ตื่นเต้น ตลก โศก ซึ้ง ซุปเปอร์เมโลดรามา แม่นาค ฉบับบ้านๆ


"ผมไม่เสแสร้งในความเป็นปัญญาชน ไฮโซ ไม่เอา"

ถกลเกียรติ วีรวรรณ
บอกว่าอยากทำละครเพลงเรื่อง ""แม่นาคพระโขนง"" มาตั้งแต่ 20 ปีก่อน ตอนอายุ 22-23 และเพิ่งเริ่มต้นอาชีพการงานใหม่ๆ แต่ติดที่ "ยังไม่ได้หรอก ไม่มีใครรู้จักเรา และละครเวทียังไม่มีอาชีพที่แท้จริงในเมืองไทย" แผนเลยถูกพับ แล้วหันกลับไปเริ่มต้นกับละครทีวีอย่าง ""นางฟ้าสีรุ้ง", "สามหนุ่มสามมุม"" ฯลฯ

7 ปีต่อมา ตอนอายุราว 30 เขาตัดสินใจทำละครเวที และคิดจะหยิบโปรเจ็คต์นี้มาลงมือ "แต่ทุกๆ คนเตือนผม ขอร้อง อย่าทำเรื่องผีที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยเลย"

เหตุผลคืออะไร ถกลเกียรติไม่รู้ เพราะสิ่งที่เขาเตือนๆ มาคือ "ก็อย่าทำเล้ยยย เดี๋ยวคุณก็อะไรยังไงหรอก เขาว่ามาอย่างนั้น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"

"ใช่ไหมฮะ" เขาหันมาถาม แบบไม่ต้องการคำตอบจริงจัง จากนั้นก็หัวเราะ

ดังนั้น พอสบโอกาสมีโรงละครของตัวเอง เขาจึงฟื้นโปรเจ็คต์นี้มาอีกครั้ง "ทีมงานบอกพี่คร้าบบบบ เรื่องแรกเลยเหรอครับ พี่จะเอาผีเปิดเลยเหรอ ก็เอาวะ ยังก็ได้"

""ฟ้าจรดทราย"" ถึงได้มาในตอนนั้น

และเพิ่งถึงคิว "แม่นาคพระโขนง" ในตอนนี้

ทำไมถึงผูกใจกับแม่นาคนัก

"ถกลเกียรติบอกว่า ถ้าจะพูดให้สั้น แบบฟันธง คือนี่เป็นโปรเจ็คต์มิวสิคคัลที่ลงตัวที่สุด"

"เบสิคของมิวสิคคัลที่จะดีมากๆ คือเลิฟสตอรี่ สองคือเลิฟสตอรี่เฉยๆ บางทีมันธรรมดา ไม่มีอะไร มองอีกมุมหนึ่งจริงๆ ผมชอบเรื่องผี"

ชอบดูหนังผีตั้งแต่เด็ก ทำละครผีส่งเป็นธีซิสตอนเรียนมหาวิทยาลัย ยังไม่รวมถึงละครเวทีแนวตื่นเต้น ลึกลับ ฆาตกรรม

"และผมก็รู้ว่าถ้าทำละครเวทีผี หรือละครที่ตื่นเต้นตกใจนี่มันจะสนุกมาก สนุกกว่าหนัง สนุกกว่าละครทีวีอีก แล้วเรื่องผีที่คนไทยรู้จักดีที่สุดคืออะไร จะหนีพ้นแม่นาคพระโขนงไปได้ยังไง"



"ลงตัวมาก เป็นโปรเจ็คต์มิวสิคคัลที่ลงตัวที่สุด" เขาย้ำอีกครั้ง

ตอนที่คิดจะนำแม่นาคมาทำที่ศูนย์วัฒนธรรมฯนั้น ถกลเกียรติบอกว่า เขามอง "มาช่า วัฒนพานิช" ไว้

"ทำไมผมคิดแต่หน้าฝรั่งไม่รู้" เขาออกตัว

ใช่ละสิ เพราะถึงตอนนี้พอไม่ใช่มาช่า ถกลเกียรติก็เลือกให้ "นัท-มีเรีย เบเนเดดตี้" มารับบท

สารภาพด้วยว่าความจริง "แพท-สุธาสินี พุทธินันทน์" ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ติดก็แต่เธอเพิ่งแสดง ""ข้างหลังภาพ"" จบไปหยกๆ

"นัทก็หน้าฝรั่ง แต่คิดอีกที ผิวขาว ผมดำยาว ตาโต เออ ก็เป็นแม่นาคที่น่ากลัวและสวยด้วย"

เมื่อรวมกับความสามารถในการร้อง การแสดง และ "ความอึด" อันหมายถึงต้องอดทนกับการใส่สะลิงเพื่อเหาะ ให้เหมาะกับบทผี "นัทก็ดีแล้วละ" เขาสรุป

แล้วก็ไม่ผิดหวัง

"เรื่องนี้ผมอยากทำมู้ดให้เป็นแบบหนังผีไทย หรือหนังไทยสมัยก่อน"

อย่าง ""แผลเก่า"" ของ "เชิด ทรงศรี" -นี่เขายกตัวอย่าง

เนื้อเรื่องนั้นเขาให้แม่นาคไม่ใช่คนพระโขนง แต่หนีตาม "พ่อมาก" มาหลังตั้งท้องโดยไม่แต่งงาน เมื่อมาถึงพื้นดินที่เคยชุ่มฉ่ำกลับแล้ง นาก็ล่ม วัว ควายก็ล้มตาย แม่นาคจึงกลายเป็นคนไม่ดี ผิดผี ผิดศีลธรรม เป็นเสนียดจัญไร เป็นผู้ถูกกระทำตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ พอตาย แต่วิญญาณไม่ไปไหนกลับมาปรนนิบัติสามี ก็ยังมีปัญหา

คนเคยดีจึงกลับกลาย

"มันมีสิ่งที่ทำให้เขาบอกว่าจะให้ฉันร้าย ฉันก็ร้ายแล้วกัน"



จากนั้นเธอก็แสดงอิทธิฤทธิ์

ก่อนจะปิดฉากตัวเองอย่างน่าสงสาร

"ดูแล้วจะอืมมม...เข้าใจ"

เข้าใจแบบไหน ยังไง

บอกไม่ได้ อธิบายไม่ถูก เขาบอก

"บอกได้แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้ ที่มันสวยและรื่น ได้ทั้งความสุนทรีย์และความเข้าใจในตัวละคร ทำได้ในมิวสิคคัลเท่านั้น หนังก็ทำไม่ได้ ละครทีวีก็ทำไม่ได้"

เพราะในมิวสิคคัลตัวละครสามารถระบายความคิด ความรู้สึกออกมาเป็นเพลง ขยายและขยี้อารมณ์แบบส่งสดๆ ให้ผู้ฟัง

"ถ้าถามว่าแม่นาค เดอะ มิวสิคคัล จะออกมาเป็นไง ผมบอกได้ว่าจะเหมือนภาพยนตร์ไทยที่ครบรส"

บรรยากาศตื่นเต้นแบบผีๆ ความรู้สึกตลกๆ ที่ตัวละครต้องหนีหัวซุกหัวซุน และสุดซึ้ง โศกเศร้าไปกับความรักที่เป็นไปไม่ได้ไม่เพียงมีอยู่ครบ แต่ถกลเกียรติรับประกันว่าจะ "มากกว่า" ที่เคยได้รับจากแม่นาคในศาสตร์แห่งศิลป์อื่นๆ

"ผมอยากให้ความรู้สึกที่เป็นซุปเปอร์เมโลดรามาที่ใครดูก็สนุกน่ะ"

เพราะทำเรื่องนี้ไม่คิดอะไรมากไปกว่าอยากทำละครสนุก แถมเป็นความสนุกแบบครบรส เป็นรสชาติน้ำพริกจานเด็ด

"แล้วผมไม่เสแสร้งในความเป็นปัญญาชน ไฮโซ ไม่เอา เพราะสุดท้ายแล้วผมก็มีพี่อู๊ด เป็นต่อ มีธงธง มกจ๊ก มาวิ่งหนีผี ถามว่าจะมีน่ากลัวไหม ก็มีบ้าง แต่มันเหมือนกับไปเข้าบ้านผีสิงที่สวนสนุกน่ะ จะอะไรยังไงก็สนุก"

""ถ้าหากมี 1 คำที่จะให้อธิบายว่าแม่นาคพระโขนงเป็นยังไง ผมจะบอกว่าสนุก""



ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

"ผมก็..." พูดได้ 2 คำ ถกลเกียรติ วีรวรรณ ก็เอามือเคาะโต๊ะ 3 ครั้ง ก่อนจะตอบคำถามเรื่อง "อาถรรพ์" ต่อว่า "ไม่เจอนะ"

"แต่ทีมงานอาจจะมีบ้าง"

ทั้งฝ่ายเสื้อผ้าที่ฝันเห็น "แม่นาค" ในคืนก่อนจะทำพิธีบวงสรวงที่ศาลในวัดมหาบุศย์ ในฝันนั้นแม่นาคมาหาพร้อมบอกว่าอยากใส่ชุดสีชมพู

มาบอกจริง หรือคิดมากไปเองก็ไม่รู้ คือความรู้สึกที่เกิดขึ้น

กระทั่งไปถึงศาลแล้วเห็นรูปภาพต่างๆ นานาของแม่นาคที่หลายภาพเธอใส่สีชมพูอยู่ พอถาม คนย่านนั้นก็ตอบว่าแม่นาคชอบ

ดังนั้น อย่าแปลกใจถ้าไปดูละครเรื่องนี้แล้วจะเห็นนัท มีเรีย ไม่ได้สวมแต่สไบแดงแบบที่เห็นในภาพ

ขณะที่ "อาร์-อาณัติพล ศิริชุมแสง" "พ่อมาก" ซึ่งตั้งใจจะนำเพลง "ต่างคน ต่างไป" เพลงเอกในละครไปร้องให้แฟนๆ "เดอะ สตาร์" ฟังก่อนใครในคอนเสิร์ต "สตาร์ วอร์ส" ที่จัดขึ้นเมื่อ 31 มกราคมที่ผ่านมา ก็เกิดอาการเสียงหายก่อนขึ้นเวที กินน้ำก็แล้ว กินยาก็แล้ว เสียงยังไม่มา จนทีมงานแนะให้บอก "ย่านาค" เสียหน่อย อาร์จึงจุดธูปและถวายพวงมาลัย พร้อมอธิษฐานขอเจ้าที่ที่เมืองทองธานีว่าถ้า "ย่านาค" มาขอให้เปิดทางให้ด้วย และเพื่อให้เขารู้ว่าย่ามาแล้ว เมื่อมาถึงก็ขอให้เกิดอาการขนลุก ไม่นานนักขนเขาจากเท้าจรดหัวก็ลุกชัน แล้วเสียงของอาร์ก็กลับคืนมาเหมือนเดิม

หลังเสร็จคอนเสิร์ต ทีมงานมานั่งคุยกันที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้สถานแสดง ขณะนั้นตามต้นไม้ยังมีไฟประดับด้วยเพิ่งผ่านปีใหม่ไปไม่นาน พอคนหนึ่งนำเรื่องของอาร์มาเล่าสู่ อีกคนก็พูดขึ้นว่า เรื่องขนลุกใครๆก็ขนลุกได้

เท่านั้นแหละ ไฟที่ต้นไม้ก็ดับพรึ่บ

เฉพาะต้นที่พวกเขานั่งอยู่ต้นเดียวเท่านั้น

แล้วพอคำ "เชื่อก็ได้" หลุดจากปาก

"ไฟที่มืดไปก็กลับมาสว่างไสวดังเดิม!!!"


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์