ยังไม่ริบทูตวัฒนธรรมไทย-เกาหลีฟิล์มคืน

(24ก.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมจะพิจารณาทบทวนรางวัล “ทูตวัฒนธรรมไทย-เกาหลี” คืนจากฟิล์มหรือไม่ว่า ตนคิดว่ายัง เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และถ้าเราไปทำอะไรขณะนี้จะกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์และซ้ำเติมความสัมพันธ์ของประชาชนที่มีต่อฟิล์มให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิม ขอให้ทุกอย่างคลี่คลายก่อนแล้วจึงค่อยมาทบทวนกัน และต้องดูข้อเท็จจริงให้นิ่งเสียก่อน ให้เรื่องยุติมากกว่านี้ ตนคิดว่ากรณีของฟิล์มก็เจ็บปวดกันทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นคงต้องดูซักระยะหนึ่งก่อน

อธิบดีอัยการฯฟิล์มร้องบังคับแอนนี่ตรวจDNAไม่ได้

นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวแสดงความเห็นข้อกฎหมายการตรวจดีเอ็นเอ กรณีนายรัฐภูมิ หรือฟิล์ม โตคงทรัพย์ นักร้องชื่อดังค่ายอาร์เอส และบุตรชายของน.ส.แอนนี่ บรู๊ค อดีตนางเอกภาพยนตร์ ว่า เป็นสิทธิของนายรัฐภูมิ ที่จะพิสูจน์ความเป็นพ่อ-ลูก แต่ตามกฎหมายบุตรที่เกิดโดยที่บิดา-มารดาไม่ได้จดทะเบียนกัน กฎหมายจะให้สิทธิกับมารดาเลี้ยงดูบุตร 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนฝ่ายชายจะไม่มีสิทธิการเลี้ยงดูเลย

 แต่ถ้านายรัฐภูมิต้องการรับรองเด็กที่เกิดกับ น.ส.แอนนี่ เป็นบุตรตัวเอง ต้องยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อขอรับรองบุตร ซึ่งต้องอธิบายในคำร้องว่า มีเหตุผลอะไรต้องการรับรองเป็นบุตร ไม่ใช่ว่าจะไปยื่นคำร้องได้เลยถ้าไม่ใช่บุตรของตน ขณะเดียวกันถ้า น.ส.แอนนี่ ซึ่งเป็นมารดาหากไม่ต้องการให้นายรัฐภูมิ เป็นบิดาของเด็ก ก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลเยาวชนฯ ได้เช่นกัน

 “นายรัฐภูมิ คงไม่สามารถไปบังคับให้ น.ส.แอนนี่ ยอมตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ยกเว้นแต่เป็นคำสั่งของศาลในกรณีที่นายรัฐภูมิ ยื่นคำร้องขอรับรองเด็กเป็นลูก ซึ่งศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจว่าเป็นประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญในคดีหรือไม่ ศาลไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งให้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นดีในทุกคดีขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และพยานแวดล้อม เช่นถ้าพิสูจน์ได้ว่าช่วงเวลาที่ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ คบหาอยู่กับชายคนนั้นเพียงคนเดียวมาโดยตลอด ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ แต่ถ้าคาราคาซังกันก็อาจจำเป็นที่ต้องตรวจ” นายกายสิทธ์ กล่าวและว่า 

 หากมีการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกันจริง แล้วในที่สุดผลอาจปรากฏว่า นายรัฐภูมิ ไม่ใช่พ่อของลูก น.ส.แอนนี่ แต่นายรัฐภูมิ คงไม่สามารถไปยื่นฟ้อง น.ส.แอนนี่ ในความผิดฐานหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง หรือเรียกค่าเสียหายได้ เพราะฝ่ายหญิงแม้จะเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าใครเป็นพ่อของลูก แต่ก็อาจเกิดความผิดพลาดได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ