อนันดาภูมิใจขอใช้สิทธิ์ เลือกตั้งครั้งแรกในฐานะคนไทย


อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


เป็นลูกครึ่งออสเตรเลียน-ลาว เพราะมีพ่อเป็นคนออสเตรเลีย แม่เป็นคนลาว แต่ถึงอย่างนั้นพระเอกหนุ่มเซอร์ "อนันดา เอเวอริ่งแฮม" ก็คิดเสมอว่าตนเองคือคนไทย เพราะเกิด เติบโต และใช้ชีวิตในผืนแผ่นดินไทย

ตลอด 29 ปีที่เติบโตในไทย อนันดาเพิ่งจะได้เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เมื่อปีกลาย หลังยื่นเรื่องขอสัญชาติไทยตามกฎหมาย จนได้บัตรประชาชนในที่สุด

และกับการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จะเป็นครั้งแรกของเขาที่จะได้ใช้สิทธิ์ใช้เสียงในฐานะ "คนไทย"

-ที่ผ่านมาสนใจการเมืองขนาดไหน

อนันดา - "ก็รับรู้แต่ไม่ค่อยได้สนใจมาก ที่ไม่ได้สนใจมากเพราะบางทีผมว่ามันไม่น่าเชื่อถือ สิ่งที่สื่อสารออกมาให้ประชาชนไม่ค่อยน่าเชื่อถือ มันเน่าไปถึงจุดที่เราไม่รู้ว่าเราจะเชื่อใจใครดี ก็เลยเดี๋ยวรอดีกว่า รอดูว่าในแง่รูปธรรมมันจะเกิดอะไรขึ้น ขอวัดผลจากการกระทำดีกว่า ตอนนี้ผมจะขอถอดคำเชื่อมั่นที่พวกคุณนักการเมืองพูดก่อน รอผลงานก่อนดีกว่า"

-มันเหมือนวิกฤตศรัทธาในนักการเมือง

อนันดา - "ใช่ครับ มันหมดศรัทธาในระบบการเมืองมาก คือผมพูดรวมๆ ไม่ได้เจาะประเด็นไหนเป็นพิเศษ ผมเชื่อว่าสังคมส่วนรวมก็หมดศรัทธากับพวกนักการเมือง"



-ทำไมถึงมองอย่างนั้น

อนันดา - "คือระบบการเมืองบ้านเรา พวกนักการเมืองชอบบอกว่าทำเพื่อประชาชน แต่มันเห็นแล้วเห็นอีกว่าทำเพื่อตัวเองซะมากกว่า อย่างเรื่องคอร์รัปชั่นก็เป็นที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศ แต่ยังไม่มีใครแก้อะไรได้ แล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นสิ่งควรแก้ไข ควรจะยกประเด็นขึ้นมา แต่ไม่มีใครทำ"

"ผมรู้สึกว่าในเมื่อบ้านเรามีปัญหาระบบการเมือง แต่ไม่มีใครกลับไปที่ต้นตอว่าเกิดเพราะอะไร ได้แต่เถียงกัน ผมรู้สึกว่าเหมือนฟังเด็กทะเลาะกัน เขาน่าจะต้องมองให้มีวิสัยทัศน์ไกลกว่านี้ ต้องมองถึงลูกหลานเราที่ต้องโตในสังคม ยิ่งข่าวในสมัยนี้ลืมง่าย พอข่าวใหม่เกิดขึ้นมาข่าวเก่าก็หายไป อยากให้มีอะไรที่เป็นนโยบายระยะยาวที่ประชา ชนได้ อย่างเช่น การศึกษา ซึ่งน่าจะเอาระบบการเมืองของทั้งโลกเข้ามาเป็นวิชาหลักในระบบการศึกษา สอนเด็กถึงสิทธิของตัวเอง ปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าระบบการเมืองเรามันทำงาน จากด้านล่างขึ้นข้างบน"

"หลายๆ คนทุกวันนี้เกิดอาการรอ คือมีความคิดว่าพอเลือกผู้แทนไปแล้ว ซึ่งพวกผู้แทนก็จะบอกว่าจะทำนั่นทำนี่ให้ เลยรอโดยไม่ค่อยจะได้ช่วยเหลือตัวเอง และ ชาวบ้านก็มักคิดว่าพวกผู้แทนคือคนที่สูงและเก่งกว่า เป็นคนที่มีสิทธิมากกว่า ผมไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้น ทั้งที่พวกนี้จะมีดีแค่คำพูดในการหาเสียง เป็นแค่คนๆ หนึ่งที่อยู่ในตำแหน่งหนึ่ง ต้องเข้าใจ ว่าเขาทำงานเพื่อเรา ก็ต้องมาปลูกฝังที่เด็กให้เข้าใจว่ามันอยู่ที่ตัวเรา"

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


-คิดไหมว่าทำไมปัจจุบันคนคิดว่าเรื่องการคอร์ รัปชั่นเป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็ทำได้

อนันดา - "ก็มันโดนปลูกฝังในสังคมไปแล้ว ซึ่งน่ากลัวมาก ผมถึงบอกว่าในการเมืองยุคนี้คงแก้ไขลำบาก ต้องรอยุคต่อไป ที่คนศรัทธากฎหมาย ศรัทธาสิทธิตัวเอง มันน่าจะค่อยๆ เปลี่ยน"

-มีคนบอกว่าคนไทยรู้จักสิทธิ แต่ไม่รู้จักหน้าที่

อนันดา - "ก็ใช่ไงครับ รู้แต่ว่าตัวเองจะได้อะไร แต่ไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองจะต้องให้อะไรกับสังคม คือมันถูกปลูกฝังมาแบบผิดๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าสิทธิมาจากที่ไหน สิทธิมีขึ้นมาเพราะเรามีระบบรัฐของเรา แต่เมื่อระบบรัฐไม่ตามกฎเกณฑ์ของกฎหมายก็ทำให้เราหมดศรัทธา ไม่รู้ว่าสิทธิคืออะไร เพราะเขาไม่ทำให้เราศรัทธา เลยต้องทำให้คนรุ่นต่อไปเข้าใจว่าสิทธิมันได้จากกฎหมายที่เราตั้งระบบรัฐของเรา เราอยู่ได้เพราะมีส่วนร่วม ถ้าเราไม่มีส่วนร่วมแล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของคนอื่น ต้องนั่งรอให้คนอื่นมาทำให้มันก็จะเป็นเหมือนเดิมตลอดไป"

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


-มองการเมืองของไทยทุกวันนี้เป็นอย่างไร

อนันดา - "เละเน่า เป็นการเมืองไม่มีวิสัยทัศน์ พอโกรธก็ใช้อารมณ์ มีทัศนคติไม่ตรงกันก็ตีกัน แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเป็นหลักคือทุกคนพูดถึงแต่เรื่องอดีต ไม่มีใครพูดถึงสิ่งข้างหน้า คือทุกอย่างที่ได้ยินจากพวกนักการเมืองเป็นภาษาที่รุนแรง มีผลต่อสังคมทำให้สังคมแบ่งแยก"

"ผมเคยไปคุยกับคนทั่วไปว่าทำไมถึงไม่ชอบคนนั้นคนนี้ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาไม่ชอบอีกฝ่าย คือเขาแค่รู้ว่าเขาเป็นฝ่ายหนึ่ง ฝั่งนั้นเป็นอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ไม่มีเหตุผลมากไปกว่านี้ เราก็ไม่เข้าใจว่าจะแก้ปัญหาประเทศได้ยังไง ถ้าสมมติว่านักการเมืองบอกว่า ทำไม่ได้เขาก็ต้องอธิบายว่าทำไมเขาไม่ทำ ถ้ามันฟังไม่ขึ้นเราก็ต้องแก้ไข เราไม่ควรอยู่ในฐานะที่รับอย่างเดียว อย่าโยนหน้าที่ให้เขาไปทำ เราต้องรับผิดชอบด้วย ตัวประชาชนต้องมีคำถามด้วยว่าสิ่งที่คุณต้องการ เขาทำให้หรือเปล่า"

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


-คิดว่าการเมืองไทยจะเปลี่ยนเป็นรุ่นต่อไปเมื่อไหร่

อนันดา - "สังคมไทยมันหนักไปทางระบบวัยวุฒิ ไม่ใช่คุณวุฒิ ซึ่งตอนนี้คนรุ่นนี้ครองประเทศ แต่ต่อไปถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ มันจะเหมือนอย่างประเทศอาหรับ ที่ตอนนี้ลุกขึ้นมาประท้วงเพราะประ ชาชนคนรุ่นใหม่คิดว่าเขาถูกปกครองแบบไม่แฟร์ต่อสิทธิของเขา ก็เลยลุกขึ้นมาต่อสู้ สุดท้ายประชาชนก็ชนะ"

"ของเราก็ไม่ค่อยต่างกัน เราเริ่มเห็นอยู่แล้วถึงแม้ข้อมูลที่ออกมาเป็นข้อมูลไม่ค่อยดีต่อประเทศ แต่เราเริ่มเห็นแล้วว่าการที่สังคมเราถูกผลักออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ ชนชั้นบนกับชนชั้นล่างเริ่มห่างกันเรื่อยๆ ส่วนชนชั้นกลางก็ไม่ได้พัฒนา พอมันห่างออกไปเรื่อยๆ เงินของประเทศมันไปอยู่กับกลุ่มคนเล็กๆ แล้วชนชั้นล่างมันห่างไปจากกลุ่มนั้น แล้วก็ใหญ่ขึ้นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ มันก็สร้างปัญหาอยู่จนทุกวันนี้ แต่เชื่อว่าอีก 10-20 ปี คงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มจะเปลี่ยนบ้างแล้ว"

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


-เลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกของตัวเอง จะไปใช้สิทธิ์หรือเปล่า

อนันดา - "ไปแน่นอนครับ ซึ่งผมมีทะเบียนบ้านอยู่เชียงใหม่ ผมต้องใช้สิทธิ์ แต่ตอนนี้ยังดูและศึกษาอยู่ว่าจะเลือกใคร ถึงแม้ว่าสำหรับผมมันเป็นสิ่งที่เซ็งมาก ไม่อยากไปยุ่ง แต่มันเป็นสิทธิของเราก็ต้องไปดู ถ้ามันมีตัวเลือกดีๆ ผมก็สบายใจหน่อย แต่ตัวเลือกดีๆ มันไม่ค่อยมี ขนาดว่าคนที่ออกมาพูดว่าผมไม่เหมือนคนอื่น แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าเหมือนอยู่ดี เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นในแง่รูปธรรมในอนาคต จะมีอะไรเกิดขึ้นแล้วมันจะมีผลอะไรอย่างชัดเจน"

"พวกนักการเมืองอาจบอกว่าเขาก็พูดถึงอนาคตแล้ว แต่มันยังมาไม่ถึง ก็แปลว่าวิธีการสื่อสารของคุณยังใช้ไม่ได้ ผมไม่ใช่คนที่จะไม่มีความรู้นะ ถ้ามันมาไม่ถึงหูผม ผมก็บอกว่าคุณผิดพลาด แต่สุดท้ายผมต้องหาข้อมูลคนที่ผมจะเลือกก่อน ซึ่งพอจะยังมีเวลาอีกหลายวัน"

"บอกตรงๆ ตอนแรกจะเลือกโหวตโน แต่พอมีเสื้อเหลืองออกมาให้เลือกโหวตโน ก็กลายเป็นความลำบากใจอีกเพราะผมไม่ใช่เหลือง ไม่ใช่แดง ผมแค่เป็นคนหนึ่งคนไม่ได้อยากจะมีสี ผมรู้สึกว่าผมไม่ขาวกับดำ ผมอยู่ในสีเทา ผมมีความต้องการหลายอย่าง เขาออกมาบอกแบบนี้เซ็งเลย เราต้องไปดูให้มันละเอียดกว่านี้ครับ"

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


-คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลง ยังไงบ้าง

อนันดา - "ผมว่าตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนนะ สิ่งที่ดีหรือไม่ดีต้องคอยดู หลังเสร็จเลือกตั้งคราวนี้ผมว่ามันต้องมีเหตุการณ์อะไรบางอย่าง คือผมว่ามันยังมีความร้าวฉานในสังคมค่อนข้างเยอะ แล้วผมเชื่อว่าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็คงไม่ทำให้ความรู้สึกตรงนั้นหายไป เอาเป็นว่าเร็วๆ นี้ไม่มีอะไรดีๆ ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่บางทีการแตกร้าวในสังคมอาจจะเป็นการที่ให้คนได้สังเกตว่า สังคมมันมีปัญหา ในระบบการเมืองเรามีปัญหา บางทีเหตุการณ์ความรุนแรงนี้ผมว่าไม่ใช่วิธีการแก้ที่ถูกต้องแต่มันอาจจะพาไปสู่วิธีการแก้อีกแบบ"

-เหมือนที่ผ่านมาที่อเมริกาเกิดสงครามการเมืองแต่สุดท้ายได้ประชาธิปไตย

อนันดา - "ก็ใช่ครับ ถ้าดูตามประวัติศาสตร์มันมักจะเกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่สวยงามเท่าไหร่ ทุกอย่างมักจะมาด้วยความรุนแรง มันมีไม่กี่ตัวอย่างหรอกที่สังคมลุกขึ้นมาพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลง คือมันไม่ใช่ผิดและถูกนะ แต่ผมรู้สึกว่ามันเริ่มชี้ให้เห็นว่ามีปัญหาอยู่ในสังคม"

-ฝากบอกคนทั่วไปยังไงบ้าง ในวันเลือกตั้งที่จะมาถึง

อนันดา - "คุยกับผมอาจจะฟังดูเป็นคนเหนื่อยล้าท้อกับระบบการ เมือง แต่มันก็คือหน้าที่เรา เราเชื่อว่าสุดท้ายเราจะค่อยๆ ขยับไปสู่สิ่งที่ดีที่ สุด แต่ยังไงก็ตาม ผมขอบอกว่ามันอยู่ที่การศึกษา อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด ก็คืออย่าเพิ่งเหนื่อย ท้อ ใช้สิทธิ์เถอะครับ"

เพราะฉะนั้น 3 ก.ค.นี้ อย่าลืมออกไปเลือกตั้ง ใช้สิทธิ์ของตนเอง

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม


อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮมอนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์