ไม่อยากมีคู่ควง แต่อยากมีคู่ครอง เก๋ ชลลดา เมฆราตรี

"ขอโชว์บ้าง"


ปล่อยให้รุ่นน้องโชว์หวิวแซงหน้าไปหลายคนแล้ว ล่าสุดดารานางแบบหุ่นผอมเพรียว "เก๋" ชลลดา เมฆราตรี ขอลุกขึ้นมาโชว์ภาพหวามสะท้านจิตใจให้ "ลาเบลล์ แม็กกาซีน" กันบ้าง ส่วนจะเซ็กซี่โดนใจกันแค่ไหน อันนี้ต้องแล้วแต่มุมมองส่วนตัวของแต่ละคน

แต่หากเป็นเรื่องของมุมมองความคิด ความรู้สึกทั้งต่อเรื่องงาน ความรักแล้วล่ะก็..."เก๋" ชลลดา พร้อมเปิดอกแบบเต็มๆ กับ "บันเทิง คม ชัด ลึก"...


คุ้ยข่าวเรื่องการงาน

ภาพออกมาเซ็กซี่แบบนี้ต้องใช้เวลาฟิตหุ่นหรือเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ไม่ได้ฟิตหุ่นเลย จริงๆ แล้วมีการพูดคุยกันมานานแล้ว ตอนนั้นเก๋อ้วนอยู่ แต่พี่เขาก็บอกว่าถ่ายได้ ดีกว่าตอนผอมๆ อีก ปกติเก๋เป็นคนดูแลตัวเองโอเวอร์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะผิวพรรณ หน้าตา รูปร่าง สวยด้วยวิทยาศาสตร์หลายอย่าง พวกสถาบันเสริมความงามได้เงินเก๋ไปเยอะมาก เพราะเก๋เป็นเด็กแก่แดด ดูแลตัวเองตั้งแต่อายุ 13-14 ปี กินวิตามินทุกอย่างตั้งแต่เด็ก


เพราะวาดฝันอยากมาเป็นดาราด้วยหรือเปล่า

ไม่ใช่เลย เพราะเก๋เป็นครอบครัวใหญ่อยู่กับพี่น้องเยอะแยะ พวกพี่ๆ เขาดูแลตัวเองเหมือนกัน และเก๋คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ได้ซื้อของแพงมากมาย เก๋เป็นคนใส่ใจรูปร่าง แต่ควบคุมเรื่องอาหารอยู่แล้ว กินเก่งมาก แต่ไม่อ้วน คือเก๋ชอบกินของหวานมากๆ แต่พออายุเลย 25 ปี ได้ใกล้ชิดกับพวกพี่ๆ นางแบบที่เขายังอยู่ดี เขาบอกว่าต้องมีวินัยในตัวเอง ก็เริ่มใส่ใจมากขึ้นอีก กินมังสวิรัติมา 9 ปีแล้ว เฉพาะวันอังคารซึ่งเป็นวันเกิดของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้กินของหวานแล้ว ทำจนเป็นวินัย และก็เลิกกินแป้งทุกชนิดในมื้อเย็น

พอเราปฏิบัติตัวแบบนี้ ทำให้เก๋ภูมิใจตัวเองเหมือนกันนะ เช้าตื่นมาดูตัวเองสดใสก็โอเค ใครว่าเราไม่สวยแต่เรามองตัวเองดูดีก็พอแล้ว เก๋อ่านหนังสือเรื่องสุขภาพเยอะมาก ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่จะยุ่งกับเรื่องตัวเอง (หัวเราะ) และครอบครัวเก๋เป็นครอบครัวคนจีน เก๋ก็ถามว่าทำไมคุณสาวถึงผิวดีจังเลย ก็เพราะเขาดูแลตัวเองมาแบบนี้เหมือนกัน ไม่รู้คุณแม่หลอกหรือเปล่า (หัวเราะ)


จะมีงานชิ้นใหม่ๆ ออกมาให้เห็นอีกไหม


อีกไม่นานนี้จะมีหนังเรื่อง "เดอะ เล็ตเตอร์ เขียนเป็น ส่งตาย" ของ พี่ป๋อง (กพล ทองพลับ) เป็นผู้กำกับ และมีรายการ "ตะลุยปาร์ตี้" เร็วๆ นี้จะมีพ็อคเก็ตบุ๊คของเก๋อีก แต่ไม่ได้แฉใครนะ เป็นเรื่องของเก๋ล้วนๆ เป็นเรื่องของผู้หญิงรักสวยรักงามมาก รายละเอียดเยอะสุดๆ ใครที่อยู่ใกล้ตัวเก๋ เก๋จะคอยใส่ใจยุ่งไปด้วย คุณแม่ คนใกล้ชิดทุกคนโดนหมด


มองตัวเองวันนี้เป็นดาราขึ้นหิ้งหรือมีชื่อเสียงแค่ไหน

ไม่เลย เก๋ไม่รู้จะเรียกตัวเองว่ายังไงดี ทำมาเกือบทุกอย่าง แต่ไม่เก่งเท่าไร (หัวเราะ) บินก็บินได้ไม่เหมือนนก ว่ายน้ำก็ไม่เก่งอย่างปลา


รู้สึกอย่างไรที่คนมักจะรู้จักเก๋จากเรื่องของข่าวมากกว่าเรื่องของงาน

มันเป็นช่วงมากกว่า ส่วนเรื่องที่คนจะมองว่าเก๋พูดเก่งจนเหมือนขายข่าวนั้น ใช่ เก๋เป็นคนพูดเก่ง ถามอะไรมาก็ตอบ แต่ถ้าไม่ถามก็ไม่คุยนะ เจตนาไม่ใช่แน่ๆ แต่อาจเพราะเก๋มีงาน มีข่าวมาตลอด เพราะเก๋ออกงานแสดงสินค้าเรื่อยๆ เจอคนโน้นคนนี้ อาจจะเป็นความโชคดีก็ได้ ที่มีคนประชาสัมพันธ์ให้โดยไม่ตั้งใจ แต่อาจเป็นดาบสองคมที่คนอาจจะมองว่าเก๋ขายข่าวด้วยก็ได้ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่เลย บางทีมันเป็นจังหวะมีงานและมีข่าวความรักอีก มันเลยเห็นข่าวออกมาเรื่อยๆ


แล้วที่ถูกมองว่าดังเพราะเป็นเพื่อน "ทาทา" อมิตา มาเรีย ยัง ล่ะ

ไม่เลยนะคะ เก๋ว่าเรื่องความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อน มันช่วยไม่ได้จริงๆ เรารู้จักกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่เขาเด็กๆ เก๋เป็นเพื่อนเขาทุกยาม ยามที่เขาไม่มีใครเก๋ก็อยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้ทาทามีปัญหามีเรื่องราวเข้ามาในชีวิตตลอด ณ วันนี้เขามายืนจุดนี้ได้ ดีใจกับเขาด้วยมากๆ ที่ฝันของเขาเป็นจริง ทาทาเป็นคนจริงใจอยู่แล้ว และพูดตรงๆ บางทีจะให้ไปออกเซอร์ไพรส์ตามรายการมากไป เก๋ก็ไม่เอา ต้องเอาตามความเหมาะสม

อย่างที่บอกว่าเก๋อยู่กับเขาทุกยาม ยามสุขเขาไม่ต้องมีเก๋ก็ได้ ณ วันนี้เขามีชีวิตการทำงานของเขา เก๋ไม่เคยก้าวก่าย ทาทาเป็นคนน่ารักมาก ช่วง 2-3 ปีก่อนที่เขามีข่าวไม่ดี เก๋ก็เป็นเพื่อนเขา อย่างช่วงที่เขาโดนกระแสอินเทอร์เน็ตโจมตีไม่ชอบเขา เขาก็บอกเก๋ ว่าไม่ต้องออกงานหรือไปไหนกับเขาก็ได้ เดี๋ยวเก๋จะโดนเกลียดไปด้วย แต่เก๋ไม่แคร์ บอกเขาว่าไม่ได้เป็นเพื่อนเพราะเธอเป็น ทาทา ยัง หรือเป็นคนดัง แต่เขาคือน้องสาว


แล้วมาถึงวันนี้ล่ะ วันที่ทาทากลายเป็นซูเปอร์สตาร์


ขณะเดียวกัน ณ วันนี้เขาอยากให้เก๋ไปด้วย เก๋บอกไม่ต้องก็ได้ เขาบอกว่าอยากให้เก๋อยู่กับเขาทุกตอน เรื่องแบบนี้มันหลากหลายนานาจิตตัง ได้แต่ทำใจ จะให้ทุกคนในโลกมารักทุกคนก็ไม่ได้ ไม่อยากให้ตีความสัมพันธ์ของคนเป็นเรื่องธุรกิจอย่างเดียว


วางอนาคตตัวเองไว้อย่างไร

ไม่คิดว่าตัวเองจะได้อยู่วงการนี้นาน เพราะวงการนี้ไม่แน่นอน มีขึ้นมีลง ขึ้นอยู่กับการทำใจด้วย แต่เก๋ไม่เคยยึดติด ช่วงหลังไปนั่งสมาธิด้วย ทำให้มองโลกเข้าใจขึ้น ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเก๋มีธุรกิจของครอบครัวอยู่แล้ว เก๋ไม่อยากให้คนมองว่าเรียนไปก็เท่านั้น เดี๋ยวก็มาทำธุรกิจที่บ้าน ไม่อยากให้มองแบบนั้นเลย ยังอยากทำงานตรงนี้อยู่เรื่อยๆ ตั้งใจว่าต้นปีหน้าจะค่อยๆ ผันตัวเองออกมา แต่ถึงเวลาจริงก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ มันเหมือนได้รับโอกาสแบบต่อเนื่อง


คุ้ยเรื่องรักกับผู้ชายชื่อ "หนึ่ง"

หัวใจล่ะอินเลิฟเลยล่ะสิ

ยังคงดีกันเรื่อยๆ คราวนี้เก๋ค่อนข้างซีเรียสเพราะวัยเราไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เพราะฉะนั้นคนต่อไปอยากให้เป็นคนสุดท้ายจริงๆ เก๋อยากให้ถึงวันมีข่าวดีจริงๆ แล้วค่อยบอกทุกคนพร้อมกัน กับหนึ่งเก๋รู้จักกันมาหลายปีแล้ว เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน ณ วันนี้อาจจะขยับจากความเป็นเพื่อนขึ้นมานิดหนึ่ง จากความเป็นเพื่อนเป็นพิเศษ

เขาเห็นเก๋มาตลอด วันหนึ่งด้วยความเป็นเพื่อนเราใส่ใจกันมากขึ้น เพิ่งเห็นความดีของกันและกัน (หัวเราะ) มันเป็นช่วงเวลาด้วยแหละ ความรักมันเป็นเรื่องของความลงตัวด้วย เวลาสำคัญมาก บางทีคนนี้ดีจังเลย แต่เวลาไม่ใช่


ต้องปรับตัวเข้าหากันเยอะไหม


จริงๆ แล้วไม่ต้องปรับเลย เพราะความที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน ไม่ต้องประดิษฐ์ บรรจง ไม่ต้องแต่งตัวสวยมาก สมัยก่อนจะไปเดทจะต้องทำสวยมากที่สุด แต่หนึ่งเขาเห็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะร้องไห้ โวยวาย เสียงดัง โทรมไม่ได้นอน เห็นหมดแล้ว อย่างสมัยก่อนเขาก็ไปรับไปส่งนะ เก๋มีแฟนเขาก็ยังเป็นเพื่อนสนิทที่ไปรับส่งเก๋ได้ เป็นคนใกล้ตัวที่ให้กำลังใจตลอด เป็นคนใจกว้าง เคยขับรถให้เก๋ไปเคลียร์กับคนอีกคนหนึ่งมาแล้ว หนึ่งเขาเป็นคนดีมาก ใจดีมาก วันหนึ่งข้างหน้าต่อให้หนึ่งไม่ใช่คนที่จะมาอยู่หรือใช้ชีวิตคู่กับเก๋ แต่เก๋ก็บอกเขาแล้ว ว่าฝากผีฝากไข้กับเก๋ได้ เจ็บป่วยก็จะไปดูแล ต่อให้ไม่ใช่ภรรยาก็ตามที


กับข่าวลือที่ว่าครอบครัวหนึ่งไม่ปลื้มเก๋

อันนี้ไม่จริงเลย คือไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี อย่างวันเกิดคุณพ่อหนึ่ง ("เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) หรือเขาไม่สบาย เก๋ก็ไปเยี่ยม จริงๆ เก๋ไม่อยากให้เล่นประเด็นนี้เลย ไม่รู้ข่าวออกมาได้ยังไง พอเริ่มเป็นข่าวเก๋ก็เริ่มเกร็งนะ เพราะคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงบันเทิงเขาไม่คุ้นเคยกับข่าวแบบนี้นะ


แล้วครอบครัวเก๋ต้อนรับหนึ่งได้ไหม

ยังเฉยๆ คือเรายังไม่เคยเจอกันแบบเป็นทางการ เก๋อยากจะบอกว่าเราไม่เริ่มต้นหวือหวาเหมือนคนอื่น อย่างคนอื่นมาจีบก็นัดกินข้าวเจอพ่อกับแม่ ใครที่เข้ามาในชีวิตต้องเจอครอบครัวก่อน แต่ของกรณีหนึ่งเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด อย่างตอนนี้ก็มีแอบเกร็งนิดหนึ่ง เพราะมันมีกรอบ มีสายตาคนรอบข้างจับจ้องอยู่ ทุกอย่างเหมือนมีหลายสายตามาช่วย มีกรอบ มีกฎเกณฑ์มากขึ้น อึดอัดเหมือนกัน เขาเองก็เขิน ไม่ชิน เก๋อยากให้เรื่องตรงนี้เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของครอบครัวมากกว่า


วาดฝันหรือมองเรื่องคู่ครองไว้อย่างไรบ้าง

จริงๆ แล้วเก๋ว่าความรักเป็นจิกซอว์ ที่ต้องการเติมเต็มและพอดี หลายคนบอกว่าเก๋เป็นคนตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่ในความเป็นจริงโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เก๋เปรียบชีวิตตัวเองเหมือนลอตเตอรี่ ซึ่งผ่านมาแล้วสามใบ ใบที่หนึ่งก็คือครอบครัว เก๋ค่อนข้างมาจากครอบครัวสมบูรณ์แบบพอสมควร ไม่ได้ร่ำรวย หรือว่าลำบาก สองคือการศึกษา เก๋มีการศึกษาค่อนข้างครบถ้วน สามคือเพื่อนมีคนเอ็นดู มีบริวารที่ดี ได้รับโอกาสดีๆ มาตลอด

ใบสุดท้ายก็คือชีวิตคู่ซึ่งต้องรอดู เพราะเก๋ไม่อยากมีคู่ควง แต่อยากมีคู่ครอง มีคนถามว่าอยากแต่งงานเมื่อไร เก๋อยากบอกว่าตั้งแต่มีแฟนคนแรกเก๋ก็อยากแต่งงานแล้ว เพราะเป็นคนจริงจังและซีเรียสกับเรื่องความรัก ถ้าไม่มีอนาคตร่วมกันอย่าเสียเวลาเลย คือการคบกันทุกอย่างต้องมาเท เพราะเรามาจากต่างสภาพแวดล้อม สังคม ซึ่งเราต้องไม่หวั่นไหวกับตรงนั้น เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ข้างเก๋ต้องเป็นคู่คิด คู่ครอง ไม่ได้สวยหล่ออย่างเดียว

จากนี้ไปก็ต้องคอยลุ้นกันดูว่า คู่ครอง อย่างที่ "เก๋" ชลลดา วาดหวังเอาไว้จะใช่ผู้ชายชื่อ "หนึ่ง" หรือเปล่า



แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์