่ใช่ก็อย่าดิ้นรนทุรนทุรายนักเลย” ได้แต่บอกนังนุชว่า “นุชบนเอง ก็แก้เองนะ พี่ไม่รู้ด้วย จู่ๆ จะไปรบกวนพระทำไม?
          ระหว่างนั้นฉันก็โทรหา “ก้อง สหรัถ” ก้องมีอาการลังเลเพราะกลัวจะไม่มีคิวให้ เนื่องจากทั้งละครและงานร้องเพลงก็รัดติ้วเสียยิ่งกว่ากางเกงรัดเป้า เออหนอ! เขาก็ชิลของเขาอะนะ…
          หลายเดือนผ่านไปฉันก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้งจากโอ๋หญิงให้เข้าไปคุยกับพี่โอ๋ชายและทีมงานผู้ผลิต ซึ่งก็คือ “โต๊ะกลม” มากัน 2 คน คือ สังข์ 108 มงกุฎ (ธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม) และเอก ลูกน้องคู่ใจ (ชยานันต์ เทพวนินกร) พร้อมกับโค้ชผู้ชายอีก 3 คน ที่ตอบตกลง ก้อง สหรัถ, โจอี้บอย และแสตมป์ มากันพร้อมหน้า
          ถัดไปก็คุยกับผู้ควบคุมดนตรีตลอดรายการ (Music Director) ซึ่งก็คือ อาจารย์ต๋อง (อภิชา สุขแสงเพชร) อาจารย์วุฒิ (วุฒิ วงศ์สรรเสริญ) และอาจารย์ชัช (ชัชวาล วิศวบำรุงชัย) กับวงเดอะบีกินส์ (The Begins) สังกัดค่ายเลิฟอีสของพี่บอย โกสิยพงษ์ ที่เรียกว่าอาจารย์ ก็เรียกกันขำๆ ในแวดวงดนตรีฟังแล้วมันขลังดี แต่ถ้าใครจะได้เห็นหน้าอาจารย์ต๋องที่มีเสียงคล้ายๆ กับ ป๊อด โมเดิร์นด็อก  แล้วจะคิดว่าเป็นอาจารย์ปราบหมอผีเสียมากกว่า!
          พวกเขาคือส่วนหนึ่งของทีมที่คัดคนเข้ามา (140 คนจาก 4,000 กว่าคน) ก่อนจะถึงรอบปิดตาคัดตัว (Blind Audition) พี่พวกโค้ชทั้ง 4 กดปุ่มเลือกกันนั่นแหละ… ปกติแล้วฉันมักจะทำงานกับทีมงานอื่นในระยะเวลาสั้นๆ มากสุดก็แค่ 3 เดือน ในกรณีที่ทำคอนเสิร์ต แต่งานนี้เจอหน้ากันถี่เสียเหลือเกินรวมแล้วประมาณครึ่งปี อีกนิดหนึ่งก็จะมีใจให้กันแล้ว เสียแต่… ต่างมีหน้าเป็นอุปสรรคคอยขัดขวางหนทางรัก! 
          เพิ่งรู้ว่าทำรายการทีวีมันยากอย่างนี้นี่เอง นอกจากจะต้องทุ่มสุดตัวและหัวใจ เงินลงทุนก็มหาศาล (ประมาณ 160 ล้านบาท) แล้ว หลายทีมหลายฝ่ายต่างก็ง่วนเชียงหลีไม่แพ้กัน ไหนจะทีมโปรดักชั่น ทีมของเกเว่น (เกเว่น ปูริซิม่า) บริษัท One Ball  ทีมดำเนินรายการของพี่ยุทธ ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วกับฉันในคอนเสิร์ตมายเนมอีสคิ้ม (My Name is Kim) ทีมแสงสีเสียงจากบริษัท พีเอ็ม (อันนี้ก็เคยทำงานด้วยกันมาแล้วเช่นกัน)    ทีมเสื้อผ้าของพี่สิทธิ์ (ชนะชัย จรียะธนา) เจ้าของแบรนด์ 27 Friday พี่สิทธิ์กับฉันสนิทกันมานาน แถมยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของโอ๋หญิงอีกด้วย
          วงการนี้มันแคบ วนไปวนมาก็ต้องมาเจอกัน นี่ยังไม่รวมช่างหน้าช่างผมอีก กองกันเป็นเงาะเน่าเลยเชียว ช่างหน้าของฉันก็คือข้าวตูคนเดิม ส่วนช่างผมใช้ 2 คน อาจารย์เอก (วีรภพ ดำทองสุก) ช่างผมอันดับต้นๆ ติดท็อป 5 ของเมืองไทย ผู้ซึ่งต้องคอยวิ่งทำงานสลับกับช็อปปิ้งจนมือเป็นระวิง เลยต้องขอแรงจาก อ.ไหม (พรเพ็ญ ชัยชนะ) (ช่างผมของพี่ก้อง ปิยะ) ให้มาช่วยเสริมทัพกันอีกรอบในวันที่อาจารย์เอกไม่ว่าง เล่าให้ฟังแค่ทีมงานก็เหนื่อยแล้ว !
  ฉันชอบทำงานกับรายการนี้มาก ต่อให้นอนน้อยอัดรายการจากเที่ยงวันยันตี 3 ฉันก็รู้สึกอยากตื่นเร็วๆ ขึ้นมาทำงานในวันถัดไป มันทั้งสนุกและตื่นเต้นที่ได้เห็นพรสวรรค์เกลื่อนเวทีกันแบบนั้น คนพวกนี้ (ผู้เข้าแข่งขัน) เขาไปทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ถึงเพิ่งมาเจอกัน รู้แต่ว่าต่างก็มีของดีอยู่ในตัว ชนิดที่เรียกว่าพร้อมใช้ในทันที ไม่ต้องคอยจี้คอยไชให้มากนัก แค่สะกิดเบาๆ มันก็ฟุ้งกระจายของมันได้เองเหมือนหลับตาจับปลา จับขึ้นมาทีไรก็ได้แต่ตัวใหญ่ๆ พันธุ์ดีๆ ติดมือมาทุกที
          จะว่าไปแล้วฉันไม่เห็นจะต้องสงสัยเลยก็ในเมื่อแวดวงนี้เปิดโอกาสให้คนที่หน้าตามากกว่าความสามารถ คนที่หน้าแย่ หุ่นแย่ แก่ หรือมืออาชีพเกินไป เคยออกผลงานมาแล้วก็เลยถูกเมินจนชิน มาถึงรายการนี้ที่ฝรั่งคนคิดรายการอเมริกันไอดอลของอเมริกา เขาเอาข้อบกพร่องทั้งหลายแหล่ในรายการประกวดร้องเพลงทั้งหมดมาแก้ไข อุดรอยรั่ว ก็เลยได้ออกมาเป็นรายการที่ตัดสินกันเฉพาะเสียง   จะได้ไม่ลำเอียงเวลาที่เห็นหน้าค่าตา…
          ฉันสนุกสุดๆ คือ ช่วง “ปิดตาคัดตัว” ที่คล้ายๆ กับการหลับตาจับปลา ใช้สัญชาตญาณล้วนๆ คนเข้าประกวดบางคนก็เสียงดีนะ แต่ที่ไม่มีใครเลือกคงคล้ายๆ กับว่า เวลาที่เราหลับตาจับปลา เราสัมผัสและรับรู้ถึงเมือก เกล็ดหรือผิว รูปร่างตลอดจนน้ำหนักของมันผ่านมือ (เทียบกับใช้หูจับเสียง) เราจะรู้ได้เลยว่าจะเอาไปทำอะไรกิน ควรจะจับมันขึ้นมาหรือปล่อยมันไป รอให้มันโตกว่านี้จะดีไหม หรือมันไม่ใช่ปลาที่มีไว้กิน ไม่ใช่ปลาในน้ำจะกินได้ทุกสายพันธุ์นี่นา! …
          ฉันว่าหูของคนเรามันจับคลื่นความถี่ในแบบเฉพาะตัว เรียกว่า “ถูกจริต” บ้างก็ถูกจริตกับเสียงแบบนี้ บ้างก็ไม่ แต่สำหรับโค้ชแล้ว มันมีมาตรฐานกลางๆ ร่วมกันอยู่ โค้ชจะเลือกที่เนื้อเสียง วิธีการร้อง เทคนิค หรือแนว-สไตล์เฉพาะเสียงนั้นๆ ก็อย่าสงสัยนะคะว่าทำไมเสียงเงี้ยวง้าวบางเสียงคล้ายๆ คนเมาในบางทีจึงผ่านเข้ามาได้
          แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่คนดูส่วนใหญ่ว่าจะชอบแบบไหนและเชียร์ใคร เพราะรอบถ่ายทอดสดจะมีการโหวต แต่ก็เล็กน้อยมากเพราะมีช่วงเวลาให้โหวตเพียงสั้นๆ คะแนนครึ่งหนึ่งจะเป็นของโค้ชที่จะให้ เอาเป็นว่าประชาชนครึ่งหนึ่ง โค้ชครึ่งหนึ่งจะได้แฟร์ๆ กันไป ไม่มีใครชนะเพราะแฟนคลับโหวตให้อย่างเดียวแน่นอน (ชอบตรงนี้แหละ!) 
 
 ฉบับหน้าจะมาเล่าเรื่องราวขำๆ และแปลกๆ เบื้องหลังการถ่ายทำให้อ่านกัน รออ่านนะคะ รับรองสนุกแน่ !



[thevoice]จาก เจนิเฟอร์ คิ้ม ถึงthevoicethailand


[thevoice]จาก เจนิเฟอร์ คิ้ม ถึงthevoicethailand


[thevoice]จาก เจนิเฟอร์ คิ้ม ถึงthevoicethailand


[thevoice]จาก เจนิเฟอร์ คิ้ม ถึงthevoicethailand

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์