กระทรวงวัฒนธรรมแจงหั่นงบหนังนเรศวร


จากกรณีที่มีข่าวว่า งบประมาณของภาพยนตร์นเรศวร ที่จะได้จากภาครัฐถูกตัดจากเดิม 100 ล้าน เหลือ 46 ล้านบาทนั้น
 
นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม กล่าวชี้แจงในงานประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19 ที่โรงละครเฉลิมกรุง  ว่า ในงบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อช่วยเหลือวงการภาพยนตร์ไทย ที่อนุมัติเมื่อวันที่ 30 มีนาคม จำนวน 200 ล้านบาทนั้น 100 ล้านให้กับหนังเรื่องนเรศวร ของท่านมุ้ย เหลืออีก 100 ล้านบาท เฉลี่ยให้กับหนังเรื่องอื่นๆ

 ต่อมา ทางกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ดูแลเรื่องการส่งออกของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เห็นว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเรื่องของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมไทยมีจุดขายที่น่าสนใจ ก็สนับสนุนเงิน 300 กว่าล้านบาท ให้กับหนังเรื่องนเรศวร เช่นเดียวกัน  เราจึงทบทวนว่าในเมื่อ 2 หน่วยงานสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน จึงดูเหมือนซ้ำซ้อน ทางกระทรวงวัฒนธรรม ก็เลยตัดสินใจตัดงบฯ เหลือให้ท่านมุ้ย 46 ล้านบาทกว่าๆ ส่วนที่อีก 53 ล้านบาทกว่าก็เฉลี่ยให้กับเรื่องอื่นๆ ตอนนี้มีภาพยนตร์และแอนนิเมชั่นอีก 48 เรื่องที่อนุมัติไปแล้ว ซึ่งหากเรื่องไหนคิดว่ายังได้น้อยไป เราก็ให้อำนาจคณะกรรมการไปพิจารณา อาจจะให้เพิ่มเติมได้จากงบที่เราตัดของท่านมุ้ยมา

 ถามว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นผลมาจากการเรียกร้องของเจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับฯ เจ้าของรางวัลภาพยนตร์เมืองคานส์ หรือไม่ นายธีระ กล่าวว่า คุณอภิชาติพงศ์เองได้งบไป 3.5 ล้าน ได้ไปร้อยเปอร์เซ็นต์เลยที่ขอมา แล้วก็เป็นสิทธิพิเศษเลยคือให้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องคืน ไม่เหมือนกับนเรศวรต้องคืน ถือว่าหนังพวกนี้เขาขอมาไม่มาก และก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เขาประสบความสำเร็จในระดับโลก เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย




 "ผมได้เดินไปหาท่านนายกฯเองเลย ท่านก็ถามผมว่า ว่าไงคุณ จะส่งคุณบุญมีมาพบผมเมื่อไหร่ ผมก็ตอบไปว่าตกลงว่าคุณเจ้ยมาถึงเมืองไทย ผมในนามของกระทรวงวัฒนธรรมจะพาคุณเจ้ยเข้าพบท่านนายกฯ เพื่อที่ท่านจะได้แสดงความยินดี เพื่อให้กำลังใจเป็นแนวทางสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จะได้เอาคุณเจ้ยเป็นแบบอย่าง จะได้ก้าวไปถึงจุดตรงนั้นได้ เราต้องยอมรับนะว่าคุณเจ้ยพยายามมาหลายปี จากที่ได้รางวัลเล็กๆ มาก่อน เขาก็ยังพยายามทำอยู่เรื่อยๆ ผมเองก็ภูมิใจในตัวเขา คุณเจ้ยเป็นบุคลากรของกระทรวงวัฒนธรรมมาหลายปีแล้ว เป็นศิลปินศิลปากร ซึ่งถือว่าอยู่ในสายตาของกระทรวงวัฒนธรรมมาโดยตลอด พอเขาของบมาทางคณะกรรมการดูเรื่องราวและประสบการณ์ผลงานของเขาแล้ว เราเองไม่ได้ลังเลที่จะให้เขาเลย เห็นไหมว่าเราให้เขาไปร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่มีตัดเลย อาจจะตัดนิดหน่อยก็แค่หลักหมื่น"

 เมื่อถามว่า ท่านมุ้ยเองถ่ายหนังไปเกินครึ่งแล้ว คิดว่าการตัดงบแบบนี้จะมีผลกระทบหรือไม่
 นายธีระ กล่าวว่า
กรรมการดูแล้วว่าสามารถทำได้ แต่เราต้องยอมรับ สังคมต้องเปิดใจกว้างว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เขาเคยทำภาค 1 ภาค 2 มาและประสบความสำเร็จ และรัฐบาลชุดที่แล้วท่านทักษิณก็เคยให้งบไป 700 ล้านบาท ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นเงินจากหวยบนดินจากกองสลาก ก็ถือว่าท่านได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาในระดับหนึ่ง แต่ในภาค 3 ภาค 4 มันเป็นภาคที่สำคัญ และเวลานี้สังคมต้องเข้าใจว่าบรรยากาศความรักชาติความคุกรุ่นมันเริ่มหายไป ความเทิดทูนพระมหากษัติรย์ในสังคมเราเริ่มหายไป เราจึงอยากสร้างความปรองดอง ความสมานฉันท์ให้สังคม ภาพยนตร์นเรศวรผมคิดว่ามีประโยชน์ต่อวัตถุประสงค์นี้อย่างมาก เราต้องยอมรับว่าเป็นหนังที่สร้างรายได้ให้กับประเทศชาติได้เพราะภาคหนึ่งและภาคสองก็สร้างเงินไปไม่น้อย


 "ท่านมุ้ยไม่เคยมาแทรกแทรง เจอท่านในงานสุพรรณหงส์ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามกติกา การทำงานทุกอย่างต้องมีปัญหา เราก็แก้ไขกันไปแล้วเราก็หาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตและแข็งแรงต่อไป"


 ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปยังท่านมุ้ย
 ท่านตรัสตอบเพียงสั้นๆว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของกระทรวง ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เพราะตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงิน 

 ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ถ้าหากว่าทางภาครัฐ ตัดงบเรื่องนี้ออกไปจะทำอย่างไงกับการถ่ายทำ
ท่านมุ้ยตรัสว่า ก็ต้องหาเงินมาทำต่อ เพราะตลอด 40 ปีกว่าๆที่ทำหนังมาก็หาเงินแบบนี้มาทำอยู่แล้ว



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์