พิงค์กี้ สาวิกา สาวน้อยร้อยความสามารถ


ประสบความสำเร็จจากหนังเรื่อง "หลวงพี่เท่ง" จนได้ฉายานางเอกร้อยล้าน มาวันนี้นางเอกชื่อดัง "พิงค์กี้" สาวิกา ไชยเดช กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง ในบทบาทของนักร้องสาวลูกทุ่ง จากละครเรื่อง "สาวน้อยร้อยล้าน" ทางช่อง 7 สี

ฮอตซะขนาดนี้ "คม ชัด ลึก" เลยคว้าตัวนักแสดงชื่อดัง มานั่งสนทนากันอย่างหมดเปลือก ขณะที่เธอกำลังถ่ายแบบชุดวิวาห์ให้กับนิตยสาร กุลสตรี ที่จะวางแผงในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งได้พูดคุยกับเธอ ถึงเรื่องราวการทำงาน เรื่องส่วนตั๊ว...ส่วนตัว รวมไปถึงเรื่องราวความรัก ที่หลายคนอยากรู้ ลองมาค้นหัวใจของเธอดูกัน


เริ่มต้นที่เรื่องงาน


กระแสตอบรับจากละครเรื่อง "สาวน้อยร้อยล้าน" เป็นอย่างไรบ้าง

กระแสตอบรับดีมาก ถือว่าประสบความสำเร็จ ไปไหนมาไหน ก็จะมีคนพูดถึง มีแฟนละครเยอะมากเลย ส่วนใหญ่เขาก็บอกว่าชอบ ก็มีคนชม ว่าเรื่องนี้เล่นเก่งขึ้น บางคนก็ชมว่าร้องเพลงเพราะดีนะ จริงๆ ตัวกี้ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองร้องเพลงลูกทุ่งได้ดีมากหรอก แต่ก็พอใจในระดับหนึ่งที่มีคนดูชอบผลงานที่เราเล่น อย่างพวกกะเทยเขาก็ชอบนะ จะบอกว่าชอบนางเอกที่สู้คน สำหรับละครเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าตัวเองเล่นดีขึ้นนะ มีการพัฒนาขึ้น อย่างเรื่องนี้มีบทร้องไห้เยอะ ก็สามารถร้องได้ เพราะเรารู้สึกอินกับบท


กลายเป็นนักร้องลูกทุ่งแบบนี้ มีค่ายเพลงติดต่อมาให้ออกอัลบั้มบ้างหรือเปล่า

ก็มีนะ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไรเขาไป เพราะตอนนี้ อยากเล่นละครมากกว่า จริงๆ ก่อนหน้านี้ มีค่ายเพลงทาบทามให้เป็นนักร้องนานแล้ว แต่อย่างที่บอก ว่าเราอยากทำงานด้านการแสดงไปก่อน ส่วนเรื่องร้องเพลงนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป





แสดงว่าตอนนี้ก็มีงานโชว์ตัวร้องเพลงติดต่อเข้ามามากมาย

ค่อนข้างเยอะนะ ตอนนี้คิวยาวไปถึงเดือน พฤศจิกายนแล้ว ซึ่งคุณแม่ก็จะดูคิวให้ ตอนนี้ก็เตรียมตัวนิดหนึ่ง เพราะเดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหว


ติดใจการร้องเพลงลูกทุ่งหรือยัง

ลูกทุ่งก็สนุกดี ได้เต้นมันดี เป็นคนชอบเต้นอยู่แล้ว ถามว่าติดใจ จนอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งเลยหรือเปล่า กี้ว่าถ้าเราเกิดมาพ่อแม่สอนมาให้เป็นลูกทุ่ง หรือเก่งทางด้านนี้โดยเฉพาะ กี้ก็คงจะร้องเพลงลูกทุ่งไปแล้วล่ะ แต่นี่ไม่ใช่ กี้ชอบร้องเพลงฝรั่งมากกว่า เพลงลูกทุ่งไม่เก่งพอ แต่ถ้าให้หัดสักพัก ก็เชื่อว่า น่าจะทำได้นะ


แล้วตอนนี้มีงานอะไรบ้าง

มีละครเรื่อง "ธิดาซาตาน" เรื่องนี้ได้เล่นกับพี่น้ำ (รพีภัทร เอกพันธ์กุล) ทำงานกับพี่น้ำก็สนุกดีนะ จริงๆ ในเรื่องนี้จะมีนักแสดงที่ร่วมเล่นหลายคน แต่คนที่ชอบแกล้งกี้มากที่สุด ก็จะเป็นพี่น้ำ เขาจะชอบอำ ถามว่ากลัวเป็นข่าวกับพี่น้ำมั้ย จริงๆ ก็กลัวนะ (หัวเราะ) แต่คิดว่าไม่มีอะไรหรอก บุคลิกพี่เขาเป็นแบบนั้นเป็นคนสนุกสนาน คุยเก่ง กี้รู้จักเขาตั้งแต่เขายังไม่เข้าวงการ ก็เลยสนิทกัน





ได้ข่าวว่าหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง "บางกอก แดนเจอรัส" ของ นิโคลัส เคจ เรียกให้ไปคัดเลือกนักแสดง

มีโอกาสได้แคสติ้งหนังฮอลลีวู้ดมา แต่อาจจะเป็นเพราะหน้าตา หรือคาแรคเตอร์ของเราไม่ตรงใจเขามั้ง ก็เลยพลาดโอกาสที่จะได้เล่น ตัวละครที่ไปแคสติ้ง จะต้องเป็นสาวเซ็กซี่ ต้องแสดงท่ายั่วยวนตัวละครที่พี่ชาคริต (ชาคริต แย้มนาม) เล่น ถามว่าเสียดายโอกาสหรือเปล่า กี้ไม่เสียดายนะ เพราะอะไรที่มันไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่ คิดว่าอนาคต ก็ยังมีโอกาสอีก


ทำงานเยอะแบบนี้มีเวลาแบ่งให้เรื่องเรียนอย่างไรบ้าง

กี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนมาก เราจะไม่ทิ้งเรื่องการเรียนเด็ดขาด เพราะกี้อยากเรียนจบภายใน 4 ปี ถึงจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แต่ก็ไม่ทิ้งเรื่องเรียน อย่างเวลาไปเรียนก็จะตั้งใจเรียน ถ้าติดงาน ก็โชคดีที่มีเพื่อนช่วยด้วย เกรดอาจจะตกไปนิดหน่อย แต่ก็พอใจกับเกรดที่ได้คือประมาณ 3 กว่าๆ

ช่วงนี้งานถ่ายแบบของพิงค์กี้ดูจะเซ็กซี่ขึ้น

จริงๆ การรับงานถ่ายแบบ กี้ก็มีขอบเขตเหมือนกันนะ อะไรที่ไม่เหมาะกับเรา ก็จะบอกเขา หรือการโพสท่าไม่เหมาะกับเราก็จะบอกเขา จริงๆ ผู้ใหญ่ของช่อง 7 เขาก็ไม่อยากให้โป๊อยู่แล้ว เพราะด้วยภาพลักษณ์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว กี้ก็ต้องดูแลตัวเอง สำหรับตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะถ่ายชุดว่ายน้ำ เพราะยังโตไม่เต็มที่ คุณแม่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็จะดูว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา




เรื่องราวชีวิต


เข้าวงการมาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ คิดว่าประสบความสำเร็จหรือยัง

ภูมิใจนะที่มีวันนี้ เพราะเราเล่นละครมาตั้งแต่เด็กแล้ว จนมาถึงทุกวันนี้ เหมือนกับว่าเราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ เขายอมรับเราในระดับหนึ่งแล้ว เขาไม่ได้มองว่าเราดังเพราะอย่างอื่น มีคนเข้ามาชม ว่าเล่นละครพัฒนาขึ้น แค่นี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว


ถือว่าความดังของพิงค์กี้มาเร็วหรือเปล่า

สำหรับกี้ไม่เลยนะ กี้ว่าเรามาเรื่อยๆ มากกว่า ไม่ได้คิดว่าตัวเองดังเปรี้ยงปร้างอะไร เพราะเข้าวงการนี้มาตั้งแต่เด็ก ถึงวันนี้ก็ยังเรื่อยๆ อยู่ และอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ


กลัวความดังจะทำให้ตัวเองเหลิงหรือเปล่า

มันก็แล้วแต่นะ คือเราจะรู้จักตัวเองดี ต้องเคารพทุกคนที่เรารู้จัก จะไม่กดขี่คนอื่น กี้ว่าคนรอบข้าง จะสามารถตัดสินใจได้ว่าเราเป็นยังไง ณ ตอนนี้คนรอบข้าง ยังบอกว่ากี้เหมือนเดิม บางทีอาจจะมีงอแงบ้างเท่านั้น





ดังแบบนี้หลายคนมองว่าพิงค์กี้คงจะขึ้นค่าตัว

ไม่อัพค่าตัวขึ้นหรอก สูงไปเดี๋ยวไม่มีใครจ้าง (หัวเราะ) ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีด้วย ค่าตัวก็เหมือนทั่วๆ ไปนะ


หลายคนมองว่าวงการนี้ไม่จีรังยั่งยืน

ก็มีคนพูดแบบนี้นะ แต่การที่เราจะอยู่ตรงนี้ได้นาน นั่นคือเราต้องรักษาระดับในเรื่องการทำงาน ต้องมีคุณภาพ ทำงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เราโกยได้ก็โกยไปก่อน เพราะเราไม่รู้ ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง กี้ตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาด้วย ฉะนั้นถ้าช่วงนี้เราสามารถทำงานหาเงินได้ ก็อยากจะเก็บเงินไปเรียนด้วย ไม่ใช่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย


ทำงานหาเงินได้เองแบบนี้ ทำให้รู้จักค่าของเงินมากขึ้นไหม

ก็ดีใจที่เราทำงานหาเงินให้ตัวเองได้ รู้เลยว่าการทำงานมันเหนื่อยนะ อีกอย่าง อยากให้คุณพ่อคุณแม่สบาย มีอะไรที่เราทำให้ท่านมีความสุขก็อยากทำ จริงๆ พอเรามาทำงาน มันก็ทำให้กี้รู้จักค่าของเงินมากขึ้น ถามว่าซื้อของแบรนด์เนมใช้มั้ย แหม...มันก็มีบ้าง เพราะเราอยู่วงการนี้ก็ต้องแต่งตัว แต่เสื้อผ้า ราคา 199 กี้ก็ใส่ได้ ไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้





ทำงานเหนื่อยขนาดนี้มีรางวัลอะไรให้ตัวเองบ้างหรือยัง

คิดว่าเดือนตุลาคมนี้ จะไปเที่ยวที่ประเทศอเมริกา กี้มีญาติๆ อยู่ที่นั่น เราเลยวางแผน ว่าจะไปเที่ยวที่นั่น คุณแม่ก็อนุญาตให้ไปเที่ยวคนเดียวได้ ประมาณ 1 เดือน คุณแม่เขาก็เป็นห่วงนะ แต่ก็อนุญาต เพราะเราโตแล้ว อายุ 20 ปีแล้ว ตอนนี้ก็พยายามเคลียร์คิวให้เรียบร้อย จะได้ไปพักผ่อนได้เต็มที่


ดูเป็นครอบครัวที่เลี้ยงลูกสมัยใหม่มาก

ใช่ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นนะ ถึงแม้ว่าบ้านเราจะไม่ได้ร่ำรวย แต่เราก็มีกิน อยากจะกินอะไรก็กิน เป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่ชาย 2 คน คุณพ่อจะเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนรักษาเวลามาก คุณแม่จะเป็นคนทำอาหารให้ลูกกิน ส่วนคุณพ่อก็จะแนะนำในเรื่องการเรียน ทั้งคุณพ่อคุณแม่จะเติมเต็มให้เราทุกอย่าง เลี้ยงลูกแบบให้อิสระ




เรื่องของหัวใจ


มีหนุ่มๆ มาจีบบ้างหรือเปล่า

ไม่มีหรอก เพราะกี้ทำงานตลอด อย่างไปมหาวิทยาลัยรังสิต เรียนเสร็จก็กลับมาทำงาน ไม่ค่อยได้เจอใคร อยู่ที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีใครมาจีบ จริงๆ เรื่องมีแฟน แม่กี้ก็ไม่ได้ห้ามหรอก เขาเข้าใจว่าเป็นวัยของเรา แต่ถามว่าจะต้องเป็นผู้ชายแบบไหน ถ้าเป็นคนนับถืออิสลามก็จะดี แต่คุณแม่ก็ไม่ได้บอก ว่าจะต้องคนอิสลามเท่านั้นนะ จะดำจะขาวเขาก็ไม่ว่า แต่ก็ขอให้เป็นคนดี รักกี้ก็พอ

ตอนนี้ กี้เองยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย แต่จริงๆ กลัวผู้ชายสมัยนี้นะ กลัวพวกเกย์มาก คุณแม่ก็กลัวเรื่องนี้เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง คือเป็นไบเซ็กชวล กี้ว่าพวกนี้น่ากลัวมาก แค่พูดก็ขนลุกแล้ว เดี๋ยวนี้มีเยอะซะด้วย ฉะนั้นเราจะดูใครก็ต้องดูให้ดี

ก็ขอเอาใจช่วยให้ "เธอ" พบเจอชายแท้ๆ ที่ไม่ใช่ชายเทียมก็แล้วกันนะจ๊ะ



แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์