เจี๊ยบ ต้อง สวยอย่างมีคุณค่า

จบลงอย่างสวยงาม

และเป็นไปตามความคาดหมายกับเวทีนางสาวไทย ปี 2549 ที่ได้นางสาวลลนา ก้องธรนินทร์ หรือเจี๊ยบ สาวสวยนักเรียนแพทย์ ปี 1 มหาวิทยาลัยมหิดล วัย 18 ปี เป็นเจ้าของมงกุฎอันทรงเกียรติ และเป็น "เพชรเม็ดงาม" เม็ดที่ 42 ที่จะมาทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เผยแพร่ขนบธรรมเนียนประเพณี วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก

เจี๊ยบไม่เพียงแต่คว้าตำแหน่งสูงสุดมาครอง

แต่ "ว่าที่แพทย์หญิง" คนนี้ เอาชนะสายตาคณะกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์ กับ "ทริปเปิ้ลแชมป์" ทั้งตำแหน่งนางสาวไทย ตำแหน่งขวัญใจประชาชน และตำแหน่งขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ซึ่งทั้ง 3 รางวัลนี้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ พ่อ-นายสุเทพ ก้องธรนินทร์ เจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมเหล็ก แม่-นางวินิตตา ก้องธรนินทร์ เจ้าของรายการโทรทัศน์ภาษาอังกฤษช่อง 11 รวมทั้งพี่ชายและน้องสาวเป็นอย่างมาก

ส่วนสาวเจี๊ยบเองก็ภูมิใจ

และดีใจกับตำแหน่งที่ได้ไม่แพ้กัน แถมยังไม่ลืมหยอดคำหวานขอบคุณคณะกรรมการ สื่อมวลชน และประชาชนที่ทำให้เธอคว้าตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้มาได้

เจี๊ยบมาประกวดนางสาวไทย

"เพราะอยากสานฝันของแม่ เพราะสมัยแม่สาวๆ แม่อยากเป็นนางสาวไทย แล้วตอนนี้เจี๊ยบทำความฝันของแม่เป็นจริงแล้ว"

จากคติประจำใจ

"ทำให้ดีที่สุด" ทำให้สาวสวยนิสัยร่าเริง นิสัยซนๆ จนได้ฉายาจากเพื่อนนางงามและพี่เลี้ยงในกองประกวดว่า "เจี๊ยก, ลิงกี้" เป็นคนตรงไปตรงมา มีเหตุผล รักการใช้ชีวิตเรียบง่าย มั่นใจในตัวเอง และฝันอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก เดินเข้าใกล้ "ความฝัน" ของตัวเองเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งความฝันของเธอคือ การช่วยเหลือคน

ตอนเด็กๆ เจี๊ยบอยากเป็นหมอฟัน

"แต่หลังจากที่ได้ฝึกงานที่โรงพยาบาลใกล้ๆ บ้านตอน ม.6 เจี๊ยบเห็นคนป่วยกว่า 200 คน นั่งรอหมอที่มีอยู่แค่ 2 คน รู้สึกเห็นใจมาก แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เจี๊ยบจึงอยากเป็นหมออายุรกรรมรักษาผู้ป่วยเพื่อที่จะช่วยคนไข้เหล่านี้ ในอนาคตวางแผนว่าจะเปิดฟรีคลีนิค ช่วยคนป่วยที่ไม่มีเงิน และเมื่อเจี๊ยบได้ตำแหน่งนางสาวไทย ตำแหน่งนี้อาจจะเป็นสะพานช่วยทำให้เจี๊ยบช่วยคนได้ง่ายขึ้น"

เพราะมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย

เงินรางวัลที่ได้จากการประกวดครั้งนี้ นอกจากเจี๊ยบจะตัดเค้กส่วนแบ่งให้กับคุณพ่อคุณแม่ และเป็นทุนการศึกษาให้กับตัวเองแล้ว อีกส่วนหนึ่งเธอก็จะนำไปเป็นเงินช่วยเหลือกับผู้ป่วยอนาถาตามโรงพยาบาลต่างๆ

หลังจากได้ตำแหน่ง นางสาวไทยคนล่าสุดบอกว่า

จะตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทั้งการเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจะช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวในภาคใต้เป็นพิเศษ เพื่อให้ชาวต่างชาติกลับมาเที่ยวเมืองไทยเยอะเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ โดยประชาสัมพันธ์ว่าสถานที่ท่องเที่ยวในภาคใต้กลับมาสวยเหมือนเดิม และปลอดภัยแล้ว