ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก

ถ้าพูดถึงความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูก ของคนในวงการบันเทิง หนึ่งในจำนวนนั้นต้องยกให้ครอบครัว “พงษ์สุวรรณ” 2 พี่น้อง “เท่ง เถิดเทิง” (พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ) และ “ส้มเช้ง สามช่า” (บุญญาวัลย์ พงษ์สุวรรณ) สองพี่น้องที่มีคุณแม่คนเดียวกันคือ “คุณแม่รำภา แพรบุตร” ซึ่งได้รับคัดเลือกจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ให้เป็นแม่ดีเด่น เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2550 ซึ่งกว่าที่เท่งกับส้มเช้งจะได้ดี มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขาต้องเจอกับอุปสรรคและความยากลำบากมาแล้วมากมาย

“ส้มเช้ง” ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจาก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ต้องทนลำบากอาบเหงื่อต่างน้ำ เรียกว่ารับจ้างทำงานทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งขณะนั้นมีกัน (พี่น้องทั้งหมด) 10 ชีวิต ซึ่งในบรรดาลูก ๆ ที่ได้ใกล้ชิดและได้สัมผัสถึงความลำบากของแม่มากที่สุด เห็นจะไม่พ้นลูกสาวคนโตอย่าง “ส้มเช้ง” และเนื่องในโอกาสวันแม่ 12 ส.ค. นี้ เธอก็เลยอยากระบายความรู้สึกต่าง ๆ เกี่ยวกับคุณแม่ มาเล่าให้ฟัง “ภาพที่ส้มเห็นแม่ในวัยเด็ก คือภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่งตัวมอซอ ที่ทำงานหนักมาตลอด แม่จะมีอาชีพแลกข้าว คือออกไปตามจังหวัด ซื้อหอม กระเทียม กะปิ น้ำตาล และก็ไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อไปแลกข้าวเปลือก ได้ข้าวเปลือกมาก็ไปขายที่โรงสี พอได้เงินมาก็จะเลี้ยงทั้งครอบครัว คือตอนนั้นพ่อสุขภาพไม่ดีค่ะ แม่เลยเป็นเสาหลัก เวลาแม่ไปทีก็ 10 วัน 15 วัน ถ้ารายได้ดีก็จะกลับเร็วหน่อย ถ้ารายได้ไม่ดีก็ต้องอยู่จนกว่าจะได้เงิน แม่ส้มทำงานไม่มีวันหยุด เพราะหยุดเมื่อไหร่ หมายถึงลูก ๆ จะอด เวลาแม่กลับมาทีลูก ๆ ก็จะนั่งรอกันหน้าบ้าน”

“ภาพที่เห็นคือแม่อยู่ในสภาพที่อ่อนล้ามาก ๆ เดินถือกระบุงกับไม้คานลงจากรถสองแถว ในนั้นก็จะมีของกินมาฝากลูก ๆ แม่ทำอย่างนี้มาตลอด แม่นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องลุกแล้ว ขนาดตอนท้องน้องคนเล็ก แม่ก็ยังทำงานหนัก ตอนนั้นส้มก็ได้แต่สงสารแม่ จนโตขึ้นมาหน่อย สัก ป.4 ช่วงปิดเทอมก็เลยขอออกไปทำงานกับแม่ ตอนนี้เองที่ส้มรู้สึกสงสารแม่จับใจ เพราะได้ไปเห็นสภาพว่าแม่ลำบากขนาดไหน ได้รู้ว่ากว่าที่แม่จะได้เงินมาแต่ละบาทต้องเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด กระบุงที่แม่หาบมันหนักมาก เราเป็นรุ่น ๆยังแทบไม่ไหวเลย แต่นี่แม่ทำอย่างนี้เลี้ยงลูกมากี่ปี ไหล่ของแม่เนี่ยด้านเป็นรอยไม้คานยุบไปหมด ตอนนั้นออกไปทำงานกับแม่ ก็จะหาบกระบุงคนละใบ นั่งรถสองแถวไปทีละหลาย ๆ คน ไปถึงหมู่บ้านก็จะแยกกันไปตามจุดต่าง ๆ ส้มกับแม่ก็จะแยกกันไป เอาของที่มีไปแลกข้าวเปลือก บ้านไหนใจบุญก็จะให้ข้าวเปลือกเราเยอะมาก บางทีได้ข้าวเต็ม 2 กระบุง ซึ่งหนักมาก แต่ก็ต้องหาบกลับให้ไหว บางทีไม้คานแทบหัก แต่ก็ต้องกัดฟันทน”

พูดถึงความเป็นนักสู้ของแม่...สุดยอดจริง ๆ “แม่ของส้มไม่แพ้ใครเลยค่ะ แม่แกร่งยิ่งกว่าผู้ชายบางคนซะอีก แม่ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย อะไรที่ได้เงินแม่ทำหมด แม่อยากให้ลูกได้กินอิ่ม ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่น ๆ เขา ส้มแอบเห็นแม่ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ ค่ะ เคยมีครั้งนึง แม่แลกข้าวได้มาแล้ว กำลังนั่งรอรถสองแถวกลับบ้าน ชาวบ้านแถวนั้นใจดีสงสารเห็นนั่งรอรถนานก็ให้ไปนั่งรอในบ้าน ปรากฏว่าออกมาข้าวเปลือกหายไปทั้งกระบุง ตอนนั้นแม่เสียใจร้องไห้เยอะมาก เพราะเท่ากับว่าที่เหนื่อยมาทั้งวันไม่ได้อะไรเลย ทุนก็หาย ไหนลูกจะกินอะไรสุดท้ายก็ต้องไปขอยืมเงินเค้าไปทำทุนต่อ” มีเหตุการณ์อะไรที่เราจดจำมาจนถึงวันนี้บ้างมั้ย? “แม่บอกกับลูก ๆ ที่ส้มจำไม่ลืมเลยว่า แม่อดได้ แม่เหนื่อยได้ แต่ลูกจะอดไม่ได้ ประโยคนี้ยังดังก้องอยู่ในหูส้มทุกวันนี้เลยค่ะ แม่เป็นคนไม่ค่อยสอน เพราะไม่มีเวลามาสอนลูก คนที่ดูแลลูกคือพ่อมากกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่แม่สอนลูกโดยไม่รู้ตัวคือการปฏิบัติให้เห็น ไม่ว่าจะในเรื่องการหาเงิน ดูแลพ่อ ดูแลครอบครัว แม่รักลูกขนาดไหน การ กระทำมันมากกว่าคำพูด มันซึมซาบได้ดีกว่าคำพูด แม่เป็นต้นแบบที่ดี ทำให้ลูก ๆ ได้จดจำเป็นตัวอย่างค่ะ”

ดูเหมือนว่า “ส้มเช้ง” กำลังอินกับเรื่องราวในอดีต และช่วงหนึ่งเธอก็พูดโพล่ง (เหมือนนึกได้) ออกมาว่า “มีเหตุการณ์หนึ่งที่ส้มกับแม่ยังประทับใจต่อกันไม่รู้ลืม เพราะถ้าไม่มีแม่ในวันนั้น คงไม่มีส้มเช้งในวันนี้ คือตอนนั้นส้มกับที่บ้านไปเล่นลิเกที่ภาคใต้ ด้วยความที่ส้มเริ่มจะเป็นสาว พอแต่งองค์ทรงเครื่องลิเกแล้วก็ดูเป็นสาวเต็มที่ ส้มเล่นเป็นตัวอ้อล้อ ซึ่งคนดูชอบมาก พอลิเกจบเก็บของจะกลับบ้าน น้าชายก็ได้ยินมาว่ามีคนจะมาฉุดส้ม น้าก็เลยมาบอกแม่ ตอนนั้นส้มกับแม่กลัวมาก นั่งอยู่บนรถสองแถว แม่จับส้มยัดใต้เก้าอี้นั่ง เอากลองบังแล้วแม่เอาผ้าถุงคลุมนั่งทับเพื่อบังส้มอีกที

“จู่ ๆ ก็มีผู้ชาย 2 คนถือปืนท่าทางน่ากลัวมากขึ้นมาบนรถ แล้วถามหาส้มด้วยเสียงดังลั่น ด้วยความที่กลัวว่าส้มจะถูกฉุด แม่ก็พยายามตั้งสติ แล้วตอบไปว่าส้มกลับไปแล้ว สองคนนั้นไม่เชื่อ ทำท่าจะขอค้นรถ แม่ก็ยืนยันหนักแน่นว่าส้มมีสามีอยู่ที่นี่ สามีมารับกลับไปแล้ว ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น และเห็นว่าเป็นคนแก่ เขาถึงได้เชื่อ แล้วลงจากรถไป ตอนนั้นส้มรู้นะว่าแม่กลัวมาก เพราะผ้าถุงแม่สั่นผับ ๆ แต่แม่พยายามคุมสติ พอรู้ว่าสองคนนั่นไปแล้ว แม่ดึงส้มขึ้นมากอดไว้แน่นเลย เราสองคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้ "ตอนนั้นส้มรู้เลยว่าความรักของแม่มันมากมายมหาศาลขนาดไหน เมื่อภัยมา แม่พร้อมจะตายแทนลูกได้"

“ตอนนี้ส้มสบายขึ้นก็ดูแลแม่เป็นอย่างดี อะไรที่แม่อยากได้ ส้มหาให้หมด แม่อยากมีทองใส่ ส้มก็ซื้อให้ รวบรวมเงินกับพี่เท่งปลูกบ้านให้แม่ ก็อยากให้แม่ได้อยู่สุขสบายบ้างแล้วค่ะ แม่อยากไปเที่ยว ส้มก็พาไปอย่างต่างประเทศ แกก็มีความสุขดีค่ะ ได้เห็นรอยยิ้มของแม่ทำให้ส้มมีความสุขมาก และส้มเชื่อว่าทุกวันนี้ที่ส้มกับพี่เท่งได้ดีมีคนรู้จัก ก็คงเป็นผลจากที่เราดูแลแม่อย่างดีมาตลอด เพราะฉะนั้นใครที่ยังมีแม่อยู่ รีบตอบแทนบุญคุณท่านซะ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าอายที่จะแสดงความรัก อยากกอด อยากกราบเท้าแม่ก็ให้รีบทำซะ อย่าพลาดโอกาสดี ๆ ไป แล้วจะมานั่งเสียใจทีหลัง พรอันใดก็ไม่ประเสริฐเท่าพรของพ่อกับแม่หรอกค่ะ”

ด้านลูกชายคนดัง “เท่ง เถิดเทิง” ได้พูดถึงแม่ว่า “ผมกับแม่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ความรักที่มีให้กันก็เหมือนกับแม่ลูกทั่วไป คือลูกรักแม่ แม่ก็รักลูก ตั้งแต่เด็กจนโตผมก็พยายามช่วยแม่มาตลอด ก็ทำสารพัดอาชีพเลยครับ เรียกว่ากว่าจะถึงวันนี้ได้ก็ผ่านอะไรมามากมาย สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าแม่ภูมิใจในตัวผมที่สุดคือวันที่ผมประสบความสำเร็จ วันที่ลูกเป็นที่รู้จัก วันที่ลูกมีเงินใช้ไม่เดือดร้อน การที่แม่เห็นลูกสบาย แค่นี้คนเป็นแม่ก็ชื่นใจแล้วล่ะครับ คำสอนของแม่ที่สอนผมมาตลอดคือ การสอนให้เป็นผมคนดี ไม่คดโกงใคร อะไรที่ไม่ดีอย่าเข้าไปข้องเกี่ยว ซึ่งผมก็พยายามจำและทำมาตลอด ทุกวันนี้ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมอยากทำให้แม่ แต่ยังไม่ได้ทำซึ่งก็ค่อย ๆ ทำไปครับ แต่ที่ห่วงมากที่สุดก็ในเรื่องของสุขภาพ ตอนนี้แม่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ผมก็พยายามถามไถ่ หาคนดูแลพาแม่ไปหาหมอ คือทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุดครับ”

พรุ่งนี้ (12 ส.ค.) เป็นวันแม่แห่งชาติ ใครที่อยู่ไกลแม่ หรือไม่ค่อยได้เจอท่าน ก็พยายามหาโอกาสไปหาท่าน ไปกราบเท้าท่าน พรของพ่อกับแม่สุดยอดเหนือสิ่งอื่นใดแล้วค่ะ

ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก


ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก


ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก


ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก


ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก


ถ้าไม่มี แม่ ในวันนั้น คงไม่มี “ส้มเช้ง ”ในวันนี้ - คนดังหลังฉาก

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์