ตุ้ยยันดังแล้วไม่ลืมตัว ติดดินเหมือนเดิม

คว้าแชมป์จากเวทีการประกวด อะคาเดมี แฟนเทเชีย ปี 3 มาถึงวันนี้ชื่อเสียงของนักร้องหนุ่ม “ตุ้ย” เกียรติกมล ล่าทา กำลังโด่งดัง ติดลมบน มีแฟนคลับมากมาย

  ล่าสุดกำลังโชว์ฝีไม้ลายมือการแสดงในละครเรื่อง “ลูกสาวกำนัน” ทางช่อง 3 ซึ่งทั้งนี้ชื่อเสียงของเขา มาพร้อมๆ กับข่าวมากมาย ว่าดังแล้วหยิ่งบ้าง ลืมตัวบ้างล่ะ...เท็จจริงจะเป็นอย่างไร ลองมาค้นหาตัวตนของหนุ่มคนนี้พร้อมๆ กัน
   

เรื่องงานในวงการบันเทิง   
ดูเหมือนตอนนี้มีงานละครรุม

 จริงๆ ตอนนี้นอกจาก ลูกสาวกำนัน ที่กำลังฉายอยู่ ผมก็มีละครอีกเรื่องเดียว คือ ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ถือว่าได้บทบาทใหม่ที่ท้าท้ายความสามารถอีกบทหนึ่ง นอกจากนี้กำลังเตรียมงานคอนเสิร์ตอยู่ แต่ยังไม่บอกว่าเป็นคอนเสิร์ตอะไร
 แต่ถ้าถามว่ามีเวลาพักบ้างไหม ก็ยังพอมีบ้าง เพราะลูกสาวกำนันปิดกล้องไปแล้ว เหนื่อยน้อยหน่อย คือเราไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ การถ่ายละคร 7 วัน มันก็เลยยังไม่ชิน ซึ่งพอปิดไปเรื่องหนึ่ง รู้สึกโล่งเลย เพราะมันก็ไม่หนักเท่าเดิม
 

ทำงานหนักขนาดนี้ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง
 งานมันเยอะมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่ผมก็พอจะสลับทางเดินไปได้บ้าง พอจะมีเวลาได้นอนเต็มอิ่มบ้าง  แต่เราก็ต้องกินอาหารเสริมบำรุงด้วย แม่ผมจะหายาบำรุงให้ แม่จะเป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง


ความเป็นส่วนตัวหายไปเยอะไหม

 มันก็หายไปบ้าง แต่ชีวิตส่วนตัวจริงๆ ผมก็ไม่ได้ไปห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน หรือไปเดินจตุจักรอยู่แล้ว ผมก็เลยไม่ค่อยได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตเท่าไร


เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยน

ดูเหมือนชื่อเสียงของตุ้ยมาไวจนน่าตกใจ
 ผมยอมรับนะว่ามันมาไว แค่ชั่วข้ามคืน มันไวมากๆ แต่ตอนนี้เราก็ตั้งตัวได้แล้ว รู้ว่าต้องวางตัวยังไง ตอนแรกก็งงๆ อยู่นาน ว่าจะแบ่งเวลายังไง ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาไม่เจอเพื่อนเป็นเดือนๆ เพราะยังจับทางไม่ถูก พออยู่ไปนานๆ เริ่มจับทางได้แล้ว


กลัวไหมที่หลายคนบอกว่าชื่อเสียงมาไว ถ้ารักษาไว้ไม่ดี ก็มักจะไปไวเช่นกัน
 ตัวผมไม่เคยเปลี่ยนนะ แม้ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านราคา 5 ล้าน ขับรถบีเอ็ม มีรถ 2 คัน มีเงินเดือนใช้ ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนตัวเอง ไม่ค่อยได้เปลี่ยนการดำเนินชีวิตเท่าไร ผมไม่หลงระเริงกับแสงสี ผมจะเอาอะไรไปหลงระเริงล่ะ ชีวิตทำงานก็หมดเวลาแล้ว อย่างผมต้องวางแผนชีวิต ใช้เงินในทางที่ถูก แล้วส่วนหนึ่งก็มีแม่มาเก็บเงินไว้ให้ด้วย
 อย่างกับแฟนคลับผมก็จะมีระดับความสนิท ให้มากให้น้อยแค่ไหน คือความคิดมันค่อยๆ บรรเจิดขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากที่เรารู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง


มีใครคอยเตือนหรือแนะนำเรื่องการวางตัวอยู่ในวงการไหม
 มีพี่ๆ คอยแนะนำ อย่างบางคนบอกว่าช่วงแรกโกยได้ก็ควรโกย ผมก็เลยไม่มีเวลาทำอย่างอื่น หรือไปหลงระเริงกับเรื่องอื่นไง ผมว่านะการที่จะอยู่ตรงนี้ได้ ส่วนหนึ่งคือเรื่องการตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ความอ่อนน้อมถ่อมตน คือผมทำแบบนี้มานาน ก็คงอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ นะ (หัวเราะ)


ยังคิดว่าตัวเองเกิดมาจากดินอยู่ไหม

 ดีใจที่เด็กๆ หรือรุ่นๆ เดียวกัน เอาเราเป็นตัวอย่าง เราดำเนินชีวิตมาโดยไม่ได้หวังอะไรเลย มาถึงขนาดนี้ได้ ผมก็ดีใจมากแล้ว เราเลยไม่กล้าลืมกำพืดตัวเอง ว่าผมเคยลำบากมาก่อน
  

แสดงว่ายังติดดินเหมือนเดิม
 ติดดิน ผมเคยเกิดอยู่บนดิน ผมคงไม่คิดว่าผมไปยืนอยู่บนดาว ตอนนี้ผมก็ยังอยู่บนดินเหมือนเดิม ผมเห็นค่าของเงิน ผมทำงานผมเหนื่อยนะ ณ วันนี้ผมเหมือนเดิม ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย วันหนึ่งมีแค่น้ำมันรถ ข้าวก็กินที่กองถ่าย ไม่มีนะ ที่จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารเป็นหมื่นๆ มื้อละห้าพันยังไม่มีเลย  มีแต่มื้อหนึ่งเสียเงินไปร้อยสองร้อยบาท ร้านอาหารแถวทองหล่อ ผมไม่ไป มันเหมือนอารมณ์เสียดายตังค์ เพราะผมจะติดนิสัยแม่ คือขี้งก (หัวเราะ) หรือจะเรียกว่าเราใช้เงินเป็นดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่ง เราไม่มีถ่ายละคร ไม่มีงานเพลง จะเป็นยังไง ถ้าเรารู้จักใช้เงิน มันก็น่าจะดีกว่า ผมไม่มีกล้องส่องทางไกล ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร 


ข่าวคราว ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์
ล่าสุดเพิ่งจะเกิดกรณีเหวี่ยงนักข่าว

 จริงๆ ด้วยเวลาไม่กี่วิ ไม่กี่นาที แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนพูดกวนๆ ฮาๆ ตลกๆ อาจจะเป็นการแซวเล่นๆ แต่พี่ๆ บางคนอาจจะไม่เข้าใจ กลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไป  เขาก็เลยว่าผมเหวี่ยง ซึ่งผมไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แต่สไตล์ผมเป็นคนกวนๆ อยู่แล้ว โอ๊ย...เมื่อก่อน ผมโดนข่าว ตุ้ยเป็นเกย์กับโด่ง (ศิระ รัตนโภคาสถิต) พี่นักข่าวมาถาม ผมก็จะตอบแบบกวนๆ ไป หรือเจอข่าวอะไรก็ตาม ผมก็ตอบแบบกวนๆ นั่นล่ะ จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะกวนพี่เขา ผมก็เข้าใจ ว่ามันก็มีคนที่ไม่พอใจเรา ผมก็ไม่ได้โกรธ ผมก็ยอมรับว่าผมก็ผิดด้วย


จากที่มีกรณีเกิดขึ้น ทำให้ตุ้ยต้องปรับเรื่องการพูดจาขึ้นไหม

 ตอนนี้ผมก็ระวังเรื่องการพูดมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นก็จะเกิดกรณีแบบนี้อีก พอมาเจอแบบนี้ มันก็ทำให้ผมต้องคิดก่อนพูด มันอาจจะเป็นเพราะผมเป็นตัวของตัวเองมากเกินไป
 พอเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ก็มีพี่พีอาร์แนะนำเรื่องการพูดเหมือนกัน คือเมื่อก่อนต้องบอกเลย ว่าผมเจอข่าวเยอะ พอผมซื้อรถกระบะ ก็หาว่าแม่ยกซื้อให้ เวลาผมตอบก็ตอบไปในรูปแบบตลกๆ ฮาๆ ซึ่งตอนนี้ผมชินแล้ว เพราะเจออะไรมาเยอะ คิดไปทางที่ดีว่าพี่ๆ ไม่ลืมผม 


นิสัยส่วนตัวเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วยหรือเปล่า

 คือนิสัยผมเป็นคนตลก เฮฮา กวนๆ เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง ถ้าเพื่อนมีเรื่องขึ้นมา ผมเป็นคนห้ามเพื่อนนะ เป็นคนเก็บความรู้สึกอยู่ คือถ้าไม่พอใจอะไรก็จะเก็บไว้ ยอมรับว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน  แต่อารมณ์ร้อนเป็นที่เป็นทาง อย่างเช่นเหนื่อยๆ กับงาน ต้องมาเจอแฟนคลับ ที่มาขอลายเซ็น ผมก็บอกเขาเลยว่าขอตัว


แสดงว่าเป็นคนไม่เสแสร้ง

 ไม่...ผมทำไม่เป็น อย่างที่บอกว่าบุคลิกส่วนตัวเป็นคนกวนๆ เฮฮาๆ ก็ยังคงเป็นแบบนี้ จริงๆ จะว่าไปการอยู่วงการนี้จะว่ายากมันก็ยาก จะว่าง่ายมันก็ง่าย แต่ผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดี ผมใช้ความเป็นตัวเองมากที่สุด เป็นตัวเองให้มากที่สุด เช่น เมื่อก่อนผมเป็นคนกลางคืน เป็นนักร้องกลางคืน คิดดูแล้วกัน ว่านักร้องกลางคืนเขาทำอะไรกันบ้าง  ดูดบุหรี่ กินเหล้า แต่มาถึงตอนนี้เราก็มีขอบเขต เราก็ทำในสิ่งที่ควรทำ เพราะเราเป็นคนสาธารณะ เป็นคนที่หลายคนรู้จัก


ความดังมาควบคู่กับข่าวแง่ลบ

 ใหม่ๆ รู้สึกเครียดๆ กับมันมาก ทั้งข่าวเกย์ ลืมตัว มีแม่ยกมาเลี้ยง กกลูกกกเมีย ตอนนั้นจะรู้สึกเดือดร้อนมาก รู้สึกเซ็งๆ แต่เดี๋ยวนี้ ผมมองโลกในแง่ดีไปแล้ว คือรู้ว่าพี่ๆ นักข่าวก็ไม่ผิด เป็นหน้าที่ของพี่เหมือนกัน พยายามมองแง่ดีว่าพี่ๆ ยังคิดถึงเราอยู่


แต่เหมือนข่าวลืมตัว เรื่องมาก จะทวีความแรงขึ้นทุกวัน

 เรื่องมาก เรื่องเยอะ ไม่ใช่เลย เราไม่สามารถอธิบายให้คนทั่วประเทศรู้ได้ ว่าเราไม่ใช่คนอย่างนั้น คนอ่านข่าว เขาอ่านข่าวก็คงเข้าใจตามนั้น ถ้าคนรู้จักผม เขาก็จะบอกว่า อุ๊ย...บ้าตุ้ยไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าคนไม่รู้จักผม ก็จะคิดว่าเห็นไหม เข้าวงการมา 2 ปี ลืมตัวแล้ว ผมว่าหนึ่งร้อยคน หนึ่งร้อยความคิด มันห้ามกันไม่ได้


ความรักฉบับตุ้ย
หัวใจเป็นสีชมพูกับเขาบ้างหรือยัง

 ส่วนใหญ่ผมโดนจับคู่มากกว่า คือเป็นข่าวกับคนนั้นคนนี้ในวงการ ผมก็อยู่ของผมเฉยๆ จะบอกว่าไม่มี ก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่ไม่มีใครเป็นจริงเป็นจังมากกว่า ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเดินห้าง ถ้าผมมีก็คงไม่พาไปเดินห้างให้ปาปาราซซีถ่ายหรอก ถ้ายังไม่แน่ใจก็คงไม่เปิดเผยให้ใครรู้ เพราะถ้าวันหนึ่งเลิกกันมันก็อายนะ ยิ่งถ้าเป็นคนในวงการ ต้องเจอหน้ากัน ถ้าเลิกกันไป คงทำใจไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องเจอกัน ฉะนั้นผมไม่อยากมีแฟนในวงการดีกว่า


แสดงว่าตอนนี้มีคนที่คบหาดูใจเป็นสาวนอกวงการ
 อย่าใช้คำว่าคบเลย ใช้คำว่าคุยๆ กันอยู่ดีกว่า ผมคงไม่ได้ดูใจหรอก เป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า ผมไม่ชอบเปิดเผย แต่ถ้าชัวร์ผมจะหมั้นอะไรแบบเนี่ย แล้วจะบอกพี่ๆ แน่นอน


ไม่ชอบเปิดเผยแบบนี้ แสดงว่าตุ้ยมีโลกส่วนตัวเหมือนกัน

 ผมเป็นลูกคนเดียว อยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็ก อยู่ในห้องคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก มันก็เลยชินแล้ว ไม่ต้องมีอะไรมากมาย แต่ผมไม่ขนาดติสต์ ขอแค่อยู่คนเดียวบ้าง เพราะหน้าที่การงานผมอยู่กับคนหมู่มาก แค่อยากมีเวลาอยู่คนเดียวบ้างก็เท่านั้นเอง


มีสเปกสาวในอุดมคติไหม

 ก็ต้องตาโต ไทยๆ ส่วนนิสัยก็ต้องคล้ายๆ กับเรา เพราะเราติดดินด้วย ต้องคุยกันรู้เรื่อง ที่สำคัญต้องเข้ากับที่บ้านผมได้ ต้องคุยกับแม่ผมรู้เรื่อง


เป็นลูกชายคนเดียวแบบนี้ แม่จะยอมให้มีแฟนเหรอ

 โอ๊ย...แม่เขาไม่ยุ่งกับผมหรอก เขาบอกผมตั้งแต่แรกแล้วว่า เลี้ยงตุ้ยได้แต่ตัว เลี้ยงใจตุ้ยไม่ได้หรอก (หัวเราะ)  
 แหม...พูดตรง ชัดถ้อยชัดคำ เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เอง มิน่า...แฟนคลับถึงได้ร้าก



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์