ยุ้ย รจนา สวยแบบสาวไทย…สู่สากล



ยุ้ย’ รจนา เพชรกัณหา

( Elite Super Model of Thailand 1994)
สวยแบบสาวไทย…สู่สากล





บทสัมภาษณ์จาก เดอะ ดีไลท์ แมกกาซีน ISSUE 58/NOVEMBER 1995 หน้า103-106

เพราะเป็นสาวน้อยที่มีหน้าตาสวยแปลก สะดุดตาคนทั่วไป กอปรกับเป็นคนรักสวยรักงามและใฝ่ฝันที่อยากจะแสดงความสามารถกับอาชีพสุจริต เช่นนางแบบ ‘ยุ้ย’ รจนา เพชรกัณหา เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งดำเนินชีวิตแบบปกติเรียบง่าย จึงได้ก้าวสู่โลกของแสงสีในวงการนางแบบ เมื่อโอกาที่ดีมาถึง


“คิดว่าการที่เราเข้าสู่สงการนางแบบได้ มันเป็นการบังเอิญ เพราะวันนั้นยุ้ยไปทานก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อนที่ซอยทองหล่อ แล้วได้พบกับ ‘คุณเฟี่ยว’ (ธาริณี แกรแฮม) เธอเข้ามาคุย มาขอถ่ายรูปและชวนเข้าประกวดนางแบบ ซึ่งตอนนั้นกำลังมีการรับสมัครนางแบบเข้าประกวดในรายการ SUPERMODEL OF THAILAND 1994 โดยบริษัทแทรฟฟิค แจม โมเดล แมนเนจเมนท์ จำกัด เป็นทั้งบริษัทจัดหานางแบบและผู้จัดงานการประกวด คุณเฟี่ยวเธอติดต่อธุรกิจกับทางแทรฟฟิคแจม อยุ่แล้ว เธอเลยชวนยุ้ยไปสมัครประกวด ตอนแรกก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่รู้ว่าจะถูกหลอกหรือเปล่า เพราะพี่เขาแต่งตัวแปลกมากเลย (หัวเราะ) แต่อีกใจหนึ่งอยากลองดู เพราะตัวยุ้ยเองเคยใฝ่ฝันว่าอยากจะแต่งตัวสวย ๆ แต่งหน้าสวย ๆ คุยไปคุยมา คุณเฟี่ยวก็นัดให้ไปสมัครเข้าประกวดฯ และแนะนำให้รู้จักกับ ‘คุณแอ๊ว’ (ฟองจันทร์ นันตา) ซึ่งเป็นผู้ประสานงานทั้งหมดของการประกวด SUPERMODEL OF THAILAND 1994 และเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท แทรฟฟิค แจม…



…ตอนสมัครเข้าประกวด ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะคิดเสมอว่าเราเป็นคนไม่สวย ไม่น่าจะเป็นนางแบบได้ แถมเป็นเด็กบ้านนอก เลยคิดจะถอนตัว และที่สำคัญคือทางบ้านไม่สนับสนุนให้ยุ้ยประกวดด้วย ยุ้ยจึงจะขอถอนตัว ทางพี่ ๆ ที่แทรฟฟิค แจม บอกว่าทำไมถึงจะถอนตัวล่ะ ในเมื่อมันเป็นประสบการณ์ที่น่าจะลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต ยุ้ยก็คิดสองจิตสองใจว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายเลยตัดสินใจเข้าประกวดใน 5 นาทีสุดท้าย ก่อนที่คุณแอ๊วจะปิดซองส่งรูปไปให้ทางนิวยอร์ก เลือกเข้ารอบ 20 คน…

วันที่ประกาศผล ยุ้ยแปลกใจมากว่า ทำไมยุ้ยจึงได้รับเลือกให้เป็น SUPER MODEL OF THAILAND 1994 เพราะมีผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายเกือบ 20 คน จากผู้สมัครประกวดรอบแรกทั้งหมด 200 คน และยุ้ยก็ไม่ใช่ตัวเก็งด้วย คนอื่นที่เข้าประกวดแต่ละคนสวย ๆ สูง ๆ ทุกคน ยุ้ยไม่ใช่คนที่สูง เพราะนางแบบจะต้องสูง เลยไม่ได้คิดหวังไว้ว่าจะเข้ารอบหรือชนะการประกวด คิดแต่เพียงว่ามันสนุกและเป็นประสบการณ์ที่ดีของเรา หลังจากที่ได้รับตำแหน่งแล้ว ยุ้ยถามพี่ในกองประกวดว่าทำไมยุ้ยจึงได้รับตำแหน่งนี้ พี่เขาก็บอกว่ากรรมการคนที่ตัดสินตำแหน่งนี้ เป็นคนต่างชาติและเป็นตัวแทนบริษัทที่จัดงาน SUPERMODEL OF THE WORLD



เขามาเพื่อที่จะคัดเลือกนางแบบไปประกวดในงานดังกล่าว และที่สำคัญเป็นสายตาที่ฝรั่งมอง เขามองว่ายุ้ยสวยแบบไทยแท้ ๆ สวยแปลก สามารถที่จะเป็นตัวแทนของประเทศไทยได้ เพราะปัจจุบันฝรั่งหันมาสนใจนางแบบที่มีหน้าตาแบบเอเชียกันมากขึ้น แล้วบนเวทีก็มีนางแบบหน้าตาแบบฝรั่งหรือเป็นลูกครึ่งเยอะมากหลังจากที่ได้ตำแหน่ง SUPER MODEL OF THAILAND 1994 แล้ว ยุ้ย ต้องไปประกวด SUPERMODEL OF THE WORLD 1994 ที่ฮาวาย ซึ่งมีนางแบบจากทั่วทุกมุมโลก ประมาณ 30 กว่าประเทศมาเข้าร่วมประกวด เราเป็นตัวแทนจากประเทศไทย ก่อนขึ้นเวทีประกวดมีการเก็บตัวกัน 11 วัน จะมีการถ่ายวิดีโอเก็บไว้เหมือนกับการประกวดนางงามจักรวาล ตัวแทนของประเทศในแถบเอเชียมีอยู่ 4 ประเทศ คือสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เกาหลี และประเทศไทย อยู่ด้วยกัน นอนห้องเดียวกันทั้ง 4 คน สนุกมากค่ะ เวลาเดินประกวดจริง ๆ ตื่นเต้นมาก เพราะจะมีตัวแทนจากหนังสือดัง ๆ ระดับโลกมามากมายและมีพวกสไตลิสต์หรือดีไซเนอร์ดัง ๆ มาร่วมงานด้วย



…การประกวดครั้งนั้นถึงแม้ยุ้ยจะไม่ได้เข้ารอบ แต่ไม่เสียใจเพราะโอกาสให้ตัวเองได้ก้าวเข้าไปในวงการนางแบบอีกขั้นหนึ่ง เพราะการได้ขึ้นไปเดินบนเวทีระดับโลกนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเองแล้ว มีผู้เข้าประกวดหลายคนที่ไม่ได้เข้ารอบหรือไม่ได้รับรางวัล แต่สามารถมีงานที่ดี ๆ ทำ เพราะในวันตัดสินนั้นจะมีพวกสไตลิสต์ เอเจนซี และนิตยสารมาเลือกนางแบบที่เขาสนใจ เพื่อติดต่อไปทำงานต่อไป”


ถึงแม้ว่าการเป็นนางแบบ เป็นสิ่งที่เธอชอบและใฝ่ฝัน แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าจะเลี้ยงชีพตัวเองด้วยการเป็นนางแบบไปตลอดชีวิต แต่เหมือนโชคชะตาได้ลิชิตชีวิตไว้ให้แล้ว เธอจึงหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตบนถนนสายนางแบบไม่ได้


“ยอมรับว่ายุ้ยชอบอาชีพนางแบบแต่ไม่เคยคิดว่าจะยึดเป็นอาชีพไปตลอด หลังจากการประกวดได้จบสิ้นไปแล้ว ยุ้ยใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม แต่ก็ยังเป็นนางแบบในสังกัดของแทรฟฟิค แจม มาตลอด บริษัทต้นสังกัดจะมีส่วนช่วยผลักดันเป็นอย่างมาก จึงได้รับการติดต่อให้ไปถ่ายปก VOGUE ที่สิงคโปร์ ไปถ่ายกันที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทำให้ยุ้ยมีชื่อเสียงมากขึ้นกว่าเดิม…


ยุ้ย รจนา เพชรกันหา



…การที่เราได้มีโอกาสไปขึ้นปกของ BOGUE สิงคโปร์ เพราะว่าเขาอยากได้นางแบบไทยไปขึ้นปก จึงติดต่อมาทางแทรฟฟิค แจม ให้ส่งรูปนางแบบไทยไปให้เข้เลือก ปรากฎว่าทาง VOGUE เขาเลือกยุ้ย ซึ่งตัวเองไม่คิดว่าเขาจะเลือก เพราะนางแบบที่จะขึ้นปกหนังสือ VOGUE ซึ่งเป็นหนังสือระดับอินเตอร์เล่นหนึ่ง จะต้องมีการคิดเลือกหลายขั้นตอน เช่นต้องเป็นนางแบบที่พอจะมีชื่อเสียงหรืออยู่ในวงการนางแบบมาพอสมควร แต่สำหรับเรายังเป็นน้องใหม่อยู่ จึงถือว่าเป็นความโชคดีของยุ้ยมากเพราะนอกจากจะได้ขึ้นปกแล้ว ยังได้ถ่ายแฟชั่นเซ็ตในอีกด้วย ซึ่งเป็นการยากมากและน้อยคนนักที่จะได้ถ่ายทั้งขึ้นปกและแฟชั่นเซ็ตใน ภายในเล่มเดียวกัน…


นอกจาก VOGUE แล้วยุ้ยยังมีโอกาสได้ถ่ายแฟชั่นลงหนังสือ WWD ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับแวดวงแฟชั่นชื่อดังของอเมริกา ดีไซเนอร์ที่เลือกยุ้ยไปถ่ายแฟชั่นครั้งนี้ เคยมาร่วมงานประกวด SUPERMODEL OF THAILAND 1994 ที่เมืองไทย และเป็นผู้ดีไซน์เสื้อผ้าเซ็ตหนึ่งให้กับงานนี้ด้วย เลยติดต่อยุ้ยให้ไปถ่ายแฟชั่นให้เสื้อของเขา ครั้งนี้ยุ้ยไปถ่ายที่ลอสแองเจลิส”
   
   ดูเหมือนว่าเธอจะเกิดมาเพื่อวงการแฟชั่นอย่างแท้จริง เพราะชื่อเสียงของเธอเริ่มดังกระฉ่อนในต่างประเทศ ทำให้เธอมีงานระดับโลกเข้ามาหาเธออย่างมากมาย

“หลังจากถ่ายแฟชั่นครั้งนั่นเสร็จแล้ว ยุ้ยกลับมาอยู่เมืองไทยระยะหนึ่ง ทาง STORM AGENCY ของลอนดอน (ซึ่งเป็นเอเจซี่ชื่อดังของอังกฤษ มีเคท มอสส์,เวโรนิกา เวบบ์, ราเชล ฮันเตอร์, อีวา เฮอร์ทโกวา เป็นนางแบบในสังกัด) ได้ติดต่อร่วมงานกับทางแทรฟฟิค แจมอยู่เสมอ ทางแทรฟฟิค แจม จึงเลือก STORM เป็นเอเจนซี่ให้ ในขณะที่ยุ้ยจะไปอยู่ที่ลอนดอนและไม่ว่ายุ้ยจะไปทำงานที่ประเทศไหน ทางแทรฟฟิค แจม จะเป็นผู้เลือกและดูแลเอเจซี่ให้ตลอด ยุ้ยจึงไปอยู่ลอนดอนโดยเป็นนางแบบในสังกัดของ STORM และในครั้งนี้ยุ้ยได้ถ่ายแฟชั่นให้นิตยสาร VOGUE สิงคโปร์ อีกครั้งหนึ่ง โดยช่างภาพชื่อ MARTINTHOMPSON ซึ่งเป็นช่างภาพชื่อดังของอังกฤษ แต่เป็นคนออสเตรเลีย…
 
…ครั้งนี้เขาติดต่อผ่านมาทาง STORM AGENCY ให้ส่งรูปนางแบบเอเชียในสังกัดไปให้ VOGUE เลือก ทาง STORM จึงส่งรูปของนางแบบที่เป็นชาวเอเชียไปให้เลือก ปรากฎว่าเขาเลือกเราอีกครั้งหนึ่ง ยุ้ยดีใจมาก เพราะเคยร่วมงานกับ VOGUE มาแล้ว ทำให้พอจะทราบว่าการทำงานกับ BOGUE นั่นเป็นอย่าไร เนี้ยบ ละเอียดแค่ไหน แต่ก็ยังเกร็งอยู่ เนื่องจากครั้งนี้เป็นการถ่ายโดยช่างภาพชื่อดัง กลัวว่าจะทำงานออกมาไม่ดี ไม่ถูกใจช่างภาพ กลัวจะเสียงาน เพราะเรายังไม่มีประสบการณ์ทางด้านการเป็นนางแบบสักเท่าไหร่ ถ่าย VOGUE ครั้งนี้ ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าจะขึ้นปก แต่เมื่อถ่ายออกมแล้วมันไม่สามารถจะนำมาขึ้นปกได้ เพราะแฟชั่นที่ยุ้ยถ่ายเป็นแฟชั่นสไตล์อาร์ต ๆ และอาร์ตไดเร็กเตอร์ของ VOGUE บอกว่ารูปยุ้ยที่ออกมาดูเหมือนคนมอร็อกกันมากกว่าคนเอเชีย เลยไม่ได้ขึ้นปก กลายเป็นแฟชั่นเซ็ตในแทน แต่ถึงแม้ว่าไม่ได้ขึ้นปก ยุ้ยก็รู้สึกว่าโชคดีที่ได้ทำงานกับมืออาชีพ ระดับโลก


ทาง STORM ดูแลยุ้ยดีมาก ป้อนงานให้ตลอดเวลา ยุ้ยต้องทำงานแทบทุกวัน เพราะมีนิตยสารอื่น ๆ อีกหลายฉบับที่ติดต่อเข้ามา เช่นขึ้นปกนิตยสาร FASHION WEEKLY ซึ่งเป็นนิตยสารที่เป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่น และวงการโฆษณาของลอนดอน ต่อมาก็ได้ถ่ายแฟชั่นพร้อมให้สัมภาษณ์ลงนิตยสาร CLOTHES SHOW ซึ่งเป็นนิตยสารในเครือของสถานีเคเบิลทีวี BBC ที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในส่วนงานโฆษณาจะเป็นโฆษณาข้าวไทย แต่นำไปออกอากาศที่ประเทศฝรั่งเศส ยุ้ยมาอยู่ที่ลอนดอน ยุ้ยได้ร่วมงานกับทีมงานเก่งระดับโลกมากมายและแต่ละครั้งที่ถ่ายจะได้ภาพที่ไม่เหมือนกันเลยออกมาเป็นคนละสไตล์ ทำให้ยุ้ยมีภาพแปลก ๆ อยู่เสมอ
   
   แฟชั่นที่เมืองนอก เขาจะสร้างสรรค์งานออกมาแปลก ๆ ใหม่ ๆ เป็นแฟชั่นหลุด ๆ เวลา MOVE เขาจะให้นางแบบ MOVE จริง ๆ ช่างภาพจะดึงอารมณ์นางแบบออกมา เหมือนให้เราแอ็กติ้งไปด้วย ทำให้ภาพออกมาดูมีอารมณ์ เขาจะไม่เน้นความสวยงามหรือสวยหวานเหมือนแฟชันในเมืองไทย แต่จะเป็นแฟชั่นที่แปลก ๆ ซึ่งยุ้ยคิดว่าดีมากเลยที่ยุ้ยได้ทำงานในสไตลที่ยุ้ยชอบ”


และความโชคดีของเธอก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การได้ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารชื่อดังระดับโลก เพราะในช่วงระยะเวลาไม่นานนัก เธอก็ได้มีโอกาสก้าวขึ้นสู่เวทีแคทวอร์กระดับโลก

          “อยู่เมืองนอกยุ้ยถ่ายแบบให้นิตยสารเยอะมาก ทำให้พอจะมีชื่อเสียง มีคนรู้จักบ้าง พวกดีไซเนอร์หรือสไตลิสต์ต่าง ๆ ก็เห็นยุ้ยในนิตยสารมากขึ้นทำให้มีงานตามเข้ามา และได้รับคัดเลือกให้ไปเดินแฟชั่นบนเวทีแคทวอร์กครั้งแรก โดยเดินในคอลเลกชันของสเตลล่า ลูกสาวของพอล แม็กคาร์ทนีย์ อดีตสมาชิกของวง 4 เต่าทอง คนดังของอังกฤษ ซึ่งการแสดงแฟชั่นโชว์ครั่งนี้เป็นการส่งท้ายสำหรับปริญญา (Bhs) ที่สเตลล่าได้รับร่วมกับเพื่อนนักศึกษาคนอื่น ๆ อีกประมาณ 71 คน 
 
 นางแบบที่มาเดินแฟชั่นของสเตลล่ามี 5 คน คือนาโอมิ แคมป์เบลล์, เคท มอสส์, ยัสมิน ลีบอน ทั้ง 3 คนเป็นสุดยอดนางแบบระดับโลก มีนางแบบอีกคนหนึ่ง จำชื่อไม่ได้และยุ้ยคนเดียวที่ยังเป็นน้องใหม่ของวงการและเป็นนางแบบเอเชียคนเดียวที่ได้ไปเดินแฟชั่นในงานนี้ ตื่นเต้นและดีใจมาก ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับสุดยอดนางแบบของโลกทั้ง 3 คน อย่างใกล้ชิด และได้เดินในคอลเลกชันของสเตลล่า ลูกสาวคนดังที่ใคร ๆ จับตามอง โดยเฉพาะสื่อมวลชน ทั้งยังเป็นการเดินแคทวอร์กครั้งแรกของยุ้ยด้วย ยุ้ยไม่เคยนึกว่าจะก้าวไปเร็วถึงขนาดนี้ แต่ยุ้ยก็พยายามทำให้ดีที่สุด เพราะนี่คือหน้าที่ที่ต้องทำ และจากหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ทำให้ยุ้ยมั่นใจว่าในชีวิตจะต้องมีอะไรใหม่ ๆ สนุก ๆ น่าตื่นเต้นเข้ามาอีกอย่างแน่นอน”
 


ยุ้ย รจนา เพชรกันหา


 เพราะจังหวะที่ดีของชีวิตรวมกันกับรูปร่าหน้าตา และความสามารถที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ที่ได้รับในระยะเวลาสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยคุณภาพ ความมีชื่อเสียงของเธอจึงก้าวสู่ความเป็นระดับสากล สร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศชาติ วงศ์ตระกูล และตัวของเธอเองเป็นอย่างยิ่ง

         “ตอนแรกครอบครัวของยุ้ยไม่สนับสนุน เพราะเขาคิดว่าวงการบันเทิงไม่ดี เขากลัวจะถูกหลอก คือครอบครัวยุ้ยยังมองวงการนี้ในภาพพจน์ที่ติดลบ แต่มาตอนหลัง ๆ เขาเริ่มรู้และเข้าใจมากขึ้น แต่คุณแม่ก็สอนอยู่ตลอดเวลาว่าให้รู้จักระวังตัว เมื่อดังแล้วขอให้เหมือนเดิม อย่าหยิ่ง อย่าลืมตัวให้เสมอต้นเสมอปลาย เคยเป็นอย่างไรก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ซึ่งตอนนี้คุณแม่ก็ดีใจที่ยุ้ยสามารถทำได้ ยุ้ยเองก็รู้สึกภูมิใจ ที่ได้ก้าวเข้ามายืนตรงจุดนี้ได้ จากการเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง แต่มีโอกาสที่ดี ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้ชีวิตส่วนตัวยุ้ยก็ยังเหมือนเดิม ยังเป็นคนที่เรียบง่าย มีแต่ในเรื่องของการทำงานเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ถ่ายรูป ถ่ายแฟชั่น เดินแบบ ถ่ายโฆษณา ถูกสัมภาษณ์ทำให้เราเป็นคนมีชื่อเสียงประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานสอนให้ยุ้ยเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้จักการวางตัวที่ดี ตอนอยู่เมืองไทยยุ้ยยังจับจุดไม่ได้ว่าจะทำอะไร หรือต้องดำเนินชีวิตอย่างไรบ้าง ยังเป็นแบบเด็ก ๆ อยู่ แต่เมื่อได้เข้ามาในวงการนี้ ชีวิตถูกพัฒนามากขึ้น มองโลกได้กว้าง และสิ่งที่สำคัญที่คิดอยู่เสมอก็คือยุ้ยอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่สาวไทยรุ่นใหม่ที่อยากจะก้าวเข้ามาสู่วงการนางแบบ
 
อยากเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู่ฝันฝ่าอุปสรรค์ เพราะยุ้ยถือว่าชีวิตคือการต่อสู้ ต่อสู้เพื่ออนาคตข้างหน้า ต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอุปสรรคกับเรา และที่สำคัญคนที่จะเป็นนางแบบหรือจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงจะต้องเป็นคนที่เปิดใจให้กว้างและมองโลกในแง่ดี เพราะถ้าทุกคนมองโลกในแง่ร้าย จะทำให้โลกของเราแคบลง และจะไม่ได้รับสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ยุ้ยคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิต ถ้าจะมองย้อนกลับไป ถ้ายุ้ยไม่ได้เข้าประกวด ยุ้ยก็คงไม่ได้รับสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตตัวเอง ยุ้ยก็คงยังมองโลกแคบ ๆ อยู่แค่วงเล็ก ๆ แต่เมื่อก้าวเข้ามาตรงนี้ ทำให้มีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น และได้พบสิ่งใหม่ที่มีคุณค่ากับชีวิตของตัวเอง แรก ๆ ที่ก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้ อุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของภาษา เพราะยุ้ยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย และต้องไปอยู่ต่างประเทศคนเดียว ทำอะไรเอง ทุกอย่าง ถึงแม้ว่าก่อนไปทางแทรฟฟิค แจมจะสอนบ้าง เกี่ยวกับคำศัพท์พื้นฐาน หรือคำที่สำคัญ ๆ ที่ต้องใช้สื่อสารในการทำงาน แต่มันก็เป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น
   
   อย่างไรก็ตามถึงแม้ยุ้ยจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่ช่างภาพหลาย ๆ คนบอกว่า ยุ้ยมีสื่อพิเศษที่สามารถสื่อกับกล้องได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถสื่อความหมายโดยไม่ต้องใช้คำพูด ทำให้ยุ้ยทำงานได้สบายใจมากขึ้น ปัจจุบันยุ้ยยังคงต้องฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของความสูงเมื่อเทียบกับนางแบบของเมืองนอก เขาจะสูงกันทุกคน แต่ถ้าเทียบกับเคท มอสส์ แล้วยุ้ยอยู่ในข่ายเดียวกัน เพราะเคทก็เป็นนางแบบที่ไม่สูง


ถึงแม้ว่าในถนนของงานในสายอาชีพนางแบบจะเป็นเป้าหมายสูงสุด และเธอได้ก้าวเข้าไปสู่ความสำเร็จในขั้นหนึ่งแล้ว แต่เธอยังคงเห็นความสำคัญในเรื่องของการศึกษาอยู่เสมอ


“ขณะนี้ยุ้ยต้องการหยุดการเรียนไว้ชั่วคราว จริง ๆ แล้วอยากจะเรียนให้จบ แต่โอกาสที่ดีสำหรับเรามาถึงแล้ว ยุ้ยเพิ่งจะเริ่มเข้าวงการนางแบบ ถ้าหากว่าทิ้งไปตอนนี้คงเสียดาย ยุ้ยคิดว่าทั้งการเรียนและการทำงานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญทั้ง 2 อย่าง แต่เราต้องแยกให้ได้ เพราะงานกำลังจะไปได้ดี มันเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่สามารถจะหาได้ในโรงเรียน ในขณะที่ทำงานเราได้พบผู้คนมากมาย ล้วนเป็นคนต่างชาติต่างภาษา และต่างวัฒนธรรม 
  

ตรงนี้ถือได้ว่าเป็นโรงเรียนแห่งชีวิต เมื่อไหร่ที่ยุ้ยปลดภาระหน้าที่ตรงนี้ได้ ยุ้ยจะกลับไปเรียนหนังสือต่อแน่นอน ยุ้ยยังพอใจและสนุกกับการทำงาน อยากจะอยู่ในวงการนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะเราชอบ และยังใฝ่ฝันที่จะเล่นหนังหรือร้องเพลงด้วย ซึ่งคงจะเป็นที่เมืองนอกมากกว่า ทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ตอนนี้จะพยายามทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”


           ปัจจุบันเธอยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับอาชีพนางแบบ และยังคงเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ในลอนดอน ในอนาคตเธอคิดว่ามีสิ่งที่น่าตื่นเต้นและโอกาสที่ดีรอคอยเธออยู่ที่นิวยอร์กและปารีส…อีกไม่นาน เราคงจะได้ยินเรื่องราวและภาพสวย ๆ ของเธอ โลดแล่นอยู่ในมหานครที่มีชื่อเสียงก้องโลกในวงการแฟชั่นเราขอเป็นกำลังใจให้สำหรับทุก ๆ ย่างก้าวที่มุ่งสู่ความสำเร็จของเธอ


 


ยุ้ย รจนา เพชรกันหา



ขอบคุณ thaimiss


เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม บันเทิงดารา


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์