รอยไหม รอยรัก แรงกรรม


โดยเริ่มจาก “สาปภูษา” ที่กลายเป็นละครฮิตไปแล้วก่อนหน้านี้    ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผ้าไทย”  ล่าสุดกำลังจะต่อด้วย  “รอยไหม”  เรื่องราวเกี่ยวกับ “ผ้าลาว” เป็นละครพร้อมออกอากาศทางช่อง3 ในวันที่ 5 ส.ค.นี้  ทางช่อง3  


จากนั้นก็จะต่อด้วย “กี่เพ้า” ที่เกี่ยวกับ “ผ้าจีน”   ซึ่ง ช่อง3 ก็ซื้อไปทำเป็นละครเรียบร้อยแล้ว  โดยจะปิดท้ายด้วย  "สิเน่หาส่าหรี”  เกี่ยวกับ “ผ้าแขก”  ที่เป็นนวนิยายตีพิมพ์ในนิตยสาร พลอยแกมเพชร 

      
ทุกเรื่องถูกเขียนขึ้นในแนวโรแมนติก ระทึกขวัญ  เกี่ยวข้องกับ ความรัก  พิศวาสฆาตกรรม  ย้อนกาลเวลา   ที่ทำให้นวนิยายชุดนี้  มีเสน่ห์ชวนติดตาม 

      
 “รอยไหม”
  เล่าเรื่องราวของ เรริน  อาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับผ้าโบราณ  ที่เดินทางไปที่เมืองหลวงพระบาง  เพราะต้องการจะศึกษาเกี่ยวกับผ้าโบราณของชาวลาว  และที่สำคัญเธอต้องการจะหนีจากความสัมพันธ์ที่กระท่อนกระแท่นกับคู่หมั้นหนุ่ม

ที่นี่เธอได้พบกับหนุ่มหล่อเชื้อสายลาว-ฝรั่งเศส  ชื่อ สุริยวงศ์  ที่เสนอตัวว่าจะพาเธอไปพบกับ คุณย่าของเขาคือ หม่อมบัวเงิน  ที่มีความรู้เรื่องผ้าโบราณดี  แต่แล้วการพบกันระหว่าง เรริน กับ หม่อมบัวเงิน กลับเป็นฝันร้าย  เพราะทันทีที่เห็นหน้าเรริน  หม่อมบัวเงินกลับมองเธอเป็นศัตรูคู่อาฆาต  เธอออกปากไล่เธออย่างไม่เกรงใจ สร้างความประหลาดใจให้กับ เรริน และ สุริยวงศ์เป็นอย่างมาก ไหมแม เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์  พาเรรินเข้าไปดู ผ้าโบราณที่เก็บไว้อย่างดี  โดยเฉพาะผ้าผืนหนึ่งที่ยังทอไม่เสร็จ เนื่องจากผู้ทอเสียชีวิตไปเสียก่อน  
        




หลังจากนั้นเป็นต้นมา เรรินก็เริ่มพบกับเรื่องราวประหลาด   เธอเริ่มฝันถึง ชายหนุ่มปริศณาที่มาพบเธอด้วยท่าทีเป็นมิตร แต่กลับไม่ยอมบอกว่าชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน พร้อมกับเรื่องราวของเจ้าของผ้าโบราณผืนนั้น  ที่เธอทราบต่อมาว่า  เธอคือ   เจ้าหญิงมะณีริน อดีตเจ้านางเมืองเชียงใหม่ ที่ถูกส่งตัวมาเพื่ออภิเษกสมรสกับ เจ้าศิริวัฒนา  เพื่อความสัมพันธ์ทางการเมือง   เจ้าศิริวัฒนา  นั้นตกหลุมรัก เจ้าหญิงมะณีรินอย่างจริงจัง  ขณะที่เจ้าหญิงมะณีริน  กลับไปหลงรัก เจ้าชายศิริวงศ์   พระอนุชาของเจ้าชายศิริวัฒนา   นั่นทำให้รักของเธอกลายเป็น รักต้องห้าม

       
หม่อมบัวเงิน ที่เป็นหม่อมใน เจ้าศิริวัฒนาอยู่ก่อน  ไม่พอใจในการมาของเจ้ามะณีริน  เธอกับหญิงรับใช้  วางแผนที่จะกำจัด เจ้ามะณีรินให้พ้นทาง   แต่เหตุการณ์กลับผิดคาด  เมื่อเจ้าศิริวงศ์  กลับเป็นฝ่ายที่ต้องเสียชีวิตลงในแม่น้ำโขง  เจ้ามะณีรินเสียใจมากกับการจากไปของ เจ้าศิริวงศ์    เธอเฝ้าแต่เก็บตัวทอผ้าทั้งวันทั้งคืน  โดยไม่ยอมรับประทานอาหาร  อีกทั้งยังโดนกลั่นแกล้งจาก หม่อมบัวเงิน  ในที่สุดเธอได้เสียชีวิตลงก่อนที่จะทอผ้าเสร็จ  

      
เรริน เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งจากคำบอกเล่าของ ชายหนุ่มปริศณายามรัตติกาล  จากสมุดบันทึก จากคนร่วมยุคสมัยนั้น  ทำให้เข้าใจได้ว่า ที่แท้เธอก็คือ เจ้าหญิงมะณีริน ที่มาเกิดใหม่  สุริยวงศ์ ก็คือ เจ้าศิริวงศ์  และ ชายหนุ่มปริศณาคนนั้นก็คือ เจ้าศิริวัฒนา วิญญานยังไม่ยอมไปไหน   แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่เก็บผ้าโบราณผืนนั้นนั่นเอง  เพียงเพื่อรอการกลับมาของเจ้าหญิงมะณีริน  พร้อมคำว่า “ให้อภัย” 

     
“พงศกร”  ยังคงใช้แนวทางเดิมในการนำเสนอเรื่อง “รอยไหม”  นั่นคือ โศกนาฏกรรมรักในอดีต  ที่นำมาสู่เรื่องราวโรแมนติก ในปัจจุบัน    ซึ่งเนวทางนี้เข้ากันได้ดีกับสไตล์การเขียนของ พงศกร  ที่นุ่มนวล งดงาม ชวนฝัน ที่พร้อมจะชักชวนผู้อ่านให้ตกอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ โรแมนติกระคนเศร้า

      
พร้อมกันนั้น  เขาก็ยังคงผสานระหว่างเรื่องทาง วิทยาศาสตร์ กับ ไสยศาสตร์  เข้าด้วยกันอย่างลงตัว  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ เรริน  ถึงแม้จะฟังดูเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติ  แต่ขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็สะท้อนมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์ไปพร้อมกัน  ในแบบสุดแล้วแต่คุณผู้อ่านจะตีความ

      
ที่ยังคงเป็นลักษณะเด่นในงานของเขาก็คือ  การศึกษาข้อมูลอย่างลงลึก  และนำมาใส่ไว้ในเนื้อหาอย่างแนบเนียน  ที่จะทำให้ผู้อ่านพลอยตื่นตาตื่นใจไปกับข้อมูลรอบด้านของชาวลาว  ทั้งในเรื่องของ  ศิลปะวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน ภาษา  เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ฯลฯ

       
และด้วยความที่ผู้เขียนเป็น นายแพทย์ จึงมักจะนำเอา โรคใหม่ๆ  มาแนะนำเพื่อเป็นความรู้ผ่านนวนิยายอีกด้วย   ใน “สาปภูษา”  นางเอกถูกวิเคราะห์ว่าอาจจะเป็นอาการของ โรคบุคคลิกแปลกแยก  กับอาการที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เหมือนมีหลายคนในคนเดียว

      
มาในเรื่องนี้  ผู้เขียนพาผู้อ่านไปรู้จักกับ  “โรคRupture RVM" ที่ระบุว่า เป็นโรคที่มีอาการใกล้เคียงกับ โรคไมเกรน ที่เราคุ้นเคยกันดี   แต่โรคนี้มีรายละเอียดที่แตกต่างกว่านั้น  มีการระบุว่า   อาจมีอาการหูแว่ว เหมือนมีภูติผีปีศาจ มีวิญญานที่มองไม่เห็น ได้ยินเสียงคนมาพูดด้วย  เหมือนคนเป็นโรคจิต คิดคนเดียว พูดคนเดียว   ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับ เรริน เช่นกัน

       
นวนิยายเรื่องนี้  เหมือนทัวร์นำพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสกับ จิตวิญญานของ ชาวลาว  จิตวิญญานของ เมืองหลวงพระบาง  ด้วยความคารวะ   ซึ่งเป็นความรู้สึกเดียวกับผม  ที่เห็นและรู้สึกมาตลอด  ในฐานะ  “ประเทศเพื่อนบ้าน”  ประเทศลาว คนลาว เป็นเหมือนเพื่อนพี่น้อง  ที่แสนดี และ น่ารัก มาตลอด   เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ ซื่อๆ จริงใจ มีน้ำใจ  ขณะที่ประเทศเรากำลังถูกกลืนกินทางวัฒนธรรมจากต่างชาติ  ทั้ง ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น แต่ที่ลาว พวกเขายังคงรักษา รากเหง้า เอาไว้อย่างงดงาม  น่านับถือ 
       




นี่เป็นอีกครั้งที่  ดอกจำปา  เมืองลาว  ถูกนำใช้เป็น แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ชิ้นงานวรรณกรรมอีกครั้ง  และสัมผัสได้ถึง “จิตคารวะ” อย่างแท้จริง 


ผมอ่านนวนิยายเรื่องนี้พร้อมกับนึกถึงใบหน้าของ แอฟ ทักษอร กับ อั้ม อธิชาติ ไปด้วยตลอด  ทั้งสองนักแสดงเหมาะมากกับบทพระเอก นางเอกในเรื่องนี้   สะดุดอยู่นิดก็ตรงบท เจ้าศิริวัฒนา ที่รับบทโดย ชาย ชาตโยดม  ผมเห็นว่า ความจริงน่าจะใช้นักแสดงคนละชุดกับเรื่อง “สาปภูษา” ที่ผ่านมา  น่าจะท้าทายจินตนาการมากกว่า

       
อีกบทเด่นในเรื่องคือ หม่อมบัวเงิน  วางตัวนักแสดงเป็น  เมย์ เฟื่องอารมย์  รับบทตอนสาว  พิศมัย วิไลศักดิ์  รับบทตอนชรา   ซึ่งก็ดูลงตัวดี  แต่โดยส่วนตัวจริงๆระหว่างที่อ่าน  ผมกลับนึกถึงแต่หน้าและแอ๊คติ้งของ ธัญญา โสภณ  เพราะ บทร้ายแบบ ร้ายโหดเลือดเย็นอย่างนี้   เธฮคือตัวเลือกหนึ่งที่คู่ควรยิ่ง   ความจริงผมอยากจะเห็นเธอเล่นตั้งแต่สาวยันแก่  เสียด้วยซ้ำ  รับรองว่าจะเป็นบทประเภท “ลุ้นรางวัล” ได้ไม่ยาก

      
สิ่งหนึ่งที่คุณผู้ชมต้องทำใจในการชมละครเรื่องนี้ก็คือ   ในเวอร์ชั่นละครมีการเปลี่ยนแปลงจาก เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว  ไปเป็นเมืองเชียงใหม่ กับ เชียงตุง  ซึ่งก็น่าจะด้วยเหตุผลสามัญคือ  เพื่อมิให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดีกับประเทศลาว  ซึ่งอาจทำให้อรรถรสตาม “เนื้อหนังสือ” ลดทอนลงไปบ้าง   แต่ก็ยังเชื่อใจฝีมือการกำกับของ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่ไม่น่าจะทำให้ผิดหวัง

      
ความดีงามของนวนิยายเรื่อง  “รอยไหม”  การันตีด้วย รางวัลชมเชย ประเภทนวนิยาย จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี 2551  นั่นคงพอจะยืนยันถึง คุณค่า และ ความดีงาม ของหนังสือเล่มนี้ได้ดี ในแบบที่ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก

       
รอยไหม...  คือ  รอยรัก แรงกรรม  ของ รักสี่เศร้า ระหว่าง  เจ้าหญิงมะณีริน,เจ้าชายศิริวงศ์,เจ้าชายศิริวัฒนา และ หม่อมบัวเงิน  ที่กำลังรอการปลดปล่อยดวงใจให้เป็นอิสระ

      
ผมดื่มด่ำกับนวนิยายเรื่องนี้มากมาย  และคุณๆก็มีสิทธิ์ที่จะ “ดื่มด่ำ” ด้วยตัวคุณเองเช่นกัน.




ขอบคุณ : siamrath.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์