เบี้ยวหนี้..ทำไม?ต้องเป็น?สรยุทธ?

สรยุทธ สุทัศนะจินดาคือพิธีกรที่ ดังที่สุดและรวยที่สุดของประเทศ..ในตัวของ สรยุทธจะมีอยู่ 2 ภาคด้วยกัน


คือเป็น กรรมกรข่าว รับจ้างทำหน้าที่เป็นพิธีกรให้รายการข่าวตามสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และ โมเดิร์นไนน์

เรื่องเล่าเช้านี้ และ ถึงลูกถึงคน มีรายได้เป็นเดือน รายการแรก สรยุทธมีรายได้ประมาณ 4 แสนกว่าบาทต่อเดือน ส่วน ถึงลูกถึงคน เขาจะได้รับเป็นค่าตอน เดือนหนึ่งฟันจาก 2 รายการไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนบาท แค่ 2 รายการนี้ สรยุทธก็รับเงินเข้ากระเป๋าเหนือกว่าพิธีกรคนอื่น


ภาคที่ 2 สรยุทธ เป็นเจ้าของธุรกิจเอง มีตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท


ถึง 2 แห่ง บริษัทแรก ไร่ส้ม เจ้าของรายการ คุยคุ้ยข่าว ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 3 ทุ่มครึ่งถึง 4 ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ เวลาเที่ยววัน ถึง บ่ายโมง

อีกบริษัท..ชัดถ้อยชัดคำ รับงานอีเวนท์ ผลิตรายการทีวี สารคดี และ ดูแลคิวส่วนตัวของ สรยุทธ ที่ไม่เกี่ยวการทำหน้าที่ประจำ พิธีกรข่าวใน 3 รายการ
เป็นเรื่องน่าแปลกอย่างหนึ่งคือ ทุกรายการที่ สรยุทธเป็นพิธีกร เรทติ้ง โดนหมด ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเล่าเช้านี้,ถึงลูกถึงคน รวมทั้ง คุยคุ้ยข่าว ที่แปลกกว่านี้ เขาเป็นพิธีกรข่าวคนเดียว ที่มีแฟนคลับติดตามแบบเกาะติดจำนวนมาก หลายรุ่น หลายวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่วัยเกษียณ มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง มีพ็อกเกตบุ๊ก มีจดหมายส่งไปถึงเขา เดือนละไม่ต่ำกว่า 2 พันฉบับ


ดาราหลายคนที่ว่าดังๆ ถ้ามองในมุมของรายได้ และ ความมีชื่อเสียง


ยังด้อยกว่า สรยุทธหลายขุม จึงไม่ผิดที่มีคนบอกว่า เขาเป็นยิ่งกว่า ซูเปอร์สตาร์ ทั้งๆที่เป็นแค่คนอ่านข่าว เป็นพิธีกรข่าว ไม่ได้เล่นหนัง เล่นละครแต่อย่างใด?

สังคมบ้านเรา เมื่อเห็นใครมีชื่อเสียงขึ้นมา และร่ำรวยมาจากสัมมาอาชีพ ไม่ได้ปล้นใครมา ก็มักจะมีเจ๊อิด หรือ คนอิจฉาตามมารังคราญ..คำว่า สรยุทธ เบี้ยวหนี้จึงเป็นกระแสที่กำลังได้รับการพูดถึง เป็นกระแสที่หลายฝ่ายต้องการเอาประโยชน์จากเขาทั้งสิ้น


คุยคุ้ยข่าวค่าโฆษณานาทีละ 2.4 แสนบาทในวันธรรมดา


มีเวลาโฆษณาประมาณ 5 นาที ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เรทโฆษณานาทีละ 2 แสนบาท แต่มีเวลาโฆษณาทั้งสิ้น 10 นาที เพราะออกอากาศ 1 ชั่วโมงเต็ม หักส่วนลดลูกค้าประจำ ประมาณ 20%..ต่อสัปดาห์จะมีรายได้เกือบ 100 ล้านบาท

โมเดิร์นไนน์คือสถานีทีวีที่ใช้หลักเกณฑ์ ไทม์แชริ่ง..ไทม์แชริ่งหมายถึง สถานีให้ผู้จัดรายการเข้ามาผลิตรายการ โดยที่ผู้จัดไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานี แต่สถานีจะแบ่งเวลาขายโฆษณากับผู้ผลิตรายการคนละครึ่ง

ต่างคนต่างขาย ได้เงินมาก็เอามากองรวมกัน แล้วแบ่ง 50:50 ระหว่างสถานีกับผู้ผลิตรายการ


เวลาทั้งหมดก็ใช่ว่าจะขายได้เกลี้ยง


ยังมีเวลาเหลือ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับ สถานีมากกว่าผู้จัด เวลาส่วนเหลือ ในธุรกิจสื่อทีวีเรียกว่าการเหลื่อมเวลา..ซึ่งผู้จัดสามารถมาซื้อเวลาที่เหลือต่อจากอสมท.ได้ในราคาส่วนลด 30% เพื่อนำไปขายต่อ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย


แทบจะทุกรายการของ โมเดิร์นไนน์ เรทติ้งไม่ได้ขี้ไก่ ส่วนใหญ่กระแสดี แต่ทำไมพนักงานอสมท.ไม่สามารถขายเวลาได้หมด มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เลยลุกขึ้นมาตรวจสอบ โดยตั้งกรรมการเป็นเรื่องเป็นราว พอตรวจไปตรวจมาก็พบว่า ไร่ส้มค้างค่าโฆษณาในรายการ คุยคุ้ยข่าว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2549-มิถุนายน 2549 เป็นจำนวนเงิน 98 ล้านบาท หักส่วนลดตามสัญญา 30% รวมเป็นเงิน 69 ล้านบาท


เงินจำนวนนี้ สรยุทธ แจ้งต่ออสมท.ว่า


จะดำเนินการชำระ โดยแบ่งออกเป็น 3 งวด..จะจ่ายยังไงแบบไหน อย่าไปใส่ใจในรายละเอียด เพราะไร่ส้มแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับอสมท.เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ เบี้ยวหนี้

คำว่า เบี้ยวหนี้ หมายถึงคนที่ เป็นหนี้ มีเจตนาที่จะไม่ชดใช้หนี้คืน..แต่สรยุทธไม่เป็นยังงั้น เขาแสดงความปรารถนาที่จะชดใช้คืน ถ้าหากตรวจสอบว่า ผิดจริง แล้วจะกล่าวกาว่าเขา เบี้ยวหนี้ได้อย่างไร?


ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่รายการ คุยคุ้ยข่าวรายการเดียวที่เกิดกรณีนี้ขึ้น


แต่มีหลายรายการ แต่กระแสนี้ทำไม?ถึงพุ่งตรงไปที่ สรยุทธคนเดียว เหมือนกับมีเจตนาอะไรแฝงอยู่เบื้องหลัง ไม่มีใครพูดถึงรายการอื่น ซึ่งอาจจะหนักกว่ารายการของ สรยุทธก็ได้

การตรวจสอบเบี้ยวหนี้หรือไม่เบี้ยวหนี้ เป็นอำนาจของฝ่ายบริหารอสมท.ที่มีผู้อำนวยการ มีบอร์ดดูแลอยู่แล้ว แต่ประเด็นกลับลุกลามออกมาข้างนอก แถมฝ่ายการเมืองยังกระโดดเข้ามาร่วมด้วย สร้างเครดิตให้ตัวเอง ด้วยการให้ สรยุทธเป็นแพะรับบาปคนเดียว

ความรวยและความดังของ สรยุทธแม้จะมีส่วนอยู่บ้างที่มาจากต้นทุนต่ำ ซื้อหนังสือพิมพ์ไม่กี่ตังค์ แต่มีรายได้ต่อปี 300 ล้านบาท อาจไม่สมน้ำสมเนื้อ..แต่สรยุทธก็ไม่ได้รวยเพราะโกงใคร? ไม่ได้ ดัง เพราะเอาคนอื่นเป็นสะพาน


แหล่งที่มา: Daradaily


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์