จูลี่ มุ่งคว้าฝันชั้นที่สอง

เสียงปรบมือดังกึกก้อง เสียงเชียร์บ่งบอกความดีใจเริ่มซาลงจนเงียบกริบ
 
แสงไฟบนเวทีอาจดับจนมืดสนิท ผิดกับเสียงหัวใจของสาวช่างฝัน ยังคงเต้นระรัวเป็นจังหวะอยู่เสมอ เมื่อนึกถึงวันก้าวข้ามผ่านเส้น “ความฝัน” บน “ความจริง” คว้ามงกุฎแห่งเกียรติยศมาครองได้สำเร็จ แม้ช่วงเวลาเฉลิมฉลองความหอมหวานแห่งชัยชนะผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วก็ตาม
   
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ “จูลี่-พัชริดา รอดคงคา” ไม่ได้เป็นเพียงสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ คนธรรมดาอีกต่อไป เพราะเธอกำลังจะเป็น “ความหวังใหม่” ของคนทั้งประเทศ ที่จะก้าวผ่านชั้นฝันอีกขั้นไปสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยบนเวทีขาอ่อนระดับโลก ในฐานะ “มิสไทยแลนด์เวิลด์ ประจำปี 2554”
   
วันนี้ “ดาวต่างมุม” ได้นัด “จูลี่” ซึ่งปรากฏตัวในชุดเดรสสั้นสีส้มสดใส
 
ไม่ต่างจากบุคลิกของเธอ มาอัพเดทถึงชีวิต ภารกิจนางงาม และการซักซ้อมเตรียมความพร้อม คุณสมบัติสำคัญที่ต้องพกติดตัว ก่อนมุ่งสู้ศึก!! ยังเมืองผู้ดี ประเทศอังกฤษ บ้านเกิดเมืองนอนของเธอ...


ชีวิตเปลี่ยนแปลงจากคนเดินถนนทั่วไปไหม?
   
เปลี่ยนค่ะ.. เมื่อก่อนจูลี่เป็นคนที่คุยไม่เก่ง แต่ตอนนี้รู้สึกว่าพูดเก่งขึ้นเพราะว่าต้องสัมภาษณ์บ่อย ๆ และต้องออกโทรทัศน์ ชีวิตเปลี่ยนไปตรงที่เวลาไปไหนมีคนมองและมีคนรู้จักค่ะ เวลาไปเดินถนนมีคนมาทักมาขอถ่ายรูป ทำให้จูลี่รู้สึกดีมาก ๆ ที่มีคนอยากถ่ายรูปด้วย อีกสิ่งหนึ่งก็คือ เวลานอนไม่ปกติ บางวันต้องตื่นเช้าตรู่ บางวันนอนดึก มีเวลาพักผ่อนน้อยลง  

เป็นสาเหตุที่ทำให้ผอมลงด้วยไหม?
   
ตอนนี้น้ำหนักจูลี่ลดลงมาอีก 1 กิโลกรัม เหลือ 56 กิโลกรัม อยากลดเพิ่มอีก 2 กิโลกรัม ที่เหลือจะฟิตหุ่นให้สัดส่วนเฟิร์มกระชับ ตอนนี้งานเยอะมาก ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย จูลี่จะเน้นควบคุมอาหาร กินผักผลไม้ พองานเยอะเหนื่อยไม่ค่อยได้กิน น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกหิวเท่าไร ยิ่งพอกินน้อยก็จะชิน กินได้เพียงนิดหน่อยก็จะอิ่มง่าย

วันนี้ความพอใจสูงสุดของการเป็น “มิสไทยแลนด์เวิลด์” คืออะไร?
   
อยู่ที่ความฝันเป็นจริงค่ะ เพราะทั้งหมดนี้คือความฝันตั้งแต่เด็ก การเป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์ ก็ถือว่าความฝันเป็นจริง แต่ก็อยากจะทำต่อไป อยากจะประกวดมิสเวิลด์ และได้ตำแหน่งมิสเวิลด์มา


แล้วความฝันอื่น ๆ ที่อยากสานต่อให้สำเร็จ
   
หน้าตาจูลี่เป็นลูกครึ่งออกเอเชีย ก็อยากเป็นนางแบบอินเตอร์ค่ะ อยากเดินแบบบนแคตวอล์ก อย่างงานแฟชั่นวีคที่ลอนดอน มิลาน ปารีส แต่ต้องลดหุ่นให้เพรียว เพราะว่านางแบบแต่ละคนตัวเล็กกันมาก ปัญหาจริง ๆ ตอนนี้ก็คือเรื่องหุ่น ต้องฟิตกว่านี้ ดูนางแบบต่างประเทศเขาจะโครงร่างฝรั่ง สูงใหญ่เหมือนจูลี่ แต่หุ่นเขาจะเฟิร์มมากกว่า

ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็น “มิสไทยแลนด์เวิลด์” คิดว่าวันนี้กำลังทำอะไรอยู่?
   
ตอนนี้คงเลิกดร็อปกลับไปเรียนหนังสือ ด้านแฟชั่นดีไซน์ ที่สถาบันการออกแบบราฟเฟิลส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เหมือนเดิม แล้วจูลี่คงจะฝึกพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อมาสมัครมิสไทยแลนด์เวิลด์อีกครั้งในปีหน้า เพราะตั้งใจถ้าไม่ได้เข้ารอบสุดท้ายจะมาประกวดใหม่ จะฝึกทำให้หุ่นดีกว่า เดินให้สวยกว่า พูดให้เก่งกว่า ฝึกใหม่ มีความตั้งใจจริง

แสดงว่ามุ่งมั่นอยากเป็นนางงามจริง ๆ
   

ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ มันเป็นความชอบ ตอนเด็ก ๆ จูลี่ชอบดูนางงามประกวดกัน แล้วจะเป็นคนชอบความสวยความงาม ชอบเล่นบาร์บี้ ตัดผม ชอบแต่งตัว เย็บเสื้อผ้า มีความเป็นผู้หญิงสูงคนหนึ่งค่ะ


ถึงกับต้องดร็อปเรียนเพื่อสานฝันให้เป็นจริง
   
ใช่ค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 แต่ว่าต้องพักเรียนไว้ก่อน 1 เทอม หลังกลับจากประกวดมิสเวิลด์ คงจะกลับไปเรียนต่อเพราะว่าตอนนี้ไม่มีเวลาเรียน แต่จูลี่ไม่ทิ้งอยู่แล้ว เพราะว่าชอบทางด้านแฟชั่นดีไซน์ อยากเปิดร้านเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองในเมืองไทย อยากจะมีบูติกเล็ก ๆ ในสไตล์ของโคเซ็ท และสเรสซิส จูลี่จะชอบสไตล์เสื้อผ้าของสองแบรนด์นี้

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้าง

   
ชอบมากค่ะ เข้าไปปี 1 ตอนแรกเน้นเรียนด้านการตลาดมากกว่า อาจารย์จะสอนเรื่องเกี่ยวกับเทคนิคโฆษณาแบรนด์เสื้อผ้า การซื้อขาย เวลาเอาโฆษณาในแมกกาซีน ทำประชาสัมพันธ์ ตอนนั้นก็จะให้ทำแฟชั่นโชว์เอง ให้เราเป็นสไตลิสต์ เลือกเสื้อผ้า แต่งหน้า ทำผม แล้วก็ถ่ายภาพ ภายในกลุ่มเรา 4 คนทำกันเองหมด ก็สนุกดีค่ะ เมื่อก่อนแต่งหน้าไม่ค่อยเป็น พยายามหัดจนเซียนระดับหนึ่ง แต่ยังบล็อกตาไม่ค่อยเก่งค่ะ

มีใครบ้างที่ถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
   
จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นคุณแม่ค่ะ เพราะว่าแม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง มีความตั้งใจไม่ท้อถอย ทำงานหนัก ถึงแม้จะเหนื่อยขนาดไหนก็ยังยิ้มออกตลอดเวลา พลอยทำให้จูลี่และคนรอบข้างมีความสุขไปด้วย


แล้วจุดนี้คิดว่าจูลี่เองน่าจะเป็น “แบบอย่าง” ในเรื่องใดได้บ้าง
   
น่าจะเป็นที่ความตั้งใจ มีความตั้งใจสูงไม่ท้อ เคยมีหลายทีอยากจะท้อเหมือนกัน แต่ได้กำลังใจจากแม่และครอบครัวก็ทำต่อไป อยากให้เด็ก ๆ ทุกคนมีความตั้งใจจริง ไม่ว่าจะทำอะไร เพราะจูลี่เชื่อว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” และน้อง ๆมีความฝันอะไรก็ตาม อยากให้ทำความฝันให้สำเร็จ อย่ากลัวที่จะฝัน

อยากให้เล่าชีวิตวัยเด็กที่เกิดและเติบโตในประเทศอังกฤษ
   
จูลี่ทำงานกับแม่ตั้งแต่เด็ก อายุประมาณ 11 ขวบ ในร้านอาหารโทเบย์ ไทย ซึ่งคุณป้าเป็นเจ้าของ ทั้งช่วยรับโทรศัพท์ เสิร์ฟอาหาร รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ทำให้จูลี่เข้มแข็ง ฝึกทำอะไรด้วยตนเอง ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ แต่ก็เฉพาะค่าขนมนะคะ รู้สึกว่าเราหาเงินได้เอง อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้ ของชิ้นแรกที่ซื้อด้วยเงินของตัวเองจำไม่ได้นัก น่าจะเป็นตุ๊กตาบาร์บี้ เสื้อผ้า หรือเครื่องสำอาง ซึ่งจูลี่ทำตลอดช่วงเสาร์และอาทิตย์ พอจบไฮสคูลก่อนมาเมืองไทย ก็เข้าร้านทุกวันเหมือนเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง

คนอังกฤษของแท้มักชื่นชอบฟุตบอลเข้าสายเลือด จูลี่มีทีมในดวงใจไหม
   
สมัยคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่เชียร์ฟุตบอลกับคุณพ่อประจำ ยิ่งแมตช์สำคัญ ๆ ของทีมปืนใหญ่ อาร์เซนอล ทีมโปรดของคุณพ่อยิ่งพลาดไม่ได้ แต่ว่าจูลี่ดูเรื่อย ๆ ค่ะ แอบปันใจชอบทีมบาร์เซโลนามากกว่า ส่วนทีมชาติก็เชียร์อังกฤษค่ะ นักเตะคนโปรดก็คือ “เดวิด เบคแคม” ซึ่งคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ชอบเลย


เตรียมตัวสำหรับการประกวด “มิสเวิลด์” ไปถึงไหนแล้ว
   
เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการดูแลรูปร่าง และงานเดินสายขอบคุณสื่อและสปอนเซอร์ ตอนนี้เรียนแต่งหน้า ทำผมบางส่วน ก่อนจะเสริมเทคนิคเข้มข้นอีกครั้งก่อนไปประกวดจริง ซึ่งจูลี่ก็มีตารางระบุกิจกรรมที่ต้องทำประจำวันเอาไว้แล้วค่ะ สิ้นเดือนนี้พี่ ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม จะมาสอนเดิน โพสท่าให้ ก็ตื่นเต้นที่จะได้เจอตัวจริงเหมือนกันค่ะ ที่จะได้เจอคนที่เราปลื้มมานาน ส่วนพี่ “หนูสิ-สิริรัตน เรืองศรี” มิสไทยแลนด์เวิลด์ ประจำปี 2553 จะโทรฯ คุยกันให้คำแนะนำตลอด พี่เขาจะห่วงจูลี่เรื่องอาหาร ยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้กิน บอกว่าต้องกินบ้างนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย

แอบหนักใจบ้างไหม
   

มีบ้างค่ะ ก็ตื่นเต้น เพราะว่าเรื่องภาษาพูดคล่องไม่ห่วงอยู่แล้ว แต่จะฝึกเดินให้สวยขึ้น แล้วก็โพสท่าให้แข็งแรงกว่าเดิม


อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยบ้าง
   
อยากให้คนไทยช่วยเป็นกำลังใจให้จูลี่เยอะ ๆ นะคะ เพราะว่าจูลี่ต้องการกำลังใจอย่างมาก แล้วจูลี่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประเทศไทย เพราะจูลี่ก็มีความตั้งใจเต็มที่จะพยายามคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาให้ได้
   
เสียงปรบมือดังกึกก้อง เสียงเชียร์สนั่นหวั่นไหว และแสงไฟบนเวที “มิสเวิลด์” กำลังจะสว่างไสว ต้อนรับการมาเยือนความฝันของ “จูลี่” อีกครั้ง หวังว่าคนไทยคงจะช่วยเชียร์และส่งกำลังใจให้เธอคว้าฝันสำเร็จอีกครั้ง ในรอบตัดสินวันที่ 19 พ.ย.นี้ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์