เบื้องหลัง อีเม้ยสยองไปทั้งเมือง

ลงจอออนแอร์มาได้ไม่นาน แต่กระแสละคร "รอยไหม" ที่ฉายทุกวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง 3 เวลา 20.30 น. ก็แรงจนถูกกล่าวขวัญถึงกันทั่วเมือง

โดยเฉพาะตัว "ผีอีเม้ย" ที่โผล่มาทีไรคนดูมีอันต้องผงะเพราะความน่ากลัว

หลายคนเกิดติดใจถึงขนาดไปตั้งแฟนเพจในเฟซบุ๊ก ผีอีเม้ย รอยไหม ให้กดไลค์เป็นเรื่องเป็นราว

เรียกว่าดังกว่าผีตัวไหนที่เคยมีมา

"ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้ผีมันน่ากลัว" คำสารภาพตามตรงจาก อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ผู้กำกับ

ด้วยความคิดแรกของเขาคือ "คนไม่ค่อยดูละครผี" จึงพยายามออกแบบให้ผีมีลักษณะน่ารัก

"เราดีไซน์ให้เหมือนแมว คอยพันแข้งพันขาเจ้านาย ได้ไอเดียจากทางภาคเหนือ ภาคอีสานที่การเลี้ยงผีเขามีอยู่จริง"

เลยเกิดเป็นตัว "เม้ย" (ชุดาภา จันทเขตต์) บ่าวผู้ซื่อสัตย์ ที่ยอมรับผิดแทนนายสาว "บัวเงิน" (เมย์ เฟื่องอารมย์) ถึงขั้นถ้าจะตายก็ขอตายด้วยน้ำมือนายเท่านั้น

เมื่อสิ้นลมไปก็ยังภักดีเป็นผีรับใช้ คอยรังควานนางเอกตามคำสั่ง "ย่า" ของ "บัวเงิน" (พิศมัย วิไลศักดิ์) อีกต่างหาก

แม้คาแร็กเตอร์ดูชัดเจน แต่พอมารวมกับเสื้อผ้า หน้า ผม อันแสนน่ากลัว กลับกลายเป็นเรื่องยาก พอจะเลือกนักแสดงผู้กำกับเลยต้องคิดหนัก ก่อนมาลงตัวที่ ชุดาภา จันทเขตต์

"ผมต้องการให้แสดงทะลุหน้ากากผีออกมา เลยต้องใช้ความสามารถของนักแสดงสูง"

และเธอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จนอ๊อฟถึงกับเอ่ยปากชม "ตอนนี้ดังมากกว่าพระเอกนางเอกเสียอีก"

ทำเอาเจ้าตัวถึงกับยิ้มแก้มปริ บอกแบบเขินๆ "ดีใจที่รับเล่น"

เพราะตอนแรกยังแอบกังวล ด้วยระยะหลังๆ ชุดาภาจะเน้นรับละครแนวดราม่า ที่เล่นง่ายกว่าสำหรับเธอ

แต่ด้วยความเชื่อใจผู้กำกับอ๊อฟและภรรยา แดง-ธัญญา วชิรบรรจง เลยตกลงปลงใจ

พอเล่นไปเลยได้รู้ว่า "หนักจริง" เสียด้วย เพราะแต่งหน้าก็ 3 ชั่วโมงแล้ว แล้วไหนจะต้องใส่ซิ่นคลานคลอเคลีย คอยซบขาเจ้านาย แถมต้องใส่ฟันปลอมพูดภาษาเหนือในแบบแหบพร่าให้น่ากลัวอีก

"ถ่ายเสร็จเจ็บคอเลย เพราะว่าต้องดัด ใช้เสียงผิด เส้นเสียงสั่นแรง" อีเม้ยแอบครวญ

แต่ออกมาดูท่าจะแหบเกินไป คนเลยฟังไม่รู้เรื่อง ดังนั้นพอละครออนแอร์ได้ 2 ตอนจึงพากย์เสียงอีเม้ยทับใหม่ทั้งหมด

แม้จะดังสุดสุด แต่เจองานหินอย่างนี้สาวชุเลยต้องปาดเหงื่อแบ่งรับแบ่งสู้กับบทผีเรื่องต่อไป

ด้วยคิดหนักกับเอฟเฟ็กต์แต่งหน้าที่ต้องประโคมลง รวมเวลาทั้งแต่งทั้งล้างก็ 4 ชั่วโมงกว่า

ซึ่งชุดาภาสารภาพว่า พอแต่งเสร็จ ขนาดเธอก็ยังกลัวตัวเอง

และถือโอกาสแกล้งคนอื่นๆ ให้กลัวไปด้วย "จะดูว่าใครในกองกลัวผี อย่างน้องแอฟ (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) กลัว เราก็จะไปแกล้งหลอกเขา" เธอเล่าพลางหัวเราะ

ส่วนคนนอกกอง ไม่กล้าไปแหย่เล่น เพราะกลัวเขาตกใจ เกิดช็อกเป็นอะไรไปจะลำบาก

โปรเจ็กต์หน้าชุดาภาเลยขอพักเหนื่อย กลับไปรับบทแม่ผู้แสนเรียบร้อยในเรื่อง "รักประกาศิต" ขณะเดียวกันก็รับหน้าที่ดูแลศิลปินใน บริษัท พอช เมเนจเม้นท์ จำกัด ของตัว โดยศิลปินของบริษัทเธอนั้นส่วนหนึ่งมาจากรายการ "เดอะ เทรนเนอร์" และ "ดิ แอ็คติ้งควีน"

"หน้าที่หลักเราจะดูแลศิลปิน เป็นแอ๊กติ้งโค้ช แล้วก็ไปช่วยเป็นแอ๊กติ้งโค้ชให้บริษัทชลลัมพี ของแม่หนู สรวงสุดา ชลลัมพี"

แถมล่าสุดยังเพิ่งผันตัวเองไปเป็นผู้กำกับมือใหม่ให้ละครเรื่อง "ทองประกายแสด" ซึ่งเจ้าตัวเคยเล่นไว้แล้วอาร์เอสนำมาสร้างใหม่ทางช่อง 8 อินฟินิตี้ ที่ต้องทำการบ้านอย่างหนัก

"ต้องอาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมา ปรึกษาผู้ใหญ่ ปรึกษาอาจารย์ ปรึกษาทุกคนที่คุ้นเคยในกองถ่าย" เธอบอก

เพราะที่ผ่านมาถนัดอย่างเดียวคือเรื่องการแสดง ส่วนเรื่องการถ่ายทำ เทคนิคการใช้กล้อง ภาพหรือการตัดต่อ ฯลฯ ความรู้ที่มีแทบเป็นศูนย์ พลอยทำให้เข้าใจหัวอกผู้กำกับมากขึ้น

ดังนั้นจากที่ร่ำๆ ว่าต่อไปนี้จะไม่รับบทผีอีกแล้ว แต่ถ้าถึงเวลาอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ติดต่อมาให้รับบทอีก ก็คงต้องคิดอีกที เธอบอกเสียงอ่อย

แล้วว่า "ถ้าเป็นอีเม้ย ภาค 2 ก็ว่าไปอย่าง"

ฟังอย่างนี้แล้ว คนรักผีอีเม้ยยอมยกนิ้วกดไลค์ (Like) ให้เลย

ก่อนจะเป็น′เม้ย′

ภูริวัตร กิตติศรีไสว สไตลิสต์ประจำกอง "รอยไหม" เลือกผ้าซิ่นของชาวลัวะมาใช้ โดยผ้าจะออกสีดำ ดูมอๆ ตุ่นๆ

ขณะที่ชายผ้ามีสีแดงๆ เป็นริ้วยาว ด้วยเหตุผลว่าเป็นสีที่ตรงกับสัญลักษณ์ของชุมชนนับถือผี

ส่วนการแต่งหน้า เป็นฝีมือช่างแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์มือหนึ่งของเมืองไทย ขวด-มนตรี วัดละเอียด ที่เขาใช้วิธีหล่อซิลิโคน 50-60 ชิ้น ขึ้นเป็นรูปหน้า และแต่งให้เป็นลักษณะมีแผลพุพอง จากการโดนไฟไหม้บ้าง, เป็นหัวล้าน แล้วแต่งแต้มสีสันให้ดูน่ากลัวยามเข้าฉาก

แล้วเพิ่มความหลอนด้วยคอนแทคเลนส์กับฟันปลอมสุดแหลมให้ดูคล้ายฟันของสัตว์

ก่อนทาสีดำทั้งตัวเป็นอันเรียบร้อย

จัดหนักอย่างนี้ค่าแต่งตัวของ "อีเม้ย" ตลอดทั้งเรื่องจึงอยู่ที่แสนกว่าบาททีเดียวเชียว