เปิดตัวบิ๊กกี่สามีสุดที่รักของติ๋มทีวีพูล


"'ติ๋ม ทีวีพูล" เปิดตัว"บิ๊กกี่" พล.อ.นพดล ผ่านสื่อครั้งแรก หลังใช้ชีวิตร่วม 5 ปี เผย รักที่สามีเป็นคนซื่อสัตย์ วางแผนอีก 5 ปี ล้างมือการทำสื่อพร้อมส่งช่วงต่อให้ทายาท

ได้ฉายาเป็น"เจ้าแม่แห่งวงการบันเทิง" ผู้ล่วงรู้ในทุกข่าว ทุกแง่มุม รวมถึงธุรกิจในมือ ทั้งนิตยสาร หรือรายการทั้งทางช่องฟรีทีวี และช่องดาวเทียม เคเบิลทีวี ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น สร้างรายได้ 400 ล้านต่อปี แต่นางพรรทิภา สกุลชัย หรือที่รู้จักกันดีในนาม"ติ๋ม ทีวีพู" ไม่ค่อยเปิดเผยแง่มุมส่วนตัวให้ได้รับรู้มากนัก กระทั่งล่าสุดยอมเปิดตัวต่อสื่อนิตยสาร"ฮู" (WHO) ให้เห็นหน้าค่าตา พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สามีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา 5 ปี เป็นครั้งแรก รวมถึงเปิดใจถึงชีวิตครอบครัวให้ "คม ชัด ลึก" ฟังว่า




 "จริงๆ ก็ไม่ได้ปิดตัวอะไร เราอยู่กินกันมา 4-5 ปีแล้ว แต่ถือว่าเป็นการออกสื่อด้วยกันครั้งแรกที่ผ่านมาก็ไปงานอื่นด้วยกันหลายที่ แต่ไม่เคยให้สัมภาษณ์ เพราะกลุ่มเพื่อนๆก็จะรู้กันอยู่แล้วกับพี่กี่ เรารู้จักกันมา 20 ปีแล้ว แต่ไม่เคยคบกันเป็นแฟน แล้ววันหนึ่ง เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมาก คิดว่ามันก็ถึงวันที่เราควรจะมีคนดูแลได้แล้ว อีกอย่างพี่กี่เขาก็เป็นคนดีมาก เป็นคนซื่อสัตย์ มีชีวิตอยู่กับเหตุและผล มากกว่าใช้อารมณ์ เขาเป็นทหารที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อประเทศชาติ เรื่องความซื่อสัตย์ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แล้วพี่กี่ก็เป็นคนที่ชอบช็อปปิ้งเหมือนกัน ก็มีความสุขเวลาที่คบกัน เราเข้ากันได้ดี
 
เขาเองก็เข้ากับลูกเราได้ เป็นผู้ใหญ่ มีความสุขุม เรื่องเข้ากับลูกได้หรือไม่นี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ คนที่จะเข้าลูกติ๋มได้ ต้องใช้จิตวิทยาสูง เพราะลูกๆ ทั้ง 3 คน เขาอยู่กับติ๋มมาตลอด 10 กว่าปี อยู่กันมาแค่ 4 คนแม่ลูก แต่วันหนึ่งเมื่อมีใครเข้ามา ลูกๆก็กลัวจะแย่งความรักจากแม่ไปไหม จะมาเบียดบังทรัพย์สินอะไรหรือเปล่า เพราะเขาก็รู้ว่าเรามีตังค์ ซึ่งเขาพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้เข้ามาเบียดเบียนหรือแย่งความรักไป แต่กลับมาเติมเต็มด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ลูกติ๋มรักพี่กี่มาก มีอะไรก็เห็นเขาเป็นที่พึ่ง ไม่ค่อยโทรหาติ๋มหรอกเวลามีอะไรจะโทรหาพี่กี่ก่อน"  ติ๋ม ทีวีพูลกล่าว




 แม้อายุจะห่างกันถึง 10 ปี คือ ติ๋ม ทีวีพูล อายุ 55 ปี ส่วนสามีอายุ 65 ปี แต่กลับไร้ปัญหาเรื่องช่องว่าง เนื่องจาก พล.อ.นพดล หรือกี่ เป็นคนที่วัยรุ่นและกระตือรือร้นตลอดเวลา เวลาว่างก็ชวนกันไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศตามจังหวัดต่างๆ ที่ซื้อไว้ บางครั้งก็พากันไปเที่ยวต่างประเทศ


 นอกจากนี้ เจ้าแม่วงการบันเทิง กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ชีวิตครอบครัวลงตัวมาก แต่ในส่วนของธุรกิจด้านการบันเทิงนั้น สามีไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วม เนื่องจากไม่ถนัดในด้านการทำธุรกิจ รวมถึงเธอยังเปิดเผยว่า อีก 5 ปีข้างหน้า จะวางมือจากการทำธุรกิจด้านสื่อ แล้วให้ลูกๆ มาสานต่อแทน


 "ตอนนี้ก็รอลูกๆเรียนจบกลับจากต่างประเทศก่อน แล้วคงวางมือ ตอนนี้ลูกคนแรกกับคนที่สามเรียนอยู่อังกฤษ คนที่สองอยู่อเมริกา ที่อยากวางมือเพราะเราทำตรงนี้มา 30 กว่าปีแล้ว เรามั่นใจว่าเรามีกินมีใช้ตลอดชีวิตสบายๆ แล้วเราก็ไม่ต้องการเป็นทาสของเงิน เราต้องรู้จักที่จะได้ใช้เงินบ้าง ไม่ใช่มีเงิน แต่ก็ให้เงินใช้เราทำงานไปตลอด ซึ่งเมื่อไหร่ที่ลูกๆ กลับมา ก็จะส่งต่อให้เขา ในส่วนธุรกิจเราไม่มีแค่หนังสืออย่างเดียว แต่เรามีธุรกิจนิวมีเดียด้วย ซึ่งมั่นใจว่าเราได้วางฐานไว้แน่นมาก สตาฟฟ์ของเราก็แข็งแรง และอยู่กันมานาน ไม่ต้องกลัว ไม่มีปัญหาแน่แม้กระทั่งเราตายไป" นางพรรทิภากล่าวสรุป




ขอบคุณข่าวจาก : คมชัดลึก
ภาพประกอบจาก : whoweeklymagazine


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์