รายได้หายเดือนละล้านหนิงหวั่นบ้านเมืองซ้ำรอย

ตกแต่งใหม่ในเรื่องของโดนน้ำ โดนเขม่าควันไฟ แต่ที่สำคัญ เราเซ็นสัญญาเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทย มันเลยต้องไปรับยอดจากเกาหลีเดือนหนึ่งเป็นล้าน

แล้วพอขายไม่ได้ช่วงนั้น ขายได้แค่บางตัว มันก็จะหนักแบบเดือนทบเดือน ซึ่งเขาไม่ได้สนใจเราหรอก ว่าบ้านเมืองเราสถานการณ์มันเป็นยังไง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ถ้ารวมๆค่าเสียหายที่เสียไป ก็เป็นสิบๆ ล้านเหมือนกัน ตกเดือนละล้าน แต่หนิงไม่ได้เป็นเจ้าของคนเดียว ยังมีเพื่อนหนิงเป็นหุ้นส่วนอีก แต่ต้องบอกว่าสำหรับหนิงมันหนักมาก เพราะว่าหนิงไม่ใช่คนรวย หนิงเก็บเงินทั้งชีวิต เล่นละครมา นี่คืออีกที่ที่จะทำมาหากินอีกอาชีพหนึ่งสำหรับหนิง มันก็จมลงไป หนัก ก็ใช้ให้มันประหยัดๆ ก็อยู่ได้ คนเรามันไม่แน่ไม่นอนอยู่แล้ว" หนิงแจกแจง

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์บ้านเมือง ยังคงไม่นิ่งสักเท่าไหร่นัก ถามว่ากลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไม่ เจ้าตัวหน้าซีเรียส ก่อนจะยอมรับตรงๆ

"ตอนนี้ก็ยังกังวลอยู่นะ ว่าบ้านเมืองจะเกิดสถานการณ์อะไรอีกหรือเปล่า กลัวจะเกิดอะไรขึ้นอีก อย่างที่บอก ถ้าเงินเราหนา พ่อแม่เรารวย มีแบ็คหนุนหลังมันก็ดี แต่นี่มันคือน้ำพักน้ำแรง ที่ตั้งใจเก็บเงินมา ทุกบาททุกสตางค์จากการเล่นละคร งานโชว์ตัว จะแบ่งเป็นส่วนๆ ส่วนหนึ่งไว้ลงทุน ส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางบ้าน ส่วนหนึ่งเวลาที่หนิงและคุณแม่ป่วย พอก้อนหนึ่งมันถูกโยนมาตูมแล้วหายไปเลย ภาระมันก็หนักเหมือนกัน" หนิงกล่าวสรุป