ชาคริต นาทีนี้แน่ใจหรือว่า เป็นต่อ ?

หลังจบเกมรักกับ จักจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข เมื่อฝ่ายชายออกมายอมรับว่าเลิกรากันจริง


เหตุการณ์ทั้งหมดเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เกินกว่าจะคาดคิด

"ผมรู้สึกว่าจั๊กจั่นเปลี่ยนไปครับ โดยหลังกลับจากเดินทางโชว์ตัวที่อเมริกา เริ่มเก็บตัว พูดคุยน้อยลง จากนั้นก็หอบเสื้อผ้าพร้อมทั้งถอดแหวนหมั้นฝากคืนที่แม่ ผมกับจั๊กจั่นไม่ได้พูดคุยติดต่อกันมา2สัปดาห์แล้ว

แต่ผมก็เข้าใจว่าตัวผมค่อนข้างจุกจิก มีดีเทลสูง ซึ่งแม่ก็ยืนยันว่าผมมีนิสัยอย่างนี้จริง หาคนทนอยู่ด้วยยาก ขนาดแม่ยังทนไม่ได้เลย

ผมยอมรับว่าผมรักผู้หญิงคนนี้มาก

ถึงแม้ว่าวันนี้ระหว่างผมกับจั๊กจั่นความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไป แต่ผมยังยืนยันว่าผมยังรักและเป็นห่วงน้องเค้าเหมือนเดิม ส่วนตอนนี้ผมยังไม่ใคร แต่สำหรับจั๊นจั่นแล้วผมไม่ทราบต้องไปถามน้องเค้าเองครับ " ........ทั้งหมดนี้คือปากคำของฝ่ายชาย




สิ่งที่ตามมาคือข้อกังขาในความเป็น สุภาพบุรุษ เนื่องจากความหมายเป็นนัยๆ นั้นบ่งบอกถึง


การ อยู่กินฉันท์สามี-ภรรยา คนที่เสียหายมากกว่าน่าจะเป็น....ฝ่ายหญิง ???

ก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปเรื่องของ วาทะ ในการให้สัมภาษณ์นักข่าว ชาคริต ไม่เป็นรองใคร

แต่ละครั้งหากเจอคำถามไม่สบอารมณ์ เป็นต้องเจอคำพูดแสบสันต์ ก่อนฟหน้านี้พระเอกหนุ่มเจ้าเสน่ห์เคยออกมาประกาศตั้งกฎเหล็กว่า

ถ้าเหยียบหัวผมไม่เป็นไร แต่ถ้าแตะหัวแม่ผมเมื่อไหร่เนี่ย เป็นเรื่อง ครั้งนั้นทำเอาคนเตรียมยื่นไมค์พากันกระเจิง หลักฐานมีอยู่ในแม็กกาซีนบันเทิงฉบับหนึ่ง แบบช็อตต่อช็อตว่า




ผมไม่เคยโกรธกับข่าวต่างๆ ที่ออกมา เพราะผมถือว่านักข่าว


ไม่ใช่คนอยู่รอบข้างตัวผม ข้อมูลที่เขาได้มา ผิดถูกยังไงมันก็มาจากคนอื่น ถ้าเขาถามเราแล้วเราไม่ตอบเขาก็ไม่มีวันรู้จักเราได้มากถึงขนาดนั้น ถึงแม้ตอบไปแล้ว เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เราก็จริงใจให้ได้มากที่สุด

เราก็ต้องตอบไปตามตรงว่าเราคิดยังไง เขาเรียกอะไรนะ ?..โกหกให้คนยิ้ม?.... มันไม่ดีน่ะ อยู่ดีๆ จะให้มานั่งแบบว่า ใครบอกอะไรดีหมด เราว่าดีด้วย มันไม่จริงน่ะ คืออะไรที่ถูกก็คือถูก อะไรที่ผิดก็คือผิด

คุณจะมามองผิดเป็นถูกมันก็ไม่ใช่ แต่ถ้าเกิดเราเรียนอยู่เมืองนอก ไม่ตัดสินใจเลิกเรียนต่อ ไม่เป็นนักแสดง เราคงไม่โดนด่าอย่างนี้มั้ง




คืออย่างนี้ กัน แค่นั้นเอง ไม่ชอบอะไรที่มันก้าวก่ายเรื่องครอบครัวผม


อย่างที่บอก ยูเขียนมาเล่นๆ เพื่อสนุกๆ เพราะคิดว่าตัวเองเขียนแล้วสะใจ แต่ในความเป็นจริง เฮ้ย ! วันนั้นผมตื่นมาตอนเช้า แม่ผมนั่งแบบน่าเครียด น้ำตาแทบร่วงนะ

ผมโกรธมากเลย สมมติถ้าผมไปทำอะไรเขา เอาเรื่องขึ้นมา ผมก็กลายเป็นสิ่งที่ผมเกลียด ผมก็ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย นึกออกมั้ย ก็เลยเลือกอยู่เฉยๆ




เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่จริง คือพ่อแม่น่ะห่วงลูกทุกคนแหละ แต่เขาไม่ได้อยู่ตรงนี้


เขาไม่เข้าใจน่ะ เห็นข่าวก็แบบ ?เฮ้ย..อะไรกันนักกันหนาวะ? จะอะไรกับผมคือได้ แต่อย่ามายุ่งกับแม่ผมเลย อย่ามายุ่งกับครอบครัว อะไรที่มันพาดพิง ไปก้าวก่ายหรือดูถูกครอบครัวผมโดยที่มันไม่เป็นความจริง ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง ถ้ามันทนไม่ไหวก็คงต้องเจอกัน เพราะว่าผมก็ไม่ใช่ว่าคนที่ดีอะไรนักหนา




...ชาคริต ปิดท้ายสั้นๆ


ข่าวที่ดีก็เขียนอย่างกับผมเป็นเจ้าชายมาจากไหน เขียนดีเกินไป ว่าเราดีเกินไปก็มีจนเราละอายว่า ?กูไม่ได้ดีถึงขั้นที่เขาเขียน? ( หัวเราะ ) อะไรอย่างเนี้ย มันก็มีน่ะ ผมถือว่าข่าวดีคือการที่ไม่ต้องมีข่าวน่ะง่ายสุด......


ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย...จะเสกสรรคำพูดให้สวยหรูดูดียังไงก็ได้ ....จริงมั๊ย หนุ่มคริต










แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ดาราเดลี่



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์