วันนี้ กับ หนุ่มที่ สาวๆกรี๊ดด ... เต๊ะ ศตวรรษ ..

โผล่หน้าเข้าสู่แวดวงบันเทิงไทยได้ไม่นาน


พระเอกตี๋ "เต๊ะ"ศตวรรษ เศรษฐกร ก็พาตัวเองไปขายดีที่ฟากบันเทิงไต้หวัน ปักหลักรับงานแสดงที่นั่นจนมาถึงวันนี้ 8 ปีแล้ว และล่าสุดต่อสัญญากันอีก 8 ปี

วันนี้เขาได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเพราะเป็นช่วงตรุษจีน ได้หยุดยาว

อะไรที่ทำให้หนุ่มหน้าตี๋เกิดติดใจไต้หวันชนิดแทบจะลืมเลือนเมืองไทย ลองไปสัมผัสกับคำตอบจากปากของเขากัน


ขอย้อนชีวิตเต๊ะไปวัยเด็กหน่อย?


"ผมเป็นคนจ.กาญจนบุรี เกิดที่นั่น โตที่นั่น ผมมีน้องสาว 1 คนอายุห่างกัน 3 ปี คุณปู่คุณย่าทำด้านเกษตรเรื่องข้าวโพด ส่วนคุณตาคุณยายทำธุรกิจก่อสร้าง ฝ่ายคุณแม่จะเป็นคนมีอารมณ์ขัน

ส่วนฝ่ายคุณพ่อจะเป็นคนเจ้าเหตุผล

ผมโตมากับ 2 บุคคลที่ค่อนข้างแตกต่างในเรื่องความคิดความอ่าน มันจึงทำให้ผมมองอะไรกว้างมากขึ้น นิสัยผมร่าเริง ขี้เล่นเหมือนคุณแม่ เป็นตัวโจ๊กในกลุ่ม ชอบทำให้คนอื่นหัวเราะ

ผมชอบเวลาที่เห็นคนหัวเราะ อยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุขดี แต่พอได้ทำอะไรแล้วจะเหมือนคุณพ่อคือตั้งใจมากๆ"


เข้าวงการได้ยังไง?


"วันนั้นเป็นงานวาเลนไทน์ที่ต่างจังหวัด ผมเอาของกิ๊ฟต์ช็อปใส่ตะกร้าแขวนไว้ที่เอวเดินขายริมถนน สักพักมีรถคันหนึ่งเรียก แต่เค้าไม่ได้ซื้อ เค้าให้นามบัตรแล้วถามว่าสนใจถ่ายโฆษณามั้ย

ถ้าสนใจก็โทร.มา

ตอนนั้นผมกลัวโดนหลอก เลยให้คุณแม่โทร.ติดต่อ แล้วทางนั้นก็นัดไปแคสต์โฆษณา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานในวงการบันเทิง"


แล้วไปทำงานที่ไต้หวันได้ยังไง?


"เรื่องไปไต้หวันยิ่งแปลก บังเอิญมีนักข่าวไต้หวันบินมาดูงานที่ค่ายเพลง พอมาถึงห้องเต้นก็เป็นช่วงที่ผมซ้อมเต้นอยู่ มันเลยติดหน้าผมไปในรูป แล้วเค้าก็เอาไปพูดกันที่ไต้หวันและอยากให้ผมไปทำงานที่นั่น ผมเลยมีโอกาสไปทำเพลงคู่กับวีวี่นักร้องไต้หวัน

ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าที่ร้องออกไปน่ะหมายถึงอะไร

มันเป็นภาษาคาราโอเกะ ไปโปรโมตเพลงที่ไต้หวัน 3 อาทิตย์ก็กลับมา คิดว่าคงจบ แต่ทางนั้นเค้าติดต่อมาว่าทำเพลงชุดเดี่ยวดีมั้ย เพราะฟีดแบ็กที่ไต้หวันดีมาก และช่วงที่เค้าติดต่อมาเป็นช่วงที่เต๊ะสอบเข้ามศว เอกกำกับการแสดงได้ ซึ่งเป็นเอกที่เต๊ะอยากเรียน

แต่เค้าบอกว่าถ้าเต๊ะทำงานก็ต้องไปอยู่ที่ไต้หวันเลย

คิดหนักเหมือนกัน ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่ให้อำนาจการตัดสินใจ ผมบอกว่าอยากไปเพราะเป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นคนไทยคนแรกซึ่งมันพูดได้ตลอดนะ วันหนึ่งผมแก่ก็จะบอกลูกหลานได้ว่าผมเป็นดาราไทยคนแรกที่ได้ไปทำงานที่ไต้หวัน ได้ไปทำงานที่นั่นเลย

ตอนเด็กๆ แม่เคยบอกว่าวันหนึ่งเต๊ะอาจจะได้เป็นพวกจอมยุทธ์

เพราะคนไทยนิยมดูหนังจอมยุทธ์ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ไปถึงตรงนั้นจริงๆ"


ไปทำงานที่ไต้หวันจริงจังก็ต้องเรียนภาษาเพิ่ม?


"ก่อนไปรอบที่ 2 เต๊ะไปเรียนภาษาเพิ่ม แต่มันสั้นมากแค่ 30 ช.ม. คือจะรู้แค่คำศัพท์ แต่ไม่ได้เรียนเป็นประโยคคำพูดเลย ก็ไปลุยเอาดาบหน้า แรกๆ ก็จะมีล่ามคอยช่วย แต่หลังๆ เริ่มฝึกพูดเอง ตอนนี้พูดได้คล่องพอควร แต่ยังอ่านไม่ได้ ตอนไปตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะอยู่ที่ไต้หวันนาน

คิดในใจว่าเต็มที่ก็ปีเดียวเดี๋ยวก็กลับมาเรียนต่อ

ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าอยู่ไต้หวัน 8 ปี ถามว่าดีใจมั้ยก็ดีใจนะ แต่ตอนนั้นช่วงที่อยู่เมืองไทยมันก็กำลังดีทั้งเรื่องงานเรื่องละคร เราไปอยู่ไต้หวันนานๆ งานที่เมืองไทยหายไปแน่ๆ แต่อย่างที่บอกมันมีประสบการณ์ที่คนไทยหาซื้อไม่ได้"


มองว่าเสี่ยงมั้ยกับการไปทำงานต่างประเทศ?


"เสี่ยงมาก เราไปอยู่ที่นั่นเหมือนไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เราไม่ใช่ "เต๊ะ-ศตวรรษ" ที่คนไทยคุ้นหูแล้ว เราอยู่ที่นั่นเหมือนนักแสดงหน้าใหม่ ต้องไปเริ่มโปรโมตตัวเองใหม่ เราต้องเริ่มต้นใหม่หมดเลย ซึ่งถ้ามันไม่พ้นตรงนั้นก็คือจบ"


รู้สึกยังไงที่มีคนบอกว่า "เต๊ะ" เป็นคนปูทางศิลปินไทยไปทำงานไต้หวัน?


"มันคงไม่ถึงกับว่าเป็นคนที่ปูทางหรอก จริงๆ นักแสดงคนอื่นที่เค้าตามไปทีหลังเค้าก็มีความสามารถทุกคน"

อยู่ที่ไต้หวันฮอตมั้ย?

"ก็ดีนะ ใช้คำว่าประสบความสำเร็จแล้วกัน เพราะถามว่าฮอตขนาดไหน อธิบายยาก เราอยู่ที่นั่นมีแฟนคลับ มีแฟนเพลงตามไปดูคอนเสิร์ต ก็คล้ายๆ เมืองไทย แต่วิธีการแสดงออกของเค้าจะต่างกัน

อาจจะเป็นเพราะเราเป็นนักร้องต่างชาติ เค้าจะใช้เวลาที่มีทั้งหมดอยู่กับเรา"


ตกลงเต๊ะเป็นดาราไทยหรือดาราไต้หวัน?


"เป็นดาราไทยครับ ถึงแม้จะไปอยู่ที่นั่นนาน แต่ผมก็ขึ้นชื่อว่าคนไทย นักแสดงไทย ผมเป็นดาราไทยครับ ไม่ใช่ดาราไต้หวัน การไปทำงานที่โน่นในฐานะดาราไทยมันไม่ยาก แต่มันกดดัน

เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี

เค้าจะเรียกว่านี่เป็นดาราไทย เพราะมีผมอยู่คนเดียว ก็ค่อนข้างเป็นแรงกดดันที่ค่อนข้างหนักแต่ว่ามันก็เป็นความภาคภูมิใจที่กระแสตอบรับมาดี"


ถามถึงผลงานชิ้นโบแดง เต๊ะกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า


"ล่าสุดก็กับหนังเกย์เรื่อง "โก โก จี-บอยส์"(GO GO G-BOYS) นี่แหละ คือมันเป็นหนังที่ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะเล่นบทเกย์หรอก แล้วมันเป็นบทที่ยากด้วย ถ้าเราเล่นเป็นแต๋วเป็นกะเทยก็แค่ทำท่าทางก็ได้แล้ว

แต่บทของเต๊ะมันเหมือนดูละคร 3 ตอน

คือ ตอนแรกตอนที่เป็นผู้ชาย

ตอนที่ 2 คือ ตอนผู้ชายจะเปลี่ยนเป็นเกย์

และตอนสุดท้ายคือ ตอนที่เป็นเกย์ แล้วตอนที่ยากคือตอนที่เปลี่ยนเป็นเกย์ยากมาก

มันจะเป็นอารมณ์สับสนแบบว่าต้องถ่ายไปร้องไป ผมว่ามันยากมากเลย หนังเรื่องนี้ถ่ายไม่นานแค่เดือนเดียวเอง แต่เป็นอะไรที่ทรหดมากครับ"

โดยเฉพาะฉากจูบหรือเปล่าเอ่ย ก็ไม่รู้เนอะนี่



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์