ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย


ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

นอกจากฝีไม้ลายมือทางการด้านการแสดงที่โดดเด่นแล้ว ความมีน้ำจิตน้ำใจของคู่รักว่าที่บ่าวสาว "ป๋อ"ณัฐวุฒิ สกิดใจ และ "เอ๋"พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ นั้น ก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร

เห็นได้จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ที่ทั้งคู่ลงพื้นที่เป็น "จิตอาสา" ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทั้งหาทุน ลงแรง สร้างความบันเทิง อื่นๆ อีกจิปาถะ

และที่เรียกเสียงฮือฮาคือการช่วยผู้ประสบภัยผ่านทางทวิตเตอร์ ทำให้ผู้ที่อยู่สังคมออนไลน์ตื่นตัว ส่งเงินมาร่วมบริจาคนับล้านบาท 

เพราะอะไร และทำไม ถึงได้เป็นจิตอาสา ทำแล้วได้อะไรลองมาฟังดู 



- จุดเริ่มต้นการเป็นจิตอาสา มีที่มาอย่างไร?

ป๋อ - "เริ่มจากน้ำท่วมปีที่แล้ว ที่ตอนนั้นเราช่วยแต่เงินบริจาคแต่ไม่ได้ลงแรงเพราะติดงาน แล้วรู้สึกว่าคนเดือดร้อนมากๆ ทำให้อยากมีส่วนร่วมในจุดนี้ พอปีนี้เกิดอุทกภัยขึ้นเราก็ไม่รอใครแล้ว ออกของเรามาเอง"

"เริ่มจากช่วงน้ำท่วมใหม่ๆ เราบริจาคเสื้อชูชีพจำนวน 300 ตัว ให้ช่อง 3 ซึ่งวันที่เอาชูชีพมาบริจาค ผมกับเอ๋นั่งเซ็นชื่อเหนื่อยมาก ทำให้รู้ว่าการจะทำสิ่งดีๆ สักอย่างมันยากเหมือนกัน แต่ถ้าเราพยายาม สุดท้ายก็สามารถทำได้ ทำให้รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสอีกก็จะช่วยอีก หลังจากนั้นก็เริ่มคิดสิ่งอื่นๆ ต่อไปว่าจะช่วยอย่างไรต่อไปดี เพราะตอนนั้นท่วมขึ้นเรื่อยๆ"

เอ๋ - "พวกเรามีโอกาสลงพื้นที่ไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยกับทางช่อง 3 ที่จ.ลพบุรี พอลงพื้นที่ตกใจมาก เป็นคนละแบบกับที่คิดเลย เห็นคนติดเกาะทั้งลูกเล็กเด็กแดง คนแก่ ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ทำให้คิดอยากช่วยค่ะ"

- แล้วช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านทางทวิตเตอร์มีที่มาอย่างไร?

ป๋อ - "ผมคุยกับแฟนๆ ทางทวิตเตอร์อยู่แล้ว พอน้ำท่วมก็จะเห็นว่าเราไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เขาจะถามตลอดอยากไปช่วยบ้างได้หรือเปล่า บริจาคเงินผ่านเราได้มั้ย ซึ่งตอนแรกผมไม่รับบริจาคเงิน เพราะแม่ไม่อยากให้ยุ่งเรื่องเงิน เงินทองเป็นของแสลง ถ้าคนคิดกับเราดีก็ดีไป แต่ถ้าคิดไม่ดีก็เอาไปติฉินนินทา"

"หลังลงพื้นที่กับทางช่อง 3 ที่ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เสร็จ ก็ตั้งใจจะลงพื้นที่เอง ตอนแรกตั้งใจเอาไฟฉายคาดหัวและวิทยุแบบใส่ถ่านไปช่วยผู้ประสบภัย เรารับบริจาคแค่นี้ ถ้าใครอยากบริจาคกับเราก็ซื้อของแล้วส่งไปรษณีย์มา เราก็ไปซื้อของเราเองส่วนหนึ่งรวบรวมไปแจก แล้วลงพื้นที่ไป ที่แรกคือมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท รอบนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ"

"ไปช่วยที่จ.ชัยนาทกลับมาถึงเริ่มรับบริจาคเป็นตัวเงิน เพราะรู้แล้วว่าพอคนบริจาคเป็นสิ่งของเข้ามาทำให้สะเปะสะปะ เราไม่มีกำลังคนพอจะมานั่งแกะกล่องแล้วแพ็กของ รวมถึงมีหลายคนที่อยู่ต่างประเทศและคนต่างจังหวัดที่ทวีตมาว่าอยากช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมกับเรา แต่ไม่สะดวกส่งเป็นสิ่งของ สะดวกโอนเงินมากกว่า นับแต่นั้นก็ตัดสินใจเริ่มรับบริจาคเป็นเงินโดยเปิดบัญชีใหม่ใช้ชื่อว่า "ทวิตสกิดใจ คนไทยรักกัน" นำเงินตรงนี้ไปจัดซื้อสิ่งของเพื่อช่วยเหลือ"

ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

- เหนื่อยหรือเปล่าที่ลงพื้นที่เอง?

เอ๋ - "ถ้าบอกไม่เหนื่อยก็คือโกหกแล้ว(หัวเราะ) แต่พอไปเห็นสภาพผู้ประสบภัยแล้วเห็นใจ ตัวเอ๋ก็เหมือนเป็นผู้ประสบภัยเหมือนกัน เพราะบ้านคุณยายอยู่ที่อยุธยา บ้านน้ำท่วมไม่ได้ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่โดน และยายก็ไม่ยอมออกไปด้วย ทำให้เรารู้สึกเข้าใจทุกๆ คนที่ประสบเหตุแบบนี้"

ป๋อ - "เราดีใจและภูมิใจมากที่ในชีวิตไม่เคยเดินทางไปด้วยตัวเอง เราลงพื้นที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน วันนั้นหลังเสร็จจากการเอาของไปแจกที่จ.ชัยนาท ก็กลับมานั่งทานข้าวกันตอน 4 ทุ่ม ยิ้มกันกับทีมงานที่ไปว่าเราทำสำเร็จแล้ว เพราะสิ่งที่ผมคาดหวังมากที่สุดกับการลงพื้นที่ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกคืออยากให้ทุกคนปลอดภัย หลังจากครั้งแรกที่ชัยนาทแล้วก็เริ่มไปต่อ เริ่มใจใหญ่(หัวเราะ) ก็ไปที่อ.บ้าน แพรก จ.พระนครศรีอยุธยา"

เอ๋ - "ช่วงที่ไปบ้านแพรกทุลักทุเลอีก การเดินทางนานมาก ปกติเดินจากกรุงเทพฯ ไปอยุธยาใช้เวลาแค่ 1-2 ชั่วโมง แต่ครั้งนี้ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง เพราะถนนปิด น้ำท่วม ต้องขับอ้อมไปทาง นครนายก, สระบุรี, ลพบุรี แล้วเข้าอยุธยา กว่าจะเข้าไปถึง อ.บ้านแพรก ก็ยากอีก เพราะน้ำท่วมค่อนข้างเยอะ และมีชาวบ้านขึ้นมาอยู่บนถนน เราก็ค่อยๆ ขับไต่ๆ กันไป"


ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

- ลงพื้นที่ 3 จังหวัดแล้ว ดำเนินการอย่างไรต่อ?

ป๋อ - "หลังจากนั้นบ้านผมแถวพระราม 5 ประสบอุทกภัย(หัวเราะ) น้ำสูงมาก ด้วยความที่เราต้องทำงานทำให้ต้องออกไปอยู่ที่อื่น ผมต้องทวีตขอโทษทุกคนว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเพราะต้องดูแลตัวเองก่อน"

"ก่อนที่ผมจะประสบภัยก็ได้แจกโฟมชูชีพ ตอนนั้นเสื้อชูชีพขาดตลาด ผมเห็นคุณยายแก่ๆ ที่อยุธยาพายเรือจากบ้านมาตลาดโดยไม่ใส่ชูชีพ ระยะทางที่พายเรือมาต้องผ่านน้ำลึก พื้นที่เป็นนากว้าง ถ้าเรือล่มต้องว่ายน้ำอย่างเดียว มอง 360 องศาไม่เห็นฝั่งเลย เราเลยคิดว่าควรหาโฟมที่เคยใช้เรียนว่ายน้ำให้ทุกคนไปก่อน ก็สั่งโฟมมา 2,000 แผ่น และล็อตที่สองอีก 2,000 แผ่น และทางคนขายแถมมาให้อีก 1,000 แผ่น"

"มีน้องคนหนึ่งทวีตมาบอกว่าเขาเกาะโฟมชูชีพที่ได้จากผมออกจากบ้านเพื่อไปขอกำลังหน่วยกู้ภัยไปช่วยอพยพพ่อแม่ออกจากบ้าน ผมคิดไว้แต่แรกแล้วว่า โฟมของผมตัดมา 5,000 แผ่น อาจดูตลก แต่ถ้ามีอยู่แผ่นหนึ่งช่วยชีวิตคนที่กำลังจะจมน้ำได้ ผมถือว่าคุ้มแล้วครับ"


ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

- เป็นผู้ประสบภัย แต่ก็ยังช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ โดยเปลี่ยนเป็นวิธีฟื้นฟูจิตใจ?

ป๋อ - "การทำงานเริ่มมีระบบมากขึ้น เลยเปลี่ยนกลยุทธŒช่วยเหลือ ตอนนี้เราไม่มีสถานที่เก็บสตŠอกของ เพราะเราอพยพออกจากบ้านแล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือคนได้ต่อไป เลยร่วมกันคิดโครงการกับเต้ (ว่าที่ร้อยตรีภัทรกฤษณ์ พุ่มพิพัฒน์) ซึ่งเป็นครูสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ โดยเอาน้องๆ จากวิทยาลัยไปแสดงคลายเครียดให้ผู้ประสบภัยที่ศูนย์พักพิงฯเพื่อบำบัดจิตใจ โดยเริ่มที่ศูนย์ฯม.เกษตรศาสตร์ และที่ที่สองคือศูนย์ราชการฯ ที่แจ้งวัฒนะ"

เอ๋ - "แต่ครั้งที่สองประสบปัญหาเรื่องเดินทาง โดยถนนที่มาที่ศูนย์ราชการฯ น้ำท่วมตลอดตั้งแต่หลักสี่ ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดคือน้องๆ ต้องไปเอาเครื่องดนตรีที่ศาลายา ซึ่งที่ศาลายาน้ำท่วมหนักมาก ขึ้นรถตั้งแต่ 9 โมงแล้วเดินทางไปที่วิทยาเขตแถวสนามหลวงเพื่อเอาเครื่องทรงต่างๆ พอมาถึงปิ่นเกล้ารถเสีย กว่าจะมาถึงศูนย์ราชการฯ ได้ประมาณสองทุ่มครึ่ง"

ป๋อ - "ถือเป็นทริปที่สะบักสะบอมสุด เด็ก 40 คนต้องยืนตากแดดกันจนมาถึงเกือบสามทุ่ม สงสารมาก ครั้งนั้นผมคิดจะเลิก ไม่ทำแล้ว แต่หลังจากแสดงเสร็จประมาณเที่ยงคืน เด็กกลับถึงบ้านตี 4-ตี 5 พออีกวันน้องๆ ถามผมว่าครั้งต่อไปจะไปที่ไหนอีก เขาอยากไปช่วย สุดยอดมากๆ ตรงนี้ทำให้เราจัดการแสดงไปที่ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมากต่อ"

เอ๋ - "ที่รู้สึกประทับใจคือผู้ประสบภัยที่ศูนย์ราชการฯ เขาตั้งตารอดู พวกเราก็ลุ้น กลัวเขาจะไม่ดูเพราะมันดึกมาก ที่ไหนได้คนดูเยอะมาก สนุกสนาน และน้องๆ นาฏศิลป์เต็มที่มากๆ"

ป๋อ - "อยากบอกว่าสิ่งที่เราเอาการแสดงไปเล่นอาจจะสร้างรอยยิ้มให้ไม่กี่ชั่วโมง แต่อย่างน้อยก็อยากแบ่งๆ กันไปยิ้มครับ ในยามเครียดๆ แบบนี้ยิ้มและหัวเราะจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แม้ช่วงเวลาสั้นก็ถือว่าโอเคแล้ว"

ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

- ในฐานะที่เอ๋เป็นผู้หญิง มาทำหน้าที่จิตอาสา มีเหนื่อยและท้อไหม?

เอ๋ - "เหนื่อยนะคะแต่ไม่ท้อ ถามว่าร้อนมั้ย ร้อนสุดๆ ดำด้วย(หัวเราะ) แต่พอลงพื้นที่แล้วสนุก เราอึดลุยและชอบแบบนี้อยู่แล้ว บางทีต้องปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถก็มี หรือปีนนั่งบนรถทหารก็เคย ต้องขอบคุณพี่ป๋อ เพราะถ้าพี่ป๋อไม่ทำแบบนี้เอ๋ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อสังคมหรือเปล่า เอ๋ก็เหมือนนักแสดงหลายๆ คนที่อยากไปแต่ไม่มีโอกาสและไม่รู้จะเริ่มอย่างไร"

- คำว่า "จิตอาสา" ในความคิดหมายถึงอะไร?

เอ๋ - "เอ๋ว่าทุกอย่างที่ทำมันทำด้วยใจ ทำด้วยความรักที่เราอยากทำจริงๆ มาถึงวันนี้เราใช้คำว่า ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้แล้ว ทุกคนต้องช่วยเหลือกันค่ะ"

ป๋อ - "ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่า จิตอาสา คืออะไร รู้แต่ว่าเวลาที่เกิดอะไรขึ้นสักอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่มาตอนนี้เราอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของเรามากขึ้น ท่วมบ้านเขาก็เป็นเรื่องของเขา เราเลิกคิดเรื่องนี้ไปแล้ว เราคิดว่าทำอย่างไรที่เราจะช่วยเขาได้ ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่เรามองเรื่องพวกนี้ง่ายขึ้น"

- คิดว่าการเป็นนักแสดงมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการเป็นจิตอาสาหรือเปล่า?

ป๋อ - "ผมว่าการเป็นนักแสดงมันช่วยในเรื่องการเป็นแรงบันดาลใจบางอย่าง ถ้าเราจุดประกายอะไรบางอย่างออกมาจะมีคนที่เห็นด้วยกับเราช่วยสานต่อ แต่สิ่งสำคัญคือเราจะทำไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากทุกคน ตัวอย่างที่เห็นชัดเลยคือ ที่ผมเปิดบัญชีบริจาคในนาม "ทวิตสกิดใจ คนไทยรักกัน" แล้วมีคนบริจาคคนละเล็กละน้อยจนมีเงินถึงหนึ่งล้านบาท"

"มันยากมากนะที่จะทำให้ถึงยอดเงินหนึ่งล้าน แต่ทำได้เพราะทุกคนร่วมมือกัน บริจาคคนละร้อย เราได้เห็นถึงพลังและความช่วยเหลือของคนไทย ทำให้รู้สึกว่าสังคมไทยยังเป็นสังคมที่น่ารัก ช่วยเหลือกัน"

ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

- ถึงตอนนี้วางแผนช่วยเหลือถึงขั้นฟื้นฟูภายหลังน้ำลดอย่างไร?

ป๋อ - "เรามีแผนเยอะแยะไปหมด แต่ตอนนี้เงินหมด(หัวเราะ) เงินในบัญชีที่เปิดรับบริจาคเหลือ 400 กว่าบาท เพราะถอนออกมา 1 ล้านบาทมอบให้ทางช่อง 3 ไปแล้ว ผมคิดว่าคงมาระดมกันใหม่ โดยให้คนบริจาคเข้าบัญชีเหมือนเดิม ใครอยากบริจาคขอแค่คนละ 100 บาทเหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้เรายังช่วยเรื่องน้ำท่วมอยู่ แต่หลังจากนี้คงช่วยเรื่องหน้าหนาวต่อไป"

"ตอนนี้สิ่งที่ผมรู้สึกมากที่สุด คือพยายามจะปลุกจิตสำนึกในเรื่องของการอย่าหยุดที่จะคิดช่วยเหลือคนอื่น ควรจะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เราไม่ได้ทำตามกระแส เราทำเพราะมันเป็นชีวิตจริงของคนที่ต้องทำครับ"

- รู้สึกอย่างไรที่คนมองว่านักแสดงทำงานช่วยเหลือสังคมเอาหน้า?

ป๋อ - "คนเราจะคิดอะไรก็ได้ แต่ถ้าจะใช้ความคิดในการทำอะไรสักอย่างในชีวิต ควรคิดให้ดีดีกว่า ถ้าคนคิดแบบนี้การช่วยเหลือไม่มีทางเกิด ถามคนที่มีความคิดแบบนี้หน่อยว่าถ้าบ้านคุณน้ำท่วมแล้วไม่มีใครคิดอยากเอาหน้า ใครจะเข้าไปช่วยคุณ เรื่องการช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องของหน้าที่ใคร คนที่ช่วยเหลือทำด้วยจิตอาสา ถ้าบอกว่าพวกอาสาสมัครเอาหน้าก็จะกลายเป็นว่าต่อไปไม่มีใครเอาหน้าก็ไม่มีคนเข้าไปช่วยคน ผลคือทุกคนลำบาก"

"ผมรู้สึกเฉยมากกับเรื่องพวกนี้ ถ้าเราเอาความคิดเหล่านั้นมาทำลายบั่นทอนความมั่นใจเรา มันจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้ ไม่ออกจากบ้านช่วยคนอื่น ผมมองว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของความเสียสละ เป็นเรื่องน่าชื่นชม มันไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง มันเป็นเรื่องของทุกคน"

- สุดท้ายอยากให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างไร?

เอ๋ - "ให้กำลังใจทุกฝ่าย ทั้งคนลงพื้นที่ ทหาร อาสาสมัคร ผู้ประสบภัย เอ๋มองว่าคนไทยไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว ถ้าไทยไม่ช่วยไทยแล้วใครจะช่วยเราคะ"

ป๋อ - "ผมอยากขอบคุณทุกคนในทวิตเตอร์ ขอบคุณน้องๆ ที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ ขอบคุณหลายๆ หน่วยงานที่อำนวยความสะดวกให้เราเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย และหวังว่าจะมีโอกาสทำสิ่งดีๆ ร่วมกันต่อไปครับ"

บางครั้งความโชคร้ายก็มาพร้อมกับความโชคดี โชคดีที่ได้เห็นน้ำใจคนไทยมากมายท่ามกลางภาวะวิกฤตเช่นนี้

ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย


ป๋อ-เอ๋ คู่รักจิตอาสา ปันยิ้มให้ผู้ประสบอุทกภัย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์