“ไม่คิดเป็นตัวจริงตั้งแต่แรก” ความต่างของ “เป้”


“ไม่คิดเป็นตัวจริงตั้งแต่แรก” ความต่างของ “เป้”


เข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะ มือกีตาร์ แห่งวงเสลอ ในลุคหนุ่มผมฟู มาวันนี้หนุ่มมาดเซอร์ เป้อารักษ์ อมรศุภศิริ กลายเป็นพระเอกหนัง และพระเอกละคร ขวัญใจของหลายๆ คน และกำลังเป็นหนุ่มฮอตที่ถูกจับตามองในทุกๆ เรื่อง

 
นอกเหนือจากผลงานการแสดง ที่ดูจะขึ้นหม้อเหลือเกิน เรื่องราวความรัก ที่กำลังอินเลิฟกับหวานใจ ก้อยรัชวิน วงศ์วิริยะ ท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ นานา ทั้งข่าวรักล่ม หรือแม้แต่ข่าวว่าสาวก้อยมีคนในวงการมาจีบ รวมไปถึงหนุ่มเป้มีสาวคนใหม่ ก็ดูจะฮือฮาไม่แพ้กัน ลองมาหาคำตอบแบบเปิดอกคุยกับเป้กันเลย...

เรื่องงานในวงการบันเทิง


กับหนังเรื่องล่าสุด เฉือน
 เป็นผลงานที่มันมาก ตอนที่นึกภาพไว้ ก็คิดว่าเราน่าจะได้เล่นหนัง ที่ถึงพริกถึงขิงแบบโหดๆ กับเขาบ้าง เปลี่ยนตัวเองไปเลย สิ่งที่ยาก คือมันยากตอนเปลี่ยนตัวเองนี่ล่ะ เพราะเราไม่สามารถดึงภาพใหม่ของตัวเราออกมาได้ เพราะภาพเดิมเราเป็นคนปากหมา พูดมาก กลัวผี เซอร์ ติสต์แตก มันไม่มีภาพนักฆ่าอย่างในหนังเลย มันก็เลยต้องสร้างภาพขึ้นมาใหม่ ถือว่าเรื่องนี้ยากที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมาแล้วล่ะ

เล่นกับน้องใหม่
เจสซี่เจสสิกา ภาสะพันธุ์ เป็นอย่างไรบ้าง 
 “เขาก็เป็นนักแสดงใหม่ที่ฝีมือดีอยู่แล้ว  เป็นนักเรียนการแสดง เก่งกว่าผมอีก กับบทเลิฟซีนเราก็ทำไปตามหน้าที่ ในเรื่องต้องมี เพราะในเรื่องเราเป็นสามีภรรยา ก็ต้องมีเลิฟซีนโชว์ความรัก

กับฉากเลิฟซีนเทกเดียวผ่านเลยไหม

 “คือตอนซ้อมเราก็ไม่ซ้อมนะ เราแค่ซ้อมบล็อกกลิ้ง ว่ามันจะอย่างนี้ๆ แต่พอถ่ายก็มี 2 คัต คัตละเทกก็จบ”

แต่ภาพในหนังออกมาดูแรงมาก

 “ก็แน่นอน เขาอยากให้ดูแรง แต่ความจริงมันก็มีแค่นั้น คนเรามีอะไรกันก็ต้องมีฉากแบบนี้ แต่ด้วยความเป็นหนังมันเสนอได้แค่เท่าที่เห็น

แล้วเล่นเลิฟซีนแบบนี้ต้องขออนุญาต
ก้อยรัชวิน ก่อนไหม
 “ไม่ต้องขอหรอก เรื่องงานเราไม่ก้าวก่ายกันอยู่แล้ว”


ช่วงนี้หันมาเอาดีกับงานหนัง งานละคร แล้วงานเพลงจะมีให้ได้ฟังอีกไหม
 
 ตอนนี้เสลอกำลังปั่นชุด 3 กันอยู่  แต่ผมกำลังจะมีชุดเดี่ยว แล้วเดี๋ยวจะบอกอีกทีตอนที่จะออกอัลบั้ม กับวงเสลอก็คุยกัน ว่าจะทำให้ป๊อป ให้คนหมู่มากเข้าใจได้ เราจะได้มีเงินใช้กัน แล้วก็ทำให้เราชอบ ทำให้แปลกใหม่ ซึ่งก็ยากมาก ก็คงจะได้ฟังกันปีหน้า ปีนี้คงไม่ทัน”

แล้วงานละครล่ะ จะมีให้แฟนๆ ละครได้ชมอีกหรือเปล่า
 “จะมีปลายปี ของค่ายโพลีพลัส แต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่รับปากไว้แล้วว่าจะเล่น กับงานละครก็ติดใจนะ อยากกลับไปเล่นอีก แต่ยืนยันว่างานเพลงยังไม่ทิ้งแน่นอน”

 



“ไม่คิดเป็นตัวจริงตั้งแต่แรก” ความต่างของ “เป้”


เรื่องชีวิต

จากศิลปิน เป็นพระเอกหนัง พระเอกละคร ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม
 “เรียกว่าก็เปลี่ยนมาก เปลี่ยนจากสมัยตอนที่ยังเป็นนักดนตรีวงเสลออยู่  ตอนนี้ทำอะไรก็มีแต่คนสนใจ พูดอะไรผิดก็ซวย

เป็นที่สนใจของหลายๆ คน ยิ่งทำให้กดดันไหม

 “โอเค มันเหมือนเราได้ทำอะไรเพื่อตัวเอง มันก็ดีกว่าทำงานออฟฟิศ เพราะเป็นงานที่เราสนุกกับมัน สมมติเราไปเล่นหนัง เล่นละคร เล่นคอนเสิร์ต เราก็แฮปปี้ทุกครั้งที่เราได้ไป ผมไม่ต้องแหกตาตื่น เพื่อจะมาทำอะไรที่เราไม่ชอบ”

เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะมาเป็นพระเอก

 “ไม่เคยคิดเลย ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กที่โตมาจากสังคมธรรมดา แต่ว่าแนวๆ หน่อย แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาเป็นพระเอก”

แล้ววันนี้ได้เป็นพระเอก รู้สึกอย่างไร

 “มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ผมได้ท่องเที่ยวไปที่ต่างๆ ผมได้เจอคนมากมาย เรื่องดีๆ ทั้งนั้น ชีวิตก็เปลี่ยนไปเยอะ จากหน้ามือเป็นหลังเท้า แต่เป็นหลังเท้าที่ขาวสะอาดมากๆ เพราะเจอสิ่งดีๆ ทั้งหมดคือไม่มีเรื่องแย่ๆ มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ญาติที่หายไปก็กลับมาหาเรา เพื่อนๆ ที่จำไม่ได้ก็กลับมา

ในชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปด้วยไหม

 “ไม่ค่อยเปลี่ยนนะ ก็ปกติ แต่บางทีเราก็ต้องเซฟตัวเอง เพราะบางสถานที่เราไปไม่ได้แล้ว สมมติเราจะไปเดินจตุจักรเหมือนเมื่อก่อนมันก็ยาก ก็เลยไม่ค่อยได้เดิน ถามว่าอึดอัดไหม ไม่นะ ก็ต้องแลกกัน เวลาเรามีชื่อเสียง คนสนใจเรามากขึ้น เราก็ทำงานได้มากขึ้น มีผลงานมากขึ้น ผมว่ามันก็เป็นธรรมดา”

ตอนนี้คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงโด่งดังแล้วหรือยัง
 “บางคนอาจจะไม่รู้จัก ก็ไม่แปลกอะไร ผมก็ไม่ได้ดังอะไรมาก เล่นละครแค่เรื่องเดียว”
 

หลายคนบอกว่าอยู่วงการนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย

 “สิ่งที่ได้มาคือชื่อเสียง เงินทอง คนดีๆ ที่เราได้รู้จักที่เราได้ร่วมงานด้วย สิ่งที่เสียไปคือความเป็นส่วนตัวล่ะมั้ง ถามว่าความเป็นส่วนตัวหายไปเยอะไหม ก็ไม่เยอะนะ เพราะผมก็ยังมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวอยู่”

บางคนตั้งคำว่าพระเอก ต้องเพอร์เฟกท์ทุกอย่าง

 อันนี้คงไม่ใช่ คงต้องตัดไป คือผมเป็นพระเอกในรูปแบบของผม พอพูดถึงพระเอกมันก็จี๊ดใจเหมือนกันนะ (หัวเราะ) คือความจริงผมไม่ใช่พระเอกขนาดนั้น เป็นนักแสดงแล้วกัน ผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ถึงขนดนั้น อย่างคำว่าพระเอกต้องเป็นรุ่นใหญ่ ต้องเนี้ยบ ซึ่งผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็ตลก เฮฮา ติงต๊องไปวันๆ

วางแผนการทำงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง

 “คือถ้าอยู่ได้นานก็อยากอยู่นาน แต่ว่าก็เตรียมใจไว้แล้ว เพราะผมไม่คิดว่าเป็นตัวจริงตั้งแต่แรก เพราะด้วยหน้าตา หรือว่ากายภาพ ทั้งเรื่องคำพูด ผมไม่คิดว่าจะใช้ชีวิตกับมันในจุดสูงๆ ได้นาน ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของอาชีพแล้วล่ะ เหลือแต่ว่าจะอยู่ระดับนั้นได้นานแค่ไหน หรือจะลงเร็วแค่ไหน แต่ก็พยายามทำให้มันดีที่สุด พยายามจะเลือกงานคุณภาพ ตั้งใจทำงานทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด ที่จะทำให้เราอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยเรื่องข่าวฉาว”

แสดงว่าไม่อยากให้คนมองในเรื่องข่าวมากเกินไป

 “ผมเลือกไม่ได้  คือตอนนี้ผมชินไปแล้ว ผมไม่ติสต์ไง ถามยังไงก็ตอบได้หมด ถ้าข่าวทำให้เขาได้ทำงาน แล้วเราก็มีพลังที่จะตอบได้ก็ตอบ

ความโด่งดังมาคู่กับข่าวฉาว
 “ผมชินแต่บางทีเราก็ต้องระวังตัวมากขึ้น เรื่องเที่ยวเราก็ไปเต็มที่ ก็ไม่สนใจ อยากไปก็ไป แต่มันทำให้ผมเข้าใจ ว่าทำไมดาราต้องใส่แว่น เพราะว่ามันแสบตา ไม่เกี่ยวกับอำพรางตัว ผมว่ามันช่วยไม่ได้ หรือทำไมดาราต้องไปที่ส่วนตัว สถานที่แพงๆ เพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัวจริงๆ”
 

คิดว่าส่วนหนึ่งข่าวก็ทำให้เรามีชื่อเสียงไหม

 มันเป็นเรื่องของการเกาะกระแสมากกว่า ถ้ามีข่าวก็มีกระแส ก็เลี่ยงไม่ได้ ผมก็ไม่อยากมีข่าวนะ ถ้าผมอยากจะให้พี่นักข่าวถาม ก็อยากให้พี่ถามเรื่องหนังมากกว่า แต่ผมเข้าใจ ผมยังชอบอ่านข่าวคนอื่นเลย (หัวเราะ) แล้วผมจะเลี่ยงให้พี่นักข่าวถามเฉพาะเรื่องงาน  ก็คงเป็นไปไม่ได้ คือพี่นักข่าวเขาก็ต้องการงานของเขา เพื่อให้หนังสือขายได้ เพื่อให้คนอยากดูทีวี”



“ไม่คิดเป็นตัวจริงตั้งแต่แรก” ความต่างของ “เป้”


เรื่องราวความรัก 

กับความรักตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง 
 “ก็ดี ตอนนี้ก็คบกันมา 2 ปีกว่าแล้ว ก็เจอกันเกือบทุกวัน มันไม่ใช่เรื่องเจียดเวลาหรอก แต่เป็นอะไรที่อยากเจอกันอยู่แล้ว”

แต่ข่าวคราวเรื่องมือที่สามมีออกมาตลอด จนมีกระแสข่าวออกมาว่าเลิกกันแล้ว ข่าวแบบนี้ทำให้บั่นทอนความรู้สึกบ้างไหม

 “ไม่ค่อยบั่นทอนหรอก แต่ว่าผมจะบอก ว่าไม่จำเป็นต้องโฟกัสอะไรกันมาก เพราะผมกับก้อยอายุ 25-26 ไม่ใช่ว่าจะอยู่กันจนตายซะหน่อย ไม่รู้เลยว่าจะแต่งงานกันหรือเปล่า  คนอื่นเขาซีเรียสกันไปเอง ผมน่ะเฉยๆ”
 

มีพูดคุยเรื่องข่าวกันบ้างไหม
   
 “คุยกัน แต่ก็ขำๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับมันแล้ว บางทีก็มีคิดว่าคนสร้างข่าวขึ้นมา เพื่อให้เรารักล่ม แต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นสายงานของนักข่าวอยู่แล้ว เขาก็ทำงาน” 
 

เคยเบื่อกับข่าวจนไม่อยากอยู่วงการนี้แล้วไหม

 “ไม่...มันยังห่างไกล ความดีกับความไม่ดี  มันห่างไกลกันเยอะมาก ความดีของวงการนี้มันเยอะกว่า แค่ข่าวแป๊บเดียวมันก็ผ่านไป  เราก็ไม่ต้องสนใจมาก ข่าวกับชีวิตจริงมันแยกกันนะ  ข่าวไม่ได้ทำให้กระทบกับตัวเรา” 

เจอข่าวคราวต่างๆ ยิ่งทำให้คู่รักของเราเข้มแข็งขึ้นไหม

 ผมเฉยๆ แล้ว ตอนนี้คือผมไม่สนใจแล้วข่าว แต่ถามคู่เราดีกว่า ว่าเฮ้ย...จริงหรือเปล่า ไม่จริงก็โอเค ก็เข้าใจ เราก็ไว้ใจกัน ผมไว้ใจก้อย  ผมเชื่อใจก้อย ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยเชื่อใจอีกฝ่ายก็เถอะ แต่ผมก็เชื่อใจก้อย (เอ๊ะยังไง)”

คบกันมา
2 ปีกว่า วางแผนอนาคตร่วมกันบ้างหรือเปล่า
 “ไม่มีเลย ไม่ได้สร้างรากฐานร่วมกันเลย ตอนนี้ทำงานอย่างเดียว จนไม่มีเวลาคิดอะไร ผมคิดแค่ว่าผมอยากทำงานตรงนี้ให้มันๆ ที่สุด ผมทำหลายอย่าง เล่นหนัง เล่นละคร แล้วก็กำลังทำอัลบั้มด้วย ตอนนี้ผมเลิกเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนแล้ว ทำงานดีกว่า”

 
อะไรที่ทำให้เป้คบกับ ก้อยรัชวิน มาถึง 2 ปี
 คงเป็นเหมือนเพื่อนกันมากกว่า ก้อยเข้าใจในเรื่องงานทุกแบบ สมมติผมแต่งเพลงขึ้นมา ผมก็สามารถให้ก้อยฟังก่อนได้ ก้อยก็คอมเมนท์ได้ ดูหนังก็ไปดูด้วยกันได้  ไปเที่ยวก็เที่ยวแบบเดียวกันได้ ไลฟ์สไตล์เดียวกัน แต่นิสัยคนละแบบ
 ชัดมั้ยจ๊ะ...สาวๆ  
 



เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ


เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ


เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ


เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์