ส่องรายการข่าว ในฟรีทีวี ใครกันเดินมาเหนือคู่แข่ง

เมื่อยุคของรายการประเภทข่าวไม่ใช่แค่การที่ผู้ประกาศข่าวมานั่งอ่านโพยในมือ แต่แปรเปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งประเภทรายการทีวี ที่ผู้ผลิตต่างต้องแก่งแย่งแข่งขันสรรหาวิธีการนำเสนอให้น่าสนใจเพื่อหนีคู่แข่ง

จึงทำให้รายการข่าวประจำช่องต่างๆ ในวันนี้มีการปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง และยังมีการหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายคนทำงานจากช่องนั้น ไปช่องนี้ มีการปั้นคนข่าวหน้าใหม่ๆ ขึ้นมาทำหน้าที่แทนคนเก่าเอาใจคนดูทุกกลุ่ม รวมถึงสรรหาสารพัดเทคโนโลยีเพื่อให้การนำเสนอลึกและฉับไวมากยิ่งขึ้น 

ลองมาดูกันสิว่าช่วงนี้มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นในรายการประเภทนี้กันบ้าง ยกตัวอย่างกันที่ ช่อง3 ที่ได้คนข่าวฝีมือเก๋าอย่างกิตติสิงหาปัด มาเสริมทีมกลบข่าวที่เคยเกาเหลากับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่โผมาซบช่อง 3 ก่อนหน้านี้

กิตติมาพร้อมกับรายการข่าวรายการใหม่ในชื่อ "ข่าว 3 มิติ" ซึ่งออกอากาศสดเวลา 22.30 น. ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ภายใต้สโลแกน ลึก-รวดเร็ว-รอบด้าน แม้ว่าช่วงแรกหลายคนจะมองว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ เพราะเหมือนเอาคนข่าวหน้าเดิมมานั่งเล่าไม่แตกต่างจากที่กิตติเคยทำมาครั้งอยู่ช่องเก่า 

เวลาผ่านไป 2 เดือนกว่า ข่าว 3 มิติเริ่มเป็นที่ถูกใจคนนอนดึก ด้วยสกู๊ปเจาะลึกในช่วงหลังที่ขึ้นมาเป็นหน้าเป็นตา ทั้งเรื่องคลิปฉาวโฟร์-มด และ เรื่องการยิงลำแสงโปรตอน ด้วยเครื่องเร่งความเร็วอนุภาคขององค์กรวิจัยนิวเคลียร์ (เซิร์น) 

แต่รายการที่ดูด้อยลงไปของข่าว3 ช่วงนี้ ไปตกอยู่ที่รายการ "ข่าววันใหม่" ที่มีการปรับเปลี่ยนทีมผู้ประกาศสลับกันไปมาและยังได้นำทีมผู้ประกาศหน้าใหม่ที่ยังไม่คล่องมาลองสนาม โดยเฉพาะ "วิว" เยาวพา บุรพลชัย มาอ่านข่าวกีฬา ทำให้ดูกระท่อนกระแท่น ไม่น่าติดตามเหมือนในช่วงแรกๆ

มาที่ช่อง5 (ททบ.5) ที่ดูเหมือนการนำ "เอิ๊ก" พรหมพร ยูวะเวส และ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล มาเสริมทีมในรายการข่าว "สถานีสนามเป้า" จะไม่ได้ช่วยกระตุ้นเรตติ้งเท่าไร เมื่อเทียบกับรายการข่าวช่องอื่นๆ ที่ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน สิ่งที่เห็นความพยายามของช่อง 5 อย่างมาก นั่นคือ การดันผู้ประกาศข่าวหญิงของตัวเองให้ขึ้นมานั่งวิเคราะห์ข่าว 

แตกต่างจากช่องอื่นๆ มักจะเป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ชลรัศมี งาทวีสุข ปานชนก พาทีทิน หรือ เขมสรณ์ หนูขาว ฯลฯแต่ยังไงก็ไม่โดนใจคอข่าวเท่าไร ทั้งที่พวกเธอก็พยายามที่จะโชว์ศักยภาพกันอย่างเต็มที่

ไล่กันต่อที่ช่อง7 ซึ่งเน้นปรับผังรายการข่าวช่วงดึกโดยทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เที่ยงคืนครึ่งกับรายการ "เจาะเกาะติด" โดยได้ผู้ประกาศหน้าเก่าจากช่องไอทีวีอย่าง "ต๊ะ" นารากร ติยายน เชิงชาย หว่างอุ่น ชิบ จิตนิยม และ "ก้อย" บุญญิตา งามศัพพศิลป์ 

เป็นหัวหอกมานั่งจ้อข่าวให้ฟังก็ยังไม่โดดเด่นเท่าไร เมื่อเทียบกับรายการ "คอข่าว" ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์ในช่วงเวลาเดียวกันที่ได้ กนกรัตน์วงศ์สกุล คนข่าวฝีมือดีจากเครือเนชั่นมานั่งจ้อกับ พิษณุนิลกลัด พิสิทธิ์ กีรติการกุล รายการนี้แม้จะโดนกระแนะกระแหนอยู่บ้างว่าชอบใส่ความเห็นส่วนตัวแบบออกนอกหน้าลงไปในข่าวรายการที่เป็นการบันทึกเทปล่วงหน้าทำให้ดูจืดชืด แต่ด้วยความเก๋าของผู้ดำเนินรายการทำให้ไม่ว่าจะยังไง คอข่าวก็ยังขอกดรีโมทไปดูอยู่ดี

นอกจากเจาะเกาะติด และ คอข่าวแล้ว ทุกวันอาทิตย์ในช่วงเวลาเดียวกัน ช่อง 7 ยังเสริมทัพรายการข่าวด้วยรายการ "อาทิตย์ติดข่าว" ที่มีไก่"ภาษิต อภิญญาวาท ผู้ประกาศหน้าละมุนมายืนพื้นทำหน้าที่คู่กับ สมโภชน์โตรักษา รายการนี้เกือบจะแจ้งเกิดได้ติดตรงที่มีความไม่แน่นอนสูง บางสัปดาห์ก็มี บางสัปดาห์ก็ไม่มี จนคนดูเบื่อ

ลุยกันต่อกับรายการข่าวของช่อง9 หรือโมเดิร์นไนน์ทีวี นอกจากข่าวข้นคนข่าวที่นำทีมโดย กนก รัตน์วงศ์สกุล อยู่ตัวแล้วรายการ "ตลาดเช้าข่าวสด" ที่นำเอาผู้ประกาศรุ่นใหญ่ที่อยู่คู่อสมท มายาวนาน อย่าง สุวิชสุทธิประภา และภรภัทรนีลพัธน์ มานั่งเล่าข่าวคู่กันซึ่งความโดดเด่นที่ถูกพูดถึงของรายการนี้ ไม่ใช่ตัวเนื้อข่าว ความฉับไวหรืออะไร แต่กลับเป็นสุ้มเสียงลีลาของทั้งคู่ที่แข่งกันแหลมออกมาได้ใจ จนหลายคนบอกว่าถือเป็นนาฬิกาปลุกตอนเช้าไปในตัวได้อย่างดี

ส่วนช่องเอ็นบีทีถ้าไม่นับรายการ"ความจริงวันนี้" ที่เป็นเหมือนกระบอกเสียงของรัฐบาล เอียงแล้วเอียงอีก ความโดดเด่นที่เห็นได้ชัดกว่าช่องฟรีทีวีอื่นๆ คือ ความคงเส้นคงวาของรายการข่าวภาคภาษาอังกฤษที่นอกจากจะเป็นช่องที่เริ่มต้นรายการข่าวประเภทนี้ก่อน ยังถือว่ารักษามาตรฐานไว้ได้อย่างดี

ชอบใจรายการข่าวแบบไหนก็คงขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ชมแต่ละคน เอาเป็นว่า ตราบใดที่โลกยังคงหมุน และคนยังเป็นสัตว์สังคม แน่นอนการเสพข้อมูลที่เกิดขึ้นในแต่ละวันย่อมจำเป็นและมาคู่กันเสมอ และนั่นก็หมายถึงรายการประเภทข่าวก็จะไม่มีวันหลุดไปจากจอ มีแต่จะปรับเปลี่ยนพัฒนาไปในทิศทางไหนเท่านั้น เฉกเช่นกับที่ยุคหนึ่งมีการเปลี่ยนถ่ายจากการนั่งอ่านโพยข่าวมาเป็นการนั่งเล่าข่าว นั่นเอง