เปิดใจ เต๋า-ยุ้ย เหตุใดเป็นแฟน 14 วันแต่ง


"เต๋า-ยุ้ย" เปิดใจรักฟ้าแลบ รู้จักแค่ 3 เดือน เป็นแฟนได้ 14 วันแต่งเลย ฝ่ายหญิงลั่น การตัดสินใจเกิดจากรัก สงสาร อยากปกป้องเต๋า เผย เป็นคนบอกฝ่ายชาย ว่า รุ่นนี้ต้องท้องก่อนแต่ง ด้าน เต๋า ประกาศหยุดความบัดซบของตัวเองเพื่อยุ้ย บอก"ประทับใจภรรยาที่วางใจว่าสามารถเป็นพ่อที่ดีของลูกได้

หลังจากอดีตพระเอก-นักร้องชื่อดัง เต๋า สมชาย เข็มกลัด ออกมายอมรับว่าได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนใหม่ ยุ้ย อัฐมาศ อัศววิมล แบบสายฟ้าแลบ ไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางรักของทั้งคู่ ที่มารักกันตั้งแต่ตอนไหน รักกันได้ยังไง หรือแม้กระทั่งฝ่ายหญิงพลาดท้องหรือเปล่า ถึงต้องแต่งปุ๊บปั๊บขนาดนี้ ?

หลากหลายข้อกังขาที่กล่าวข้างต้นแม้ว่าหนุ่มเต๋าจะออกมาเฉลยไปบ้างแล้ว แต่บรรทัดถัดจากนี้ไปคือคำสัมภาษณ์แบบหมดเปลือกของ“เต๋า-ยุ้ย”ที่เปิดใจกับนิตยสาร“ดิฉัน”ฉบับล่าสุด

ยุ้ย "รู้จักกันตามงานปาร์ตี้ เพราะว่ามีคนนึงที่เขารู้จักเราทั้งคู่ (พี่ต้น) แต่ก็ไม่เคยได้คุยกันนะ เพราะนั่นแ.. ่งก็เมาตลอด เห็นหน้ากันก็เฉย ๆ เขารู้ว่าเราชื่อยุ้ยจบ จนพอเจอกันอีกครั้งนึง เขาจ้องหน้าเรา และไปกระซิบบอกพี่ต้นว่า พี่ต้น จีบได้ป่ะ แล้วเขาก็เดินมาพูดเลยว่า มีแฟนรึยัง เราบอกว่า ยัง เขาถาม จีบได้ป่ะ เราบอก กล้า ๆ หน่อย คือ เราก็คิดว่าเขาเมาและแซวเล่น"

"วันรุ่งขึ้นเขาโทรศัพท์มา เราก็รู้สึกว่า เอ๊ะ...มันเอาจริงรึเปล่าวะ เขาบอกว่า คิดถึงเว้ย เราก็เริ่มกลัว เลยโทรศัพท์ไปบอกพี่ต้นว่าฝากบอกมันด้วยนะ ถ้าเป็นเพื่อนกันโอเค.แต่ถ้าจะจีบแบบขำ ๆ เราไม่ขำนะเว้ย คือ เราก็นึกไม่ออกว่าเขาจะมาเล่น ๆ หรือเจ้าชู้รึเปล่า แต่เราไม่รู้จักเขาไง เพราะข่าวเขาเราก็ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าจะมาเจ้าชู้เล่น ๆ ไม่เอานะ ฉันแก่แล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ ด้วย อย่ามาหลอกฉัน"



"หนังเขาอะไรยังไงบ้างเราไม่เคยดู รู้แต่ว่าเขามีข่าวไม่ดีก็เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าวันนั้นที่เขามาจับมือเรา เขาบอกว่า ยุ้ย ฉันเหงา พอฟังแบบนั้นแล้วเรารู้สึกได้เลยว่าข้างในเขารู้สึกไม่ดี เขาว้าเหว่"

"วันรุ่งขึ้นถัดมา เขาจะมาหาเรา เราก็เลยตั้งใจจะบอกสิ่งนี้กับเขาด้วยตัวเอง แต่ปรากฏเขาดันโทร.ไปหาพี่ต้นเสียก่อน เขาบอกพี่ต้นว่าเขากำลังจะไปหาสาว พี่ต้นก็ใส่เลยว่า มึงอย่าไปวุ่นวายกับชีวิตเขา เขาได้ยินพี่ต้นพูดก็คงเฮิร์ตก็เลยโทร.มาบอกว่า ไม่เอาแล้วนะ จนเช้าอีกวัน เขาส่งแมสเสจมาว่า ขอโทษที่มารบกวนวุ่นวายกับชีวิตเธอ แต่เธอเป็นคนน่ารักนะ ยินดีที่ได้รู้จัก...ขอบคุณ เราก็ เฮ้ย...สงสัยพี่ต้นไปด่าอะไรมันแน่เลย เราเลยส่งแมสเสจกลับไปว่า “ไม่รู้ว่าเราได้ยินหรือคุยกับใคร แต่ถ้าฉันเจอเธอเมื่อวานนี้ ฉันก็มีบางอย่างที่อยากจะบอกเธอเหมือนกัน ฉันอยากคุยด้วย” เขาก็หายหัวไป จนเที่ยงคืนโทร.มาถามว่า เธอจะบอกอะไรฉัน เราก็บอกไปว่า ฉันไม่ขำนะ ฉันแก่แล้วโตแล้ว ถ้าจะมาขำ ๆ เล่น ๆ อะไรกับฉัน ฉันไม่เอานะ เป็นเพื่อนกันดีกว่า"

"เขาก็โทร.มาอยู่เรื่อย ๆ สักวันสองวันที แต่ทุกครั้งที่โทร.มาจะเป็นตอนกลางคืนและก็เมา เมาแบบพูดไม่รู้เรื่องโทร.มาก็บอกว่า ฉันรักเธอ เราก็ เฮ้ย...รู้จักฉันแล้วเหรอ เจอกันแค่ที่งานคอนเสิร์ต จะมารักฉันแล้วนี่นะ เขาพูดอีกว่า ฉันรู้ว่าเธอเอาฉันอยู่...ยุ้ย เราก็ เฮ้ย อย่างนี้มันผู้ชายเจ้าชู้รึเปล่า เพราะผู้หญิงจะชอบนะเวลาเจอผู้ชายบอกว่า ฉันรู้นะว่าเธอเอาฉันอยู่ คือ เหมือนกับคนอื่นเอาเขาไม่อยู่ แต่เราเอาอยู่"




รู้จักกันแค่สามเดือนคิดยังไงถึงตัดสินใจแต่งงาน ?

ยุ้ย "มันถึงสเตจด้วยไง ฉันอายุ 35 แล้ว แล้วนิสัยเราก็ใกล้เคียงกันมากเลย คิดอะไรคล้าย ๆ กัน เขามีในสิ่งที่ฉันไม่มี เขาไม่มีในสิ่งที่ฉันมี เขาเป็นคนมีเสน่ห์ น่ารัก charming งานของเขากับเราคนละสาย เราทำมาร์เก็ตติ้ง เขาเป็นศิลปิน เราเป็นแม่ค้า

เราไม่มีแฟนมาแล้วเจ็ดปี เคยมีที่คบกันมาเก้าปีแล้วก็เลิก จากนั้นก็ไม่เคยมีแฟนอีกเลย จนนั่งถามตัวเองว่า สงสัยต้องอยู่คนเดียววะ พอวันนึงก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา ซึ่งแม้จะรู้ว่าเขาทำด้วยอารมณ์ แต่เราว่าชีวิตมันก็เริ่มต้นใหม่กันได้ตลอด ตอนแรกก็คิดล่ะว่า ทำไมต้องแต่งงานวะ ไม่แต่งไม่ได้เหรอ แต่เขาบอกว่า ฉันอยากมีลูก ฉันอยากเลี้ยงเด็ก อยากพาเธอไปฝากท้อง เรายังหันไปบอกเลยว่า เฮ้ย...รุ่นนี้ต้องท้องก่อนแต่ง เพราะเรารู้สึกว่าถ้าอยู่อย่างนี้มีความสุขก็ไม่เห็นต้องผูกมัด

เขากระซิบข้างหูบอก แต่งงานกับฉันนะ เราก็กลับไปคิดคืนนึง จนมาที่คำตอบว่า มันไม่มีอะไรในโลกนี้ที่แน่นอน แต่ ณ วันนี้บนความตั้งใจเดียวกัน เราอยู่กับเขาแล้วเรามีความสุข ถามว่า ทำไมต้องคนนี้ มันบอกไม่ได้หรอก ส่วนหนึ่งรู้ว่ามันเริ่มมาจากความสงสาร เพราะเรามาจากครอบครัวที่อบอุ่นมากไง พ่อแม่เราดี พอเห็นเขาแล้วเราก็รู้สึกเลยว่าอยากดูแล อยากปกป้อง เห็นเราแบบนี้แต่ใจเราแข็งกว่าเขาอีก”




วันที่ไปคุยกับครอบครัวของฝ่ายหญิงเรื่องจดทะเบียน คุณพ่อคุณแม่ของยุ้ยว่าไงบ้าง ?

ยุ้ย "ตอนแรกบอกพ่อแม่นะว่าจะไปกินข้าว พอไปถึงโต๊ะอาหารจริง เฮ้ย ไม่กล้าวะ จนมองหน้ากัน แล้วเต๋าก็เปิดว่า ป๊ากับม้าครับ ผมกับยุ้ยตัดสินใจแล้วว่าเราจะสร้างครอบครัว เราอยากอยู่ด้วยกันครับ แม่ก็อึ้ง ช็อกสิ เขาคงทำใจแค่ว่า เราจะลองคบกันดู ไม่ได้คิดว่าจะถึงกับแต่งงาน แม่เราน้ำตาร่วงออกมาเลย เขาบอก ไม่คิดว่าเร็วเกินไปเหรอ เต๋าบอก ผมว่าเรื่องเวลา เอ่อ.....

เราก็เลยบอกว่า ม่าม้า ยุ้ยเคยคบคนมาตั้ง 9 ปีนะ เวลามันไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์อะไรเลย ซึ่งวันนี้เราสองคนมีความตั้งใจ มันอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ แต่มาวันนี้ไม่ได้มาขออนุญาตนะม้า แต่จะมาแจ้งให้ทราบ คือ เราแค่อยากบอกพ่อแม่ว่าเรากำลังคิดอะไรและตัดสินใจอะไร เพราะยังไงเราก็เป็นลูก เรา เราอยากให้พ่อแม่ดูในสิ่งที่เราตั้งใจทำ แม้มันจะผิดหวังไม่ success เราก็จะกลับมาบ้าน มาเป็นลูกของม่าม้า ป่าป้าได้อยู่” เราบอกเขาแบบนี้

เขาก็ถามว่า ทำไมจะต้องเร็วขนาดนั้น ไม่ต้องเร็วหรอก ต้องรอเวลา

เราบอกไม่ได้ เพราะเรารู้ว่าต้องปิดดีลทีเดียวเลย ถ้ายอมปล่อยให้ยื้อจะยิ่งเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีนะ เราถึงบอกว่าเราไม่ได้มาขออนุญาต แต่เรามาบอก และก็อยากจะบอกก่อนทำไม่ใช่ทำแล้วถึงมาบอก เราบอกแม่ว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ ส่วนป๊านั่งนิ่ง พ่อเราเป็นผู้ชายด้วยกันล่ะมั้ง คงจะมั่นใจอะไรบางอย่างว่าถ้า ผู้ชายหน้าแบบนี้เข้ามาในบ้านล่ะก็... พ่อคงรู้ว่าเราโตแล้วด้วย"



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์