แม่พิ้งกี้สะอื้น ทำไมคนอื่นไม่ยอมหยุด

เมื่อ 15 ต.ค. นางสรินยา ไชยเดช หรือ แม่อ้อย มารดาของนางเอกสาวพิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช ให้สัมถาษณ์ปิดใจอีกครั้ง

หลังจากลูกสาวเผชิญมรสุมชีวิตส่วนตัวจนกระทบต่อการงาน ว่า ตอนนี้ลูกสาวสบายใจขึ้น ทำอะไรไปไหนมาไหนเป็นปกติแล้ว ขอพักอยู่เมืองไทยสักระยะก่อนที่จะไปอินเดีย ช่วงนี้ยังมีโครงการขยายร้านเสริมความงามโนแอลบายพิงกี้ และต้องส่งพิงกี้ไปเรียนเรื่องการนวดหน้านวดตัว เพราะอยากให้งานตรงนี้เป็นงานที่รองรับไว้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวเอง กับข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับร้าน ลูกค้าทุกคนเข้ามาใช้บริการที่ร้านเหมือนเดิม


 เมื่อถามว่า ข่าวที่ออกมามีผลกระทบกับงานแสดงในอินเดียหรือไม่

นางสรินยากล่าวว่า ไม่มีผลกระทบ เพราะที่นั่นเขาทำงานกันอย่างเดียว ไม่ค่อยมีข่าว เรื่องข่าวจึงไม่มีผลกระทบ เพราะเขาไม่ค่อยได้อ่านข่าว ต่อข้อถามว่าดูคาดหวังกับงานที่อินเดียมากใช่หรือไม่ นางสรินยายอมรับว่า “ตอนนี้หวังอย่างนั้น เพราะไม่อยากทำให้ใครไม่สบายใจ คนรักเราก็มี แต่คนไม่รักเราก็มี บางคนเขาทุกข์ใจอยากให้เราไปไกลๆ ไม่รู้ว่าทำไมยังมีเรื่องโน้นเรื่องนี้ผุดออกมาด่ากันไม่เลิก(เสียงเครือ) ในฐานะคนเป็นแม่ก็ขอวอนให้หยุด ให้เราได้มีที่ทำมาหากินบ้าง เมตตากับเราบ้าง



นางสรินยา กล่าวด้วยน้ำเสียงเครือต่อว่า

“เวลาเราออกไปข้างนอกบ้าน เจอคนโน้นคนนี้ที่ไม่รู้จักก็จะมีคนเข้ามากอดพิงกี้และให้กำลังใจ แม่ก็น้ำตาคลอ อย่างน้อยยังมีคนเห็นใจและรักลูกเราอยู่ แม่ไม่สามารถร้องไห้ให้ลูกเห็น เพราะไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ (ร้องไห้) แม่จะร้องไห้ก็ตอนอยู่คนเดียว ไม่อยากให้รู้สึกต้องมาอ่อนแอกับน้ำผึ้งหยดเดียว ทุกอย่างมันผ่านและจบแล้ว อยากให้หยุดกันสักที เขามีครอบครัวของเขา เราเองมีครอบครัวของเรา ต่างคนต่างใช้ชีวิตคนละเส้นทาง แม่เองอยากให้ครอบครัวเขามีความสุข พิงกี้เองก็อยากให้ครอบครัวเขามีความสุข ไม่อยากให้แตกแยก แต่ทำไมคนอื่นไม่ยอมหยุด ต้องให้ตายกันไปเลยใช่ไหม ต้องให้ลูกของแม่ตายกันไปเลยเหรอ แม่เองได้แต่คอยบอกลูกว่าคนตั้ง 70 ล้านคน ต้องมีสักครึ่งหนึ่งที่รักเราบ้าง ก็ทำได้แค่นี้”


 ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกใจหายไหม ที่ต้องหยุดงานในเมืองไทยไปเริ่มต้นงานที่ต่างประเทศ นางสรินยาเผยว่า

ตนใจหาย เพราะทำงานในวงการบันเทิงมานาน ไม่คิดว่าการทำงานในวงการจะเป็นแค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่ยังมีความผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้า ทำผมทีมงาน หรือแม้แต่นักข่าวเอง ไปไหนก็จะเห็นตนไปกับลูกสาวตลอด เวลาลูกทำงานก็เข้ามาคุยกับตนเป็นกันเอง บอกตามตรงว่าไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาทำงานที่เมืองไทยอีกหรือเปล่า ตนไม่รู้จริง(สะอื้น) ขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย ต่อจากนี้จะไม่พูดเรื่องนี้อีก ตนกับลูกสาวคงทำงานต่อไป เพราะตอนนี้มีหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานติดต่อให้ไปช่วยทำโครงการโน้นโครงการนี้ ตนกับลูกสาวคงเอาเวลาช่วงนี้ไปช่วยหน่วยงานราชการ ขอพักเรื่องข่าวบ้าง ตอนนี้ยอมรับว่าเหนื่อยมาก



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์