ไกรสรท้าสาบานยันไม่ได้วิปริตทางเพศ



"พระเพชร" สึกแล้ว ไร้ญาติฝ่ายแม่-พ่อร่วมงาน มีเพียงญาติฝ่ายแฟนสาว เผยหลังบวชมีสติมากขึ้น วอน "ปล่อยผมไปเถอะไม่ขอกลับไปแล้ว" พ่อ "ไกรสร" ก็อยากให้จบ ยันยังเป็นห่วงลูก ไม่เคยคิดโกรธ พร้อมสาบานวิปริตทางเพศ

ความขัดแย้งที่ยังบานปลายระหว่าง นายสรภพ ลีละเมฆินทร์ หรือ "พระเพชร" ทายาท พุ่มพวง ดวงจันทร์ อดีตราชินีเพลงลูกทุ่ง ที่เปิดศึกทะเลาะวิวาทกับนายไกรสร ลีละเมฆินทร์ (แสงอนันต์) ผู้เป็นพ่อ น.ส.จันทร์จวง และ น.ส.ดวงใจ ดวงจันทร์ น้าสาว กลางงานรำลึกถึงอดีตราชินีเพลงลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ปีที่ 17 ที่วัดทับกระดาน จ.สุพรรณบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ครอบครัวพุ่มพวง ได้แก่ นางจรัญ (แม่เล็ก) มารดา น.ส.จันทร์จวง น.ส.สลักจิตร น.ส.ดวงใจ และนายอำนาจ จิตรหาญ พร้อมทั้งนายไกรสรเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่สังคมยังสงสัย ขณะที่พระเพชรยังครองผ้าเหลือง อยู่ที่วัดภาษี ถนนเอกมัย ซอย 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.09 น. วันที่ 18 มิถุนายน ที่วัดภาษี พระเพชรได้ลาสิกขากับพระครูอนุกูล พัฒนกิจ เจ้าอาวาสวัดภาษี มีเพียงญาติพี่น้องฝ่ายแฟนสาวมาร่วมพิธี

นายสรภพกล่าวหลังลาสิขาว่า เดิมมีกำหนดสึกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากนี้ก็ห่วงอนาคตของตัวเองเหมือนกัน และจะกลับไปหาข้อมูลในเรื่องปัญหาที่ผ่านมา อยากจะให้ทุก ๆ คนหยุดความขัดแย้ง เพราะสงสารวิญญาณแม่ผึ้ง หากทะเลาะกันไปก็ไม่มีวันจบ ความจริงก็คือความจริง แต่ละคนควรจะมองภาพที่สวยงามของแต่ละคนดีกว่า หลังบวชแล้วยอมรับว่ามีสติมากขึ้น เมื่อสึกแล้วรู้สึกเคว้งคว้างคิดถึงธรรมะ ต่อไปเป็นเรื่องของอนาคต ตนเป็นคนพูดตรง พูดจริง แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายพ่อจะคิดอย่างไร

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจกับพ่อมาก เพราะแทนที่จะเข้ามาห้ามปรามกลับยืนเฉย ตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะเคลียร์กับพ่อแล้ว แต่ถ้าเจอก็จะทักปกติ ผมไม่เกลียด ไม่อาฆาตแค้น แต่เสียใจ ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องก็รู้ว่าใครรักผมบ้าง ใครไม่เป็นผม ไม่รู้หรอก สื่อก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ผมอยากบอกว่า คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่กลับไปอีกแล้ว ยอมรับว่าเรื่องวันนั้นผมขอโทษ ยอมรับว่าทนไม่ได้ที่ใครมาต่อว่าแม่ผึ้ง และดูถูกผู้อุปฌาย์" นายสรภพกล่าว




นายสรภพกล่าวว่า ตอนนี้อยากขอให้ทุกคนพูดในสิ่งที่ดีขอให้จบ หากทะเลาะไปอีก 50 ปี ก็จะไม่จบ

ขอให้จบไปถ้าทุกคนรักแม่ผึ้งจริงก็ไม่อยากให้ทะเลาะกันอีก ใครได้เห็นวิดีโอตั้งแต่แรกจนจบใช้วิจารณญาณก็จะรู้วันนั้นยอมรับว่าไม่สำรวมเพราะทนไม่ได้ ต่อพูดคำว่า "ทุกคนฆ่าแม่ผม" หากไม่มีสื่อวันนั้นคงไม่มีวันนี้ เรื่องก้าวร้าวขอโทษและเสียใจ แต่จะให้พูดอย่างไร ก็พูดคำเดิมใครถามก็ตอบคำเดิม รักทุกคน เก็บไว้ในใจตลอด

"ผมยอมรับว่า พ่อก็คือพ่อ ใครบ้างไม่รักพ่อ เชื่อว่าหลายคนมีพ่อที่ดี มีหลายคนถามว่าผมเอาเงิน 50 ล้านไปใช้ตอนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ยืนยันว่าที่ไปเรียนก็เรียนฟรี สำหรับความรู้สึกที่บวชครั้งนี้เชื่อว่าแม่ผึ้งน่าจะรับรู้เพราะว่าตอนสึกมีลมพัดแรงมาก เชื่อว่าแม่ผึ้งมารับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมขอบคุณแฟนเพลงที่ยังรักแม่ผึ้งตลอดไป แม่ก็เป็นศิลปินระดับโลก" นายสรภพกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นกระแสข่าวเรื่องวิตถารทางเพศของนายไกรสร ซึ่งมีการพูดถึงกันอย่างมาก นายสรภพกล่าวว่า ไม่ขอพูดถึง เพราะจะทำให้หลายคนรับไม่ได้ อีกทั้งตอนที่พูดเรื่องนี้ เพราะเกิดความรู้สึกน้อยใจที่พ่อมีแม่เลี้ยงคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าอยากให้เรื่องจบลงตรงนี้

นายสรภพกล่าวว่า การสร้างหุ่นขี้ผึ้งนั้น จะยังดำเนินการต่อไป เพราะตั้งใจไว้แล้ว ส่วนรายละเอียด ตอบไม่ได้ในตอนนี้

"ส่วนเรื่องที่น้า ๆ และยาย แถลงข่าวขอโทษนั้น ผมยังไม่ทราบเรื่อง เพราะไม่ได้ดูทีวีเลย เพราะอยู่ในช่วงบวช ก็ต้องดูว่าฝ่ายโน่นเขาพูออะไรบ้าง ขอไปศึกษารายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะนัดพี่ ๆ นักข่าวมาคุยกันอีกรอบ" นายสรภพกล่าว 




ด้าน น.ส.ธิดารัตน์ อรรถรัฐ หรือน้องอ้อย 26 ปี แฟนสาวนายสรภพ มาพร้อมนางสุพรรณี สุประการ อายุ 49 มารดา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า อยากจะให้เพชรบวชต่อเพราะจะได้มีจิตใจสงบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นายไกรสรกล่าวว่า สงสารลูกชาย อยากให้พูดในสิ่งที่ดี ๆ เพราะกลัวลูกชายจะเสียหาย ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าลูกชายจะออกมาแฉเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของตนนั้น เชื่อว่าคงไม่มีอะไรที่จะออกมาแฉ เพราะไม่มีอะไรที่ผิดปกติ

"ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยมาก อยากให้มันจบ แต่จะจบแบบไหน ก็แล้วแต่ใจของลูก ปีนี้เป็นปีที่มีความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุด ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่เกิดมาแล้ว ก็ต้องยอมรับสภาพ อย่างที่บอก ผมดำเนินชีวิตมาผิด เมื่อมีปัญหาผมก็ต้องยอมรับ ใจจริงก็ยังเป็นห่วงลูก ไม่เคยโกรธ และไม่เคยว่าเขา อยากให้เขาทำสิ่งที่ดี ๆ แล้วที่เพชรบอกว่าให้ต่างคนต่างอยู่นั้น อย่างที่บอกผมต้องการให้เรื่องมันจบ แต่จะออกมาในลักษณะแบบไหน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ผมไม่อยากพูดอะไร ถ้าจบได้ก็อยากจบ ผมไม่ไหวแล้ว ก็คงต้องรอว่าลูกจะตัดสินใจยังไง เพราะพ่อก็คือพ่อ ลูกก็คือลูก" นายไกรสรกล่าว

ในวันเดียวกัน นายไกรสร พร้อมนางสิริกร อินพรหม ภรรยา เดินทางไปอัดรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" ที่มีกระแสออกมาว่า นายไกรสรข่มขืนลูกมาตั้งแต่เด็ก

ทำให้น้องเพชรต้องหนีออกจากบ้านนั้นนายไกรสรบอกว่า เรื่องนี้โกรธอย่างมาก ๆ ชนิดที่ว่าก่อนมาออกรายการนี้ ก็ได้ยินข่าวอย่างนี้ แต่ยังไม่ได้ยินจากปากน้องเพชร หรือผู้หญิงคนนั้น ถ้าน้องเพชรพูดเมื่อ 2 วันก่อน ตนจะจี๊ดขึ้นสมอง

"มันพูดไม่ถูกเลยกับความรู้สึกแบบนี้ มันพูดไม่ออก การหนีออกจากบ้านไป เขาก็ต้องการให้คนที่เขาไปอยู่ด้วยสนใจ สงสาร ต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะทำให้คนที่จะไปอยู่ด้วยเห็นใจ เขาเมกขึ้นมา ให้คนรุมประณาม ผมเกิดมาอายุ 52 แล้ว ถ้าผมวิปริตทางเพศ มันก็ต้องมีข่าวออกมาบ้าง ถ้าว่าเจ้าชู้ไม่เถียง ต้องมีบ้าง ตอนเด็ก ๆ ผมหอม กอด จูบเขา พอโตแล้วก็ไม่ได้ทำ เขาคงอายที่จะกอด จะหอมพ่อ กอดกันแบบพ่อลูก ความจริงก็คือความจริง ประเด็นแบบนี้ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้น เพชรไม่เป็นตัวของตัวเอง มีคนเอาข้อมูลไปใส่ให้เขา" นายไกรสรกล่าว

จากนั้นผู้ดำเนินรายการท้าให้นายไกรสรสาบาน ซึ่งนายไกรสรก็ยอมและพูดว่า

"เอาวัดที่ไหน เอาศาสนาอะไรที่คนนับถือ พระเจ้าเป็นพยาน ผมอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ถ้าผมคิดทำอะไรกับลูก อย่าให้ผมมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ให้ผมตายไปอย่างทุเรศ ให้คนรุมประณามสาปแช่งผม อะไรไม่ดีให้เกิดกับตัวผม ถ้าผมทำอย่างนั้น" นายไกรสรกล่าวจบ นางสิริกรถึงกับร้องไห้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์