ศรรามลากสังขาร ขมาศพ ยันเป็นอุบัติเหตุ

"ศรราม" หอบสังขารออกจากโรงพยาบาล

ร่วมงานศพเหยื่ออุบัติเหตุทางรถยนต์ ก้มกราบขอโทษสามีผู้ตาย พร้อมจุดธูปขอขมาเหยื่อ แพทย์ระบุอาการพระเอกดีขึ้นหลังพักผ่อนเต็มที่ เผยเจ้าตัวขอเลื่อนการสอบปากคำเกี่ยวกับคดี หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีจดหมายมาถึง ลูกสาวผู้ตายแฉพ่อใหม่ซ้อมแม่เป็นประจำ เงินชดเชยจากพระเอกส่อเค้าวุ่น


ความคืบหน้ากรณีที่นายศรราม เทพพิทักษ์ หรือ "หนุ่ม"

พระเอกคนดังแห่งค่ายอาร์เอส ประสบอุบัติเหตุขับรถชนนางพิศเพลิน ตะโกมา อายุ 54 ปี เสียชีวิตที่บริเวณสี่แยกวังหิน ซอยเสนานิคม เมื่อกลางดึกวันที่ 20 มิถุนายน ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวจำนวนมากยังคงติดตามอาการป่วยล่าสุดของพระเอกหนุ่ม โดยนายศรรามยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ มีเพียงนางอรุณี สุวรรณารักษ์ หัวหน้าฝ่ายบริการผู้ป่วยนอก นำคำชี้แจงเรื่องการรักษาพยาบาลของนายศรราม ฉบับที่ 2 มาให้แก่ผู้สื่อข่าว



 โดยมีข้อความดังนี้

"หลังจากที่ได้หลับและพักผ่อนตลอดช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน 2550 นายศรรามได้ตื่นนอน และมีความสดชื่นขึ้นในช่วงบ่าย รับประทานอาหารเย็นได้ดีเป็นปกติ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ได้มีจดหมายอย่างเป็นทางการมาถึงโรงพยาบาล
 
เพื่อขออนุญาตเข้าพบผู้ป่วยเพื่อสอบปากคำ
 
และขอให้ทางโรงพยาบาลตรวจหาระดับแอลกอฮอล์ในเลือดผู้ป่วย ทางคณะแพทย์ได้ขอให้เลื่อนการสอบปากคำไปสัก 3-4 วัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนให้เพียงพอเสียก่อน"


สำหรับบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

มีดารารุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่ ทยอยเดินทางมาเยี่ยมไข้ อาทิ เศรษฐา ศิระฉายา จุรี โอศิริ พิศมัย วิไลศักดิ์  รมิดา ประภาสโนบล ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ที่เดินทางมาพร้อมกับ ตรี สุขเกษม อดีตเพื่อนนักแสดงร่วมรุ่น รวมไปถึง สุจิรา อรุณพิพัฒน์ แฟนสาวของพระเอกหนุ่มที่เดินทางมาพร้อมกับคุณพ่อ


 มอส-ปฏิภาณ กล่าวว่า

ทราบเรื่องตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน จากคนขับรถตู้ แต่ไม่แน่ใจ เพราะเป็นข่าวจากการบอกเล่าของคนอื่น จึงไปเช็คข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตจึงทราบว่าประสบอุบัติเหตุจริงและมีผู้เสียชีวิต ทำให้รู้สึกตกใจมาก คิดแทนเพื่อนสนิทว่าจิตใจคงจะแย่พอสมควร เมื่อมาถึงก็ได้บอกกับหนุ่มว่าให้ทำใจดีๆ จากนั้นได้ถามอาการและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนุ่มจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ผมรู้สึกว่า 

 "ถ้าเป็นตัวเองก็คงรู้สึกแย่ คุณแม่ของหนุ่มก็มาพูดกับผมว่าให้ขับรถช้าๆ อย่ารีบ หนุ่มเองก็ฝากมาเตือนทุกคน ซึ่งตัวผมก็เตือนตัวเองด้วยว่า ให้ขับรถช้าๆ ไม่ต้องรีบ อย่าขับรถโดยประมาท สำหรับสภาพจิตใจของเขาตอนนี้ มันเหมือนมีอะไรติดอยู่ในใจ ผมก็เข้าใจ พยายามที่จะให้กำลังใจเขา" มอส กล่าว




จากนั้นเวลาประมาณ 16.30 น.

วันที่ 22 มิถุนายน นายศรราม ได้เดินทางออกจากห้องพัก พร้อมมารดา ในชุดสูทสีดำเพื่อไปยังวัดเกาะสุวรรณาราม โดยสีหน้าของพระเอกหนุ่มไม่สู้ดีนัก ยังอยู่ในอาการเศร้า ดวงตาช้ำ ตลอดทางระหว่างเดินไปขึ้นรถพยาบาล นายศรรามเดินด้วยท่าทางอ่อนแรง และกล่าวสั้นๆ ว่า "ขณะนี้สภาพจิตใจและร่างกายยังไม่ดีนัก และยังรู้สึกเป็นห่วงคู่กรณีอยู่"


 กระทั่งเดินทางมาถึงวัด

นายศรรามก็เดินตรงเข้าไปหานายนเรศ วงศ์เอี่ยม สามีของผู้ตาย ที่นั่งอยู่ในบริเวณศาลาวัดที่สวดอภิธรรมศพ จากนั้นพระเอกคนดังก็นั่งลงตรงหน้า และก้มลงกราบขอขมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อด้วยการลุกขึ้นไปจุดธูปขอขมาหน้าศพ จึงได้นั่งให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ ซึ่งได้กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าที่อิดโรย และดวงตาที่แดงก่ำ ถึงเหตุผลที่เดินทางมาเคารพศพทั้งที่ร่างกายยังไม่แข็งแรง ว่าเพราะไม่ค่อยสบายใจ นอนผวาตลอด จึงขออนุญาตหมอมาเพื่อมากราบขอขมากับสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายศรราม กล่าวว่า

ก่อนหน้านั้นอยู่กับมารดา แต่ขับรถออกมาข้างนอก และทำงานทุกวัน ไม่ได้นอน ร่างกายจึงอ่อนเพลีย และเมื่อมาถึงที่เกิดขึ้น ก็เกิดหลับ ทำให้รถเสียหลัก เหตุการณ์ร้ายแรงจึงได้เกิดขึ้น "ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อรถหยุดนิ่ง ผมก็เก็บของ และกระเป๋าภายในรถ
แล้วสังเกตเห็นว่า

ในรถมีควันสีขาวเต็มไปหมด และถุงลมนิรภัยแตกอยู่ตรงหน้า จึงได้เอามือปัดออก ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามีคนตาย จนกระทั่งเดินออกมาเจอนายนเรศ ซึ่งเขาจำได้ว่าผมคือ "หนุ่ม" ศรราม จากนั้นเขาก็บอกว่าคุณมีเลือดออกที่จมูกนะ ผมก็เอามือจับจมูกตัวเอง ก็ตอบว่าไม่เป็นไรครับ เขาก็บอกต่อว่าคุณไม่เป็นไร แต่แฟนผมตายแล้วนะ จึงทำให้รู้สึกตกใจ และผมยืนยันได้เลยว่าผมไม่ได้ดื่มเหล้า เหตุเกิดเพราะทำงานหนักจริงๆ รู้สึกเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะได้เจอเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้ รู้สึกผิดมาก" นายศรราม กล่าว



จากนั้นทีมพยาบาล

โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ขอตัวพระเอกหนุ่มออกไปพักผ่อนบนรถพยาบาล กระทั่งเมื่อถึงเวลาประมาณ 19.00 น. นายศรราม ได้เดินออกมาจากรถพยาบาล เพื่อเข้าไปนั่งในศาลาสวดอภิธรรมศพ ด้วยอาการสำรวม ท่ามกลางประชาชนที่ส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าด และปรบมือให้กำลังใจ 


 ทางด้านนายนเรศ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

ตนและภรรยาอยู่ด้วยกันมา 10 ปี โดยปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆ อยู่แถววัดเกาะสุวรรณาราม โดยมีอาชีพหาปลา และเก็บของเก่าขาย ซึ่งในวันที่เกิดเหตุ ก็ออกไปเก็บของเก่าตามปกติ จนมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่สุดท้าย ตั้งใจว่าเสร็จแล้วก็จะกลับบ้าน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ผมนั่งอยู่ไม่ห่างกันกับภรรยาสักเท่าไร 

 "จากนั้นก็เหลือบไปเห็นรถของนายศรรามเสียหลักชนเข้าไปที่ตู้โทรศัพท์  และกระเด็นมาชนภรรยาของผมอย่างจัง ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่าภรรยาจะเสียชีวิต จนหน่วยกู้ภัยนำผ้าขาวมาห่อถึงรู้ว่าเสียชีวิตจริงๆ ผมไม่คิดจะเรียกร้องอะไรหรอก เพราะเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งนายศรรามก็คงไม่ได้ตั้งใจ แต่เนื่องจากสภาพร่างกายของเขาไม่ไหวจริงๆ ตอนแรกเมื่อมีคนนำตัวนายศรรามเข้าโรงพยาบาล ผมก็กลัวว่าเขาจะหนีเหมือนกัน แต่คนที่มามุงดูก็บอกว่า เขาไม่หนีหรอก เขามีชื่อเสียง เขาไปโรงพยาบาล ผมจึงโล่งใจ" สามีผู้เสียชีวิต กล่าว



ผู้สื่อข่าวซักถามต่อถึงเงินจำนวน 3 หมื่นบาทที่นายชุมพร บิดาของคู่กรณีได้ให้ไว้เบื้องต้น นายนเรศ ตอบว่า
 
อยู่กับลูกสาวของผู้ตาย ตนไม่ได้เลยสักบาทเดียว ซึ่งหลังจากรับเงินแล้ว ลูกของภรรยาก็ไม่เคยคุยกับตนเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ลูกๆ ทั้งสี่ของภรรยาได้เดินทางมาดูแลมารดาหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ไม่เลย นอกจากมาขอเงินเป็นครั้งคราว แต่ตนก็ไม่ได้คิดจะเรียกร้องอะไรกับนายศรราม แต่ได้บอกกับทางนายชุมพรเอาไว้แล้ว ว่าก่อนหน้านี้หากินด้วยกันมาสองคน เมื่อหายไปหนึ่งคน ก็ขาดรายได้


 ขณะที่ นางนภาพร อุบลน้อย อายุ 31 ปี ลูกคนที่สามของผู้ตาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องเงิน 3 หมื่นบาท ว่า

จริงๆ แล้วเงินที่ครอบครัวนายศรรามให้นั้น ไม่ได้เป็นเงินที่ลูกๆ จะมาแบ่งกัน แต่เป็นเงินที่จะมาใช้จัดงานศพของแม่ "เรื่องเงินก็คงจะมีการแบ่งกัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะต้องรอให้งานศพของแม่เสร็จสิ้นก่อน ส่วนเรื่องเรียกร้องเงินเพิ่มหรือไม่ ยังไม่รู้ ต้องปรึกษากันอีกที กับสามีใหม่ของแม่ เขาเพิ่งอยู่กินกันมาได้แค่ 2 ปี ไม่ใช่ 10 ปี บางครั้งนายนเรศก็ซ้อมแม่ แม่ก็มักจะเอาแผลมาให้ดูบ่อยๆ ลูกๆ บอกให้เลิกก็ไม่ยอมเลิก ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็แอบให้เงินแม่ใช้อยู่บ่อยๆ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถ้าผู้สื่อข่าวไม่เชื่อ ให้ลองไปถามคนในตลาดวัดเกาะสุวรรณารามว่าเป็นอย่างไร" นางนภาพร กล่าว

 นายศักดิ์ อุบลน้อง สามีเก่าของนางพิศเพลิน ให้สัมภาษณ์ขณะมาร่วมงานศพว่า

หากนายศรรามจะให้เงินเพิ่มเติมเพื่อชดเชยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เงินที่ได้ควรจะแบ่งเป็น 5 ส่วน คือ ลูกๆ ของตนทั้งสี่คน และอีกส่วนก็เป็นของนายนเรศ ส่วนตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนนี้



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์