ฟิล์มออกจากไอซียู-แฟนคลับให้กำลังใจ

ช็อก "ฟิล์ม" กินยาเกินขนาด ไม่ได้สติ ถูกหามส่งไอซียู หมอล้างท้องพ้นขีดอันตรายแล้ว "จิ๊ก" เนาวรัตน์ เครียดกลัวนักร้องหนุ่มตาย

หลังเป็นผู้ให้ยาคลายเครียด ด้าน "พจน์" รับก่อนเกิดเหตุ "ฟิล์ม" โทรปรึกษา โมโหเลยบอกให้ไปตาย กรมสุขภาพจิตชี้กรณี "ฟิล์ม" เป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ทางแก้ต้องหยุดคุ้ยให้เวลาเยียวยา เกิดเรื่องช็อกแฟนเพลงของ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม หลังจากมีรายงานข่าวว่านักร้องชื่อดังถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อเช้าตรู่วันที่ 4 ตุลาคม 2553 โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) แจ้งสาเหตุว่า ในช่วงเช้านายภูริทัต โตคงทรัพย์ พี่ชาย และผู้จัดการ จะพาฟิล์มไปทำบุญ เวลา 06.00 น. จึงไปปลุก ปรากฏว่าฟิล์มไม่ตื่น ไม่ว่าจะเรียกเสียงดังและเขย่าตัวอย่างไรก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ซึ่งเป็นอาการผิดปกติ  ประกอบกับเห็นซองยาวางอยู่ที่หัวเตียง นายภูริทัตจึงรีบโทรปรึกษากับทางโรงพยาบาล จากนั้นจึงส่งรถพยาบาลพร้อมแพทย์มาที่บ้านในเวลา  06.40 น. และนำส่งห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ไอซียู) โรงพยาบาลบีเอ็นเอช สาทร

หลังทราบเรื่องสื่อมวลชนได้เดินทางไปทำข่าวอาการของฟิล์มเป็นจำนวนมาก โดยฟิล์มยังอยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลในหอพักผู้ป่วยหนัก (ไอซียู)
แพทย์แนะนำว่าควรงดเยี่ยม 1-2 วัน เพื่อให้ฟิล์มได้พักผ่อน และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ต่อมาเวลา 21.00 น. วันเดียวกันนี้ แพทย์ได้ให้นำฟิล์มออกจากห้องไอซียูเพื่อพักรักษาตัวในหอพักผู้ป่วย นายภูริทัตกล่าวด้วยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟิล์มนอนไม่หลับมาหลายวัน จึงกินยานอนหลับไปบ้าง ล่าสุดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฟิล์มมาถามถึงยานอนหลับกับผู้จัดการส่วนตัวและเพื่อน แต่ไม่มีใครให้ แต่ทราบว่าฟิล์มได้รับยามาจากนางเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ จนมาเกิดเหตุดังกล่าว ยืนยันว่าฟิล์มกินยาครั้งนี้เกิดจากสาเหตุนอนไม่หลับเท่านั้น ไม่ได้มีสาเหตุอื่น ด้านคุณแม่ (นางโคมมนต์ ทองมั่ง) เพิ่งทราบเรื่องหลังจากฟิล์มปลอดภัยแล้ว ขณะนี้มีญาติดูแลอย่างใกล้ชิดที่บ้าน



ต่อมาเวลา 12.30 น. นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เดินทางมาพร้อมกับนางสุจีรา เชษฐโชติศักดิ์ ภรรยา

เพื่อเยี่ยมดูอาการของฟิล์ม ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยเข้าไปเยี่ยมในห้องไอซียูราวๆ ครึ่งชั่วโมง จากนั้นได้เดินทางกลับพร้อมกับเปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า ฟิล์มปลอดภัยแล้ว แต่ยังไม่ได้สติ แพทย์ยังให้อยู่ในห้องไอซียูก่อน นอกจากนี้ยังมีนักแสดงและผู้กำกับเดินทางมาเยี่ยมศิลปินหนุ่ม อาทิ นายภรัณยู โรจนวุฒิธรรม หรือ แทค นายองอาจ สิงห์ลำพอง หรือ โด่ง รวมทั้ง พจน์ อานนท์ จากนั้นเวลาประมาณ 12.50 น. นักแสดงชื่อดัง นางเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ หรือ จิ๊ก ได้มาเยี่ยมอาการของฟิล์มด้วยความเป็นห่วง และมีสีหน้าตกใจ
 
เนื่องจากเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฟิล์มเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้

"เมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคม แม่ฟิล์ม กับฟิล์มมาหาที่บ้าน พอดีฟิล์มมาเอายาแก้เครียดที่บ้านจิ๊ก เพราะก่อนหน้านี้ฟิล์มบอกว่าเขากินยานอนหลับ จิ๊กบอกว่าอย่ากินเลย เพราะมันจะทำให้เบลอ จิ๊กเลยให้เขามาเอายาแก้เครียดที่บ้าน ยาที่ให้เป็นแค่ยาคลายเครียด ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของยานอนหลับ จิ๊กคิดว่าน้องฟิล์มน่าจะกินยาอย่างอื่นด้วย จิ๊กให้เขาไป 2 แผง แผงละ 10 เม็ด แต่จิ๊กก็แนะไปว่ากินแค่ 1-2 เม็ดก็พอแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะกินเยอะขนาดไหน ยอมรับว่าเครียดมาก กลัวเขาจะตาย" นางเนาวรัตน์กล่าว


นักแสดงชื่อก้องเผยต่อว่า ได้คุยกับฟิล์มและนางโคมมนต์ โดยศิลปินหนุ่มเล่าว่า แม่จะไปบวช อีกทั้งระบายว่าตอนนี้ทำอะไรก็ผิด ร้องไห้ก็ผิด รับเป็นพ่อก็ผิด รับสารภาพก็ผิด แล้วแบบนี้จะอยู่ในสังคมได้อย่างไร

ด้าน พจน์ อานนท์ ที่เดินทางมาเยี่ยมศิลปินหนุ่ม กล่าวว่า ฟิล์มโทรหาตั้งแต่ตอนบ่ายๆ วันที่ 3 ตุลาคม ด้วยน้ำเสียงซึมๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก พอเที่ยงคืนฟิล์มโทรมาอีก ถามว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะเรื่องนี้ใหญ่มากแล้ว ตนตอบไปว่า ขนาดผู้บริหารทั้งสองคน ทั้งเฮียฮ้อ พี่สมรักษ์ (นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย) และตนได้ออกมาพูดแล้ว สังคมยังไม่เชื่อ "พอฟิล์มถามว่าผมควรทำอย่างไร เพราะเฮียสกัดงานหมดแล้ว ผมก็แนะให้ฟิล์มฟ้องหมิ่นฝ่ายหญิงว่าฟิล์มเป็นพ่อของเด็กในท้อง แต่ความจริงคงไม่ใช่ ต้องตรวจดีเอ็นเอ ให้ศาลบังคับ ซึ่งฟิล์มก็บอกว่าไม่เอา เพราะเดี๋ยวสังคมหาว่าทำร้ายผู้หญิงอีก แล้วก็สงสารเด็ก ผมก็เลยให้ไปบวช ฟิล์มก็บอกว่าถ้าบวชก็เหมือนหนีความจริง คนจะหาว่าเอาผ้าเหลืองมาปิดบังความจริง ผมก็เลยโมโห บอกไปว่า งั้นมึงก็ไปตายซะเรื่องมันจะได้จบๆ เพราะขนาดเฮียฮ้อกับพี่สมรักษ์ออกมาพูด สังคมยังไม่เชื่อเลย หรือไม่ก็ต้องตายทั้งเป็นแบบนี้ ส่วนเด็กเป็นตราบาปติดตัว เพราะผู้หญิงไม่ตรวจดีเอ็นเอ ฟิล์มก็เงียบไปก่อนจะพูดว่า พี่พจน์ครับผมรักพี่พจน์ครับ แล้วเขาก็วางหูไป" พจน์กล่าว

พจน์กล่าวต่อว่า ตอนนั้นรู้สึกแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีฟิล์มไม่เคยพูดแบบนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน องค์กรต่างๆ ที่จะมาฟ้อง เอาฟิล์มกับแอนนี่มาคุยกันไม่ดีกว่าเหรอ

"เฮียก็ไม่ใช่เด็กๆ ตอนนี้ผมสงสารฟิล์มมาก เพราะเฮียฮ้อไม่ช่วยแล้ว ตอนแรกที่ทราบว่าฟิล์มเข้าโรงพยาบาลก็งงเหมือนกัน ตอนที่ผมพูดกับเขา ด่าเขา เพราะเตือนสติ แต่ผมว่าเขาคงเบลอไปแล้ว เพราะตอนนี้ทั้งงานเพลงที่เกาหลี ทั้งงานหนัง ถูกตัดหมด ก็เลยรู้สึกว่าเขาอยากจะบอกอะไรเราหรือเปล่า เท่าที่คุยกับผม เชื่อว่าเขาคงทำอะไรไม่ถูก เพราะถูกสังคมรุมอัด เห็นใจแต่ฝ่ายหญิง" พจน์กล่าว

นายองอาจ สิงห์ลำพอง ผู้อำนวยการผลิตและปฏิบัติงานสายการตลาดของอาร์เอส ที่เดินทางมาเยี่ยมฟิล์ม กล่าวว่า จำเป็นต้องถอดฟิล์มออกจากภาพยนตร์เรื่อง "บางกอกกังฟู" เนื่องจากรอการถ่ายทำไม่ไหว ตอนนี้กำลังคุยกับต้อม (นายยุทธเลิศ ลิปปภาค) เพื่อปรับบทใหม่ เรื่องนี้ได้คุยกับฟิล์มตั้งแต่เมื่อวันก่อน เขาก็ยังพูดเล่นได้ อาการเครียดก็คงมี ยังมีน้ำเสียงเสียใจตลอด บอกผมว่าจะยกเลิกบทของเขาก็ได้


ต่อมาเวลา 17.50 น. แฟนคลับ "ฟิล์มแฟมิลี่" เดินทางมามอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ฟิล์ม โดยมีนายภูริทัตเป็นผู้รับแทน และได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ

นายภูริทัต กล่าวว่า เห็นเพื่อนที่นอนด้วยบอกว่าฟิล์มกินยานอนหลับ เห็นแปลกๆ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก เลยลองจับที่หัวใจ เห็นยังเต้นอยู่ จำได้ว่าแม่เคยเข้าโรงพยาบาลบีเอ็นเอช เลยตัดสินใจโทรมาที่นี่ ตอนนั้นไม่อยากให้แม่รู้ เพราะตนเป็นพี่ ยังทำใจไม่ได้ เลยโทรตามเพื่อน และแบกฟิล์มลงมาข้างล่าง พอรถมารับก็มีข่าว แม่ก็เลยรู้ ก็บอกแม่ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้แม่ไปบวชตามที่ตั้งใจไว้

"ตอนฟิล์มรู้สึกตัวเขาก็เบลอๆ อยู่ เขาคิดว่าอยู่บ้าน พอลุกขึ้นมาก็ล้มไป พยาบาลเลยตามผมไปดู คำแรกที่ฟิล์มพูดคือ ผมอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วฟิล์มก็หลับไป เห็นหมอบอกว่าไม่ได้ล้างท้อง แต่มีการฉีดคาร์บอน เพื่อดูดสารพิษ" นายภูริทัตกล่าว

พี่ชายศิลปินหนุ่มกล่าวต่อว่า ยาคลายเครียดของเนาวรัตน์ที่ให้ไว้ 2 แผง แผงละ 10 เม็ดนั้น ตอนนี้เหลืออยู่ 1 แผง และอีก 2 เม็ด

คาดว่าน้องชายคงจะประมาท เพราะคิดว่าเป็นคนแข็งแรง ทั้งนี้เชื่อว่าน้องชายไม่มีทางที่จะคิดสั้น ส่วนอาการของฟิล์มเท่าที่คุยกัน คุยรู้เรื่อง แต่พูดลิ้นยังพันๆ กันอยู่ ตนและเฮียฮ้อได้เข้าไปเยี่ยมเพียง 2 คน เพราะหมออยากให้พักนานๆ "หมอบอกว่า ถ้าส่งหมอไม่ทันฤทธิ์ยาจะอันตรายมาก หัวใจจะหยุดเต้น อาทิตย์ที่ผ่านมาฟิล์มก็เครียด ผมก็ให้กำลังใจเขาว่า อดทนไว้ เรื่องนี้จะจบต้องใช้เวลา ผมก็ไม่รู้ว่าจะจบยังไง เพราะตอนนี้ทำอะไรก็ทำร้ายผู้หญิง ไม่พูดก็ซ่อนใต้กระโปรงแม่ คนที่เคยเจอฟิล์ม คบฟิล์ม ผมว่าเขายังรักฟิล์มเหมือนเดิม ส่วนคนที่ไม่เคยเจอก็อย่าตัดสินคำพูดแค่ครั้งเดียว ส่วนเอ็มวีที่แฟนคลับทำให้ ฟิล์มได้ดูแล้วเมื่อคืน เขาก็ร้องไห้" นายภูริทัตกล่าวทั้งน้ำตา


นอกจากนี้ พี่ชายของนักร้องหนุ่มยังบอกด้วยว่า ฟิล์มดีใจ และบอกกับตนว่า อย่างน้อยก็มีคนเห็นใจและรักเรา เขาไม่อยากให้ใครร้องไห้

เพราะจะทำให้ที่บ้านและฟิล์มอ่อนแอลง ฟิล์มแฟมิลี่สำคัญกับเรามาก เพราะไม่ว่าจะเป็นอย่างไรยังมีฟิล์มแฟมิลี่ ที่เป็นเพื่อนแท้ เพื่อนตาย และเหมือนเป็นครอบครัวของเรา "ก่อนหน้านี้ฟิล์มเคยเปรยๆ ว่า เขาเป็นคนของประชาชน พอโดนว่าก็จะรู้สึกท้อ แต่เขารักทางนี้ เขารู้สึกท้อ แต่ยังไม่อยากออกจากวงการ ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่ามีงานให้ทำหรือเปล่า ผมเป็นพี่ของเขา เลี้ยงเขาได้อยู่แล้ว ถึงมีเรื่องอะไรขึ้นมา เราก็ยังมีกันและกันอยู่ดี" นายภูริทัตกล่าว

ด้านนพ.อภิชัย มงคล รักษาการอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยาคลายเครียดเป็นการใช้เพื่อรักษาอาการเครียดในระยะสั้น ซึ่งต้องควบคุมอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์

เนื่องจากมีผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้น คือ การกินยาเกินขนาด และระยะยาว การติดยาเสพติด เพราะยาคลายเครียดจะมีฤทธิ์กดประสาท ซึ่งกรณีนี้การกินยาเกินขนาดถือเป็นความพยายามฆ่าตัวตายอย่างหนึ่ง ในทางจิตวิทยาถือเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ อย่ามองว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจ ซึ่งหากไม่ได้รับความช่วยเหลืออาจทำให้นำไปสู่การฆ่าตัวตายซ้ำได้ และไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือครอบครัวก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน "สังคมไม่ว่าจะรู้สึกโกรธ สะใจ อยากรู้ ควรหยุดและเลิกยุ่งกับทั้งสองคน เพราะข่าวที่เกิดขึ้นถือว่าได้รับผลกระทบหมดทุกฝ่าย ควรให้อภัยและถอนตัวจากเรื่องนี้ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีเวลาคิด ทบทวน และแก้ปัญหา ซึ่งครอบครัวควรดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นที่ปรึกษารับฟังปัญหาไม่ควรซ้ำเติม" นพ.อภิชัย กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์