บิ๊ก-ทองภูมิ แมนเต็มร้อย


ผู้กุมใจ 'เป้ย-ปานวาด'

กลายเป็นหนุ่มฮอตในเวลาชั่วข้ามคืน สำหรับ “บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์” หลังจากประกาศคบหาดูใจกับสาวสวยสุดเซ็กซี่ “เป้ย-ปานวาด เหมมณี” ก็ทำเอางานไหลมาเทมา นอกจากนั่งแท่นเป็นพิธีกรรายการ “ทูไนน์ไลฟ์” ทาง ช่อง 5 ของ บริษัท ย๊าค จำกัด แล้วล่าสุดก้าวขึ้นเป็นพระเอกเต็มตัวในหนัง“สามย่าน” ของค่าย ฟิล์ม อาร์ อัส ฮอตฮิตติดลมบน แถมหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้เราจึงไม่พลาดที่จะคว้าตัวมาคุย



ล่าสุดเห็นมีภาพหลุดไปญี่ปุ่นกับ  เป้ย เห็นภาพหรือยัง ?

   
จริงป่ะ (ทำหน้าตกใจ) รูปหลุดหน้าตาเป็นไง ยังไม่เห็นเลย เพราะเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วันเอง พอกลับมาก็ต้องรีบถ่ายหนัง สามย่าน และก็ทุ่มเวลาให้กับเรื่องเรียนเป็นหลัก ที่ผ่านมาข่าวค่อนข้างแรงก็ต้องรับมือดี ๆ ตอนนี้ก็ถือว่าตั้งรับได้ประมาณนึง เราพอรู้วิธีแก้ปัญหา



ข่าวเยอะ ให้กำลังใจกันยังไง ?


“ส่วนใหญ่ผมเป็นคนให้กำลังใจเขามากกว่า คือเหมือนกับจริง ๆ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป มันก็มีเหตุผล ข่าวมันก็ส่วนนึงก็เขียนเพื่อการค้าพาณิชย์ด้วย ตรงนี้ก็ยอมรับว่ามีความเป็นจริงอยู่ด้วย แต่ว่าภาษามันอาจถูกปรับเปลี่ยนไป ซึ่งบางทีก็มีองค์ประกอบหลายอย่าง เรื่องข่าวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น”
   
เป้ยแอบเมาท์ว่าตัวจริงบิ๊กโตกว่าอายุ ?
   
ก็ใช่แหละ เขาก็รู้ ก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไร จริง ๆ ไม่ใช่อะไรหรอก การแก้ปัญหาของผมมันเหมือนผู้ใหญ่มากกว่า เขาเลยมองว่าเป็นผู้ใหญ่ แต่จริง ๆ ผมก็มีมุมเด็กของผม มีมุมอ่อนแอ  แต่อ่อนแอมากไม่ได้ เพราะเราเป็นผู้ชาย อีกอย่างอ่อนแอไปแล้วไง มีใครมาสนใจละ (หัวเราะ) แต่ก็พอมีลูกอ้อนเล็ก ๆ”
   
พักหลังสวีทหวาน จนโดนกระแหนะกระแหนว่าหวานเว่อร์ ?
   
“ไม่เว่อร์หรอก จริง ๆ แล้วผมว่าไม่ได้หวานเว่อร์นะ เขาก็ไม่ค่อยหวาน ผมหวานกว่า  สำหรับความสัมพันธ์ ณ วันนี้เป้ยเขาบอกว่าเขาดูไปเรื่อย ๆ เวลาให้สัมภาษณ์ เมื่อเขาตอบยังงั้นผมก็คงต้องดูไปเรื่อย ๆ แล้วกัน ผมเต็มที่ทุกอย่าง ถามว่าคาดหวังมั้ย คาดหวังมาก เสียใจมาก ทุกวันนี้เลยเสียใจมาก เพราะคาดหวังมาก (หัวเราะ) ก็ไม่หรอก จริง ๆ เราเต็มที่มาก สมมุติมี 100 เปอร์เซ็นต์  ผมทำซะเก้าปลาย”
   
คบกันมาพักใหญ่ยังต้องปรับตัวกันอีกมั้ย ?
   
ต้องจูนครับ เพราะปกติคนส่วนใหญ่ชอบโปรโมชั่น มาถึงช่วงแรกเออออห่อหมกอะไรก็ได้ แต่ผมกับเขาช่วงแรกเหมือนพายุลง คือเวลาคนเราความคิดเห็นไม่ตรงกัน เริ่มคุยกันไม่เข้าใจ นี่แหละเป็นตัวที่ทำให้เกิดการแก้ปัญหาและจูนกัน แต่ถ้าวัน ๆ สดใสแฮปปี้ก็ไม่ได้จูน ผมกับเขาคบกันแรก ๆ ก็เป็นตัวของตัวเองกันเลย ซึ่งพอคบมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มจะรู้กันทั้งคู่ว่าเราเป็นยังไง
   
กดดันมั้ยคนจับจ้องคู่เราว่าจะรักหรือเลิก ?
   
“ไม่กดดัน เราไม่ค่อยกดดันกับคนอื่น แต่เรากดดันกับตัวเองมากกว่า อยากเจอทุกวันแล้ว  ยิ้มแย้มแจ่มใส เติมความรักแฮปปี้ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าด้วยไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ฝ่ายนึงอาจทำแบบนี้แล้วสบายใจ แต่อีกฝ่ายนึงทำแค่นี้พอแล้ว แล้วอีกฝ่ายจะทำยังไงล่ะ ถ้าได้แค่นี้จะไม่พอใจก็ต้องมานั่งคุยว่าตกลงเดี๋ยวเราจะทำอย่างนี้นะ แต่จริง ๆ แล้วสุดท้ายต้องรอเวลา คือ ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเยอะ ถ้าหากว่าระยะเวลาสั้น ๆ ปรับได้





เรื่องงานคนมองว่าเหมือนเป้ยช่วยดันให้บิ๊กได้เล่นหนัง  “สามย่าน” ?
   
ตรงนี้ไม่เคยซีเรียส เรื่องนี้เคยคุยกับเป้ยแล้ว เขาไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในสมอง ซึ่งผมก็ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในสมอง จริง ๆ ปกติเรื่องพวกนี้ผมกับเขาไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน ซึ่งผมจะรู้ใจเขาน้อย ผมเข้าใจว่าน้อย แต่ถ้าเทียบกับตัวเขา เขาบอกว่าผมรู้ใจเขาเยอะมาก แต่ผมรู้สึกว่าผมสามารถรู้ได้มากกว่านี้ ทำให้พอรู้แล้วเราจะรู้เลยว่าความรู้สึกเป็นยังไง นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกแบบที่พี่ถามว่าเต็มร้อยแค่ไหนแล้ว ผมก็อยากเข้าไปมากกว่านี้”


แล้วในหนัง “สามย่าน” บิ๊กรับบทเป็นใคร ?

ในเรื่องผมรับบทเป็น บิ๊ก บทที่ได้รับก็ไม่ใกล้และไม่ไกลจากความเป็นตัวเองซะเท่าไหร่ มีบางส่วนที่คล้าย ๆ อย่างเรื่องความรักมิตรภาพกับเพื่อน หรือตัวบิ๊กในเรื่องดูซีเรียสจริงจัง ตรงนี้ก็ใกล้เคียงกับตัวตนผมในบางมุม แล้วในย่านที่ผมเล่นจะมีความเป็นดราม่าเยอะกว่าส่วนอื่น ๆ ชีวิตจริงผมก็ไม่ได้เป็นคนตลกฮากลิ้งอะไรมาก จริง ๆ แค่ได้มาร่วมงานในหนังเรื่องนี้ผมก็ว่าคุ้มค่าแล้วครับ เพราะการได้มาร่วมงานกับคนเก่ง ๆ ในวงการหนัง อย่าง “พี่ต้อม ยุทธเลิศ” เป็นผู้กำกับที่ผมฝันอยากร่วมงานด้วย พอรู้ว่าได้ร่วมงานด้วยก็เลยดีใจ และพอได้ทำงานด้วยพี่เขาเป็นมืออาชีพมาก ๆ หรือการร่วมงานกับพี่หอยเป็นเรื่องสนุกสำหรับผม พี่หอยเป็นคนอารมณ์ดี แต่บทในเรื่องจะไม่ตลกก็ต้องกลั้นหัวเราะกันไป รวมถึงนักแสดงคนอื่น ๆ และทีมงาน ในเรื่องสามย่าน ทำงานกันสบาย ๆ ไม่กดดันในการทำงานด้วยกัน ถือว่าโชคดีของผมที่ได้เพิ่มพูนประสบการณ์งานแสดงหนังมากกว่า”

มีกระแสข่าวลือว่าบิ๊กน้อยใจที่เมื่อก่อนอาร์เอสทอดทิ้ง ?

น้อยใจมั้ย ผมว่ามันเป็นสิ่งที่เขา  คิดมาดีแล้ว เพราะอาร์เอสเป็นองค์กรใหญ่  สมองมากกว่าพันนะ ผมคิดว่าเขาฉลาดเพียงพอที่จะคิดหัวเดียว แล้วสิ่งที่เขาทำทุกอย่างล้วนมีการตัดสินใจและคิดมาอย่างดีแล้ว ผมไม่ถึงขั้นน้อยใจอะไร เพราะว่าผมก็มีหน้าที่ที่สำคัญคือเรียนหนังสือ จริง ๆ เรียนก่อน แต่ที่ผ่าน ๆ มาผมค่อนข้างเทคงานนะ แต่ตอนนี้ผมอยากให้ความสำคัญเรื่องเรียนด้วย เพราะว่าสุดท้ายแล้วมันก็มั่นคงอยู่กับชีวิตผมตลอด

แสดงว่าบิ๊กไม่ได้ยึดกับงานในวงการเท่าไหร่ ?

“ถ้าทางไหนดีกว่าเราก็อยากทำนะ แต่ตอนนี้เท่าที่ดูวงการบันเทิงและตัวผมเอง ผมว่าผมตอบไม่ได้จริง ๆ ผมไม่สามารถตอบได้เลย ถ้าวันนึงเขาไม่เอาผมเลย ผมจะเอาอะไรกินข้าว ฉะนั้นจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องมีวิชาชีพติดตัว คือเราก็อยากทุ่มเททำแหละ แต่งานในวงการบันเทิงไม่ได้เกิดจากเราเอง 100% แทบจะเกิดจากเขา และตัวเราเองเพียง 5% เพราะตัวเรามีหน้าที่แค่เล่นและแสดงตามบทบาทแต่คนที่เลือก ผมว่าน่าจะเป็นวิธี 100% ด้วยมั้ง คือคนที่เลือกคือเขา”

และนี่เป็นเพียงบางเสี้ยว บางมุมในความคิดของผู้ชายที่ชื่อ “บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์” ที่เราหยิบมาฝากกัน ด้านผลงานเรื่องล่าสุด “สามย่าน” ก็จะได้ฤกษ์เข้า พ.ค. นี้ เอ๊า...แฟนคลับจ้า...อย่าลืมไปเชียร์กันนะจ๊ะ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์