เมื่อเวลา 01.45 น.วันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ขณะร.ต.อ.สัมฤทธิ์ นิธิธนาภักดี รอง สว.จร.งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. พร้อมกำลัง 8 นาย ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ที่บริเวณปากซอยพัฒนาการ 37 แขวงและเขตสวนหลวง เจ้าหน้าที่ ได้เรียกรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ฟรีด สีดำ ทะเบียน ฆก 2273 กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ตามปกติ
โดยรถคันดังกล่าวผู้ขับขี่ คือ น.ส.ปิยา พงศ์กุลภา อายุ 28 ปี หรือ กิ๊ฟซ่า นักร้องสาวจากวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ และมีเพื่อนชายคนหนึ่งนั่งมาด้วย ทราบชื่อภายหลังคือนายณัฐพล หรือ นัท สารสาส หนุ่มไฮโซชื่อดัง เจ้าหน้าที่จึงเรียกทั้งคู่ลงมาจากรถ แต่ นายณัฐพล ที่นั่งคู่มาด้วย ได้เรียกรถแท็กซี่ออกจากด่านตรวจไปทันที ขณะที่นักร้องสาวปฏิเสธที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และขอตัวไปนั่งโทรศัพท์ที่เกาะกลางถนน
กระทั่งผ่านไปประมาณ 15 นาที ก็มีกระบะยี่ห้อนิสสัน เอ็นวี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ลษ 374 กรุงเทพมหานคร แบบมีหลังคา ขับเข้ามาจอดที่ด่าน โดยมีชาย 2 คนเป็นคนขับมา จากนั้นนายณัฐพลหรือนัทเพื่อนชายของกิ๊ฟซ่า ที่นั่งโดยสารมากับรถฮอนด้าฟรีดในตอนแรก ได้ลงมาจากรถกระบะคันดังกล่าว ตรงเข้ามาดึงตัวกิ๊ฟซ่าให้ขึ้นไปที่รถ เพื่อจะขับออกจากด่านตรวจไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าขวางไว้ พร้อมแจ้งว่า ยังไม่ได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เพื่อนชายคนดังกล่าวจึงยืนรออยู่ด้านนอก ส่วนกิ๊ฟซ่าได้แต่นอนตะแคงฟุบหน้าอยู่บริเวณแค็บด้านหลัง โดยเจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลงมาตรวจวัดแอลกอฮอล์
กระทั่งเวลา 03.10 น. กิ๊ฟซ่า ก็ยอมออกมาจากรถด้วยสภาพตาแดงก่ำและเดินไปเดินมา และพยายามไม่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งพูดว่า"ไม่ขอตรวจวัดแอลกอฮอล์ เนื่องจาก ถ้าตรวจก็เกิน แม้จะนิดหน่อยก็เกินแน่ รู้ตัว ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เมื่อถึงด่านก็จอด และขอเวลาหน่อย ขอดื่มน้ำ 3 ขวดŽ ก่อนจะเดินไปซื้อน้ำที่ปั๊มน้ำมัน ระหว่างนั้นมีกลุ่มเพื่อนของกลุ่มกิ๊ฟซ่า ได้เดินมาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์ให้คุย ซึ่งปลายสายระบุว่าเป็นนายเวรของนายตำรวจนายหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ประจำด่านบอกว่าไม่สามารถกระทำตามที่ขอได้ เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก และเป็นเรื่องที่ไม่ควร จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ด้านกิ๊ฟซ่าให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ได้ไปดื่มกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ย่านทองหล่อ ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.00 น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. ก็เดินทางกลับบ้าน โดยเป็นคนขับรถออกมา ส่วนรถเป็นของเพื่อนที่นั่งมาด้วย แต่เมื่อมาเจอด่านก็คิดว่าไม่น่าจะเป่าผ่าน เลยเรียกคนที่บ้านมารับ แต่ไม่ได้เมา เพราะดื่มไปแค่ 3 แก้ว ซึ่งเมื่อมาถึงด่านตั้งใจจะขอเวลาพักก่อน ส่วนที่ไม่ให้ความร่วมมือตอนแรกนั้น ก็เพราะไม่รู้ว่ามาตรฐานของตำรวจที่ว่าเมานั้นคือเท่าไหร่ เลยจะขอนอนพัก และดื่มน้ำก่อน 3 ขวด และตนก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เมื่อสร่างแล้วก็พร้อมจะเป่าทันที ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีการกล่าวอ้างถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้พูดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว นักร้องสาวก็ยอมตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 82 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาขับขี่รถขณะมึนเมาสรุา ก่อนควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.คลองตัน ดำเนินคดี โดยกลุ่มเพื่อนของกิ๊ฟซ่า ได้นำหลักทรัพย์เป็นเงินสด 20,000 บาท ยื่นประกันตัวออกไปในเวลา 05.15 น. ก่อนที่นัดให้นักร้องสาวมาพบพนักงานสอบสวนที่ สน.คลองตันอีกครั้งในเวลา 08.30 น. วันที่ 12 ก.ย.เพื่อส่งฟ้องศาลจังหวัดพระโขนงต่อไป สำหรับบทกำหนดโทษ ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ. 2550 บัญญัติไว้ว่า มาตรา 43 (2) "ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น..." และมาตรา 160 ตรี "ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
กระทั่งผ่านไปประมาณ 15 นาที ก็มีกระบะยี่ห้อนิสสัน เอ็นวี สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ลษ 374 กรุงเทพมหานคร แบบมีหลังคา ขับเข้ามาจอดที่ด่าน โดยมีชาย 2 คนเป็นคนขับมา จากนั้นนายณัฐพลหรือนัทเพื่อนชายของกิ๊ฟซ่า ที่นั่งโดยสารมากับรถฮอนด้าฟรีดในตอนแรก ได้ลงมาจากรถกระบะคันดังกล่าว ตรงเข้ามาดึงตัวกิ๊ฟซ่าให้ขึ้นไปที่รถ เพื่อจะขับออกจากด่านตรวจไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าขวางไว้ พร้อมแจ้งว่า ยังไม่ได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ เพื่อนชายคนดังกล่าวจึงยืนรออยู่ด้านนอก ส่วนกิ๊ฟซ่าได้แต่นอนตะแคงฟุบหน้าอยู่บริเวณแค็บด้านหลัง โดยเจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลงมาตรวจวัดแอลกอฮอล์
กระทั่งเวลา 03.10 น. กิ๊ฟซ่า ก็ยอมออกมาจากรถด้วยสภาพตาแดงก่ำและเดินไปเดินมา และพยายามไม่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งพูดว่า"ไม่ขอตรวจวัดแอลกอฮอล์ เนื่องจาก ถ้าตรวจก็เกิน แม้จะนิดหน่อยก็เกินแน่ รู้ตัว ก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร เมื่อถึงด่านก็จอด และขอเวลาหน่อย ขอดื่มน้ำ 3 ขวดŽ ก่อนจะเดินไปซื้อน้ำที่ปั๊มน้ำมัน ระหว่างนั้นมีกลุ่มเพื่อนของกลุ่มกิ๊ฟซ่า ได้เดินมาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์ให้คุย ซึ่งปลายสายระบุว่าเป็นนายเวรของนายตำรวจนายหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ประจำด่านบอกว่าไม่สามารถกระทำตามที่ขอได้ เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก และเป็นเรื่องที่ไม่ควร จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ด้านกิ๊ฟซ่าให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ได้ไปดื่มกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ย่านทองหล่อ ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.00 น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. ก็เดินทางกลับบ้าน โดยเป็นคนขับรถออกมา ส่วนรถเป็นของเพื่อนที่นั่งมาด้วย แต่เมื่อมาเจอด่านก็คิดว่าไม่น่าจะเป่าผ่าน เลยเรียกคนที่บ้านมารับ แต่ไม่ได้เมา เพราะดื่มไปแค่ 3 แก้ว ซึ่งเมื่อมาถึงด่านตั้งใจจะขอเวลาพักก่อน ส่วนที่ไม่ให้ความร่วมมือตอนแรกนั้น ก็เพราะไม่รู้ว่ามาตรฐานของตำรวจที่ว่าเมานั้นคือเท่าไหร่ เลยจะขอนอนพัก และดื่มน้ำก่อน 3 ขวด และตนก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เมื่อสร่างแล้วก็พร้อมจะเป่าทันที ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีการกล่าวอ้างถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้พูดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว นักร้องสาวก็ยอมตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 82 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาขับขี่รถขณะมึนเมาสรุา ก่อนควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.คลองตัน ดำเนินคดี โดยกลุ่มเพื่อนของกิ๊ฟซ่า ได้นำหลักทรัพย์เป็นเงินสด 20,000 บาท ยื่นประกันตัวออกไปในเวลา 05.15 น. ก่อนที่นัดให้นักร้องสาวมาพบพนักงานสอบสวนที่ สน.คลองตันอีกครั้งในเวลา 08.30 น. วันที่ 12 ก.ย.เพื่อส่งฟ้องศาลจังหวัดพระโขนงต่อไป สำหรับบทกำหนดโทษ ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 7 ) พ.ศ. 2550 บัญญัติไว้ว่า มาตรา 43 (2) "ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น..." และมาตรา 160 ตรี "ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่าหกเดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
บริษัทมีกติกาที่ชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นผิดแน่นอน ตนเข้าใจว่าศิลปินต้องมีปาร์ตี้และมีดื่มบ้าง ตรงนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัว การที่รู้ตัวว่าดื่มแล้วขับรถถือเป็นเรื่องผิดอยู่แล้วและเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ซึ่งในขั้นต้นทางบริษัท อาร์เอสฯ จะแบนงานทันทีอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อรอดูความประพฤติของศิลปิน ผมว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่ร้ายแรง แต่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่ควรทำ ยิ่งเป็นคนของสังคม เป็นศิลปิน เป็นคนที่อยู่ในสื่อ ต้องดูและระมัดระวังตัวเองให้มากครับ เฮียฮ้อกล่าว
ด้าน เบลล์ มนัญญา ลิ่มเสถียร หนึ่งในสมาชิกวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เห็นใจกิ๊ฟซ่า ก็เข้าใจว่าเป็นปาร์ตี้ แต่เขาก็ออกมายอมรับแล้ว เบลล์เชื่อว่าสังคมย่อมให้อภัยในความพลาดพลั้งครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่าเพื่อนพร้อมจะแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ
ส่วน แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี เพื่อนสมาชิกวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ อีกคนกล่าวว่า เข้าใจในสถานการณ์ ทุกอย่างต้องว่าไปตามผิดตามถูก และเชื่อว่าเป็นบทเรียน หวังว่าสังคมคงให้อภัย จริงๆ ก็ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โตไปกว่านี้ เพราะกิ๊ฟซ่าได้รับบทลงโทษเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแนนนี่เป็นกำลังใจให้เพื่อนตลอดอยู่แล้วค่ะ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากิ๊ฟซ่า ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ความว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ ขอโทษครอบครัวกิ๊ฟ ทางอาร์เอส เฮียและซ้อ เพื่อนร่วมวง และแฟนคลับ สิ่งที่ทําผิดไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ขอยอมรับผิด และขอยอมรับเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดซํ้าอีก ขอโทษทุกท่านที่รู้จักกิ๊ฟ หรือที่ไม่รู้จักแล้วได้มารับรู้เหตุการณ์ความผิดดังกล่าว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย
หลังจากนั้น แนนนี่ได้ทวีตข้อความให้กำลังใจ กิ๊ฟซ่า โดยมีใจความว่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว คนที่ทำผิดแล้วรู้ตัว สำนึกผิดในสิ่งที่ตนทำลงไป นับเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง เชื่อว่าคนพร้อมจะให้โอกาส สู้ๆ นะแก!!!
ด้าน เบลล์ มนัญญา ลิ่มเสถียร หนึ่งในสมาชิกวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ ได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า เห็นใจกิ๊ฟซ่า ก็เข้าใจว่าเป็นปาร์ตี้ แต่เขาก็ออกมายอมรับแล้ว เบลล์เชื่อว่าสังคมย่อมให้อภัยในความพลาดพลั้งครั้งนี้ และเชื่อมั่นว่าเพื่อนพร้อมจะแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ
ส่วน แนนนี่ ภัทรนันท์ ดีรัศมี เพื่อนสมาชิกวง เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ อีกคนกล่าวว่า เข้าใจในสถานการณ์ ทุกอย่างต้องว่าไปตามผิดตามถูก และเชื่อว่าเป็นบทเรียน หวังว่าสังคมคงให้อภัย จริงๆ ก็ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โตไปกว่านี้ เพราะกิ๊ฟซ่าได้รับบทลงโทษเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแนนนี่เป็นกำลังใจให้เพื่อนตลอดอยู่แล้วค่ะ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากิ๊ฟซ่า ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ความว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ ขอโทษครอบครัวกิ๊ฟ ทางอาร์เอส เฮียและซ้อ เพื่อนร่วมวง และแฟนคลับ สิ่งที่ทําผิดไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ขอยอมรับผิด และขอยอมรับเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดซํ้าอีก ขอโทษทุกท่านที่รู้จักกิ๊ฟ หรือที่ไม่รู้จักแล้วได้มารับรู้เหตุการณ์ความผิดดังกล่าว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย
หลังจากนั้น แนนนี่ได้ทวีตข้อความให้กำลังใจ กิ๊ฟซ่า โดยมีใจความว่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว คนที่ทำผิดแล้วรู้ตัว สำนึกผิดในสิ่งที่ตนทำลงไป นับเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง เชื่อว่าคนพร้อมจะให้โอกาส สู้ๆ นะแก!!!
ภาพจาก ข่าวสด
ภาพจาก ข่าวสด
ภาพจาก ข่าวสด
เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
https://www.facebook.com/teeneedotcom