ผละอกขนอันหนานุ่มไปซบอกขาวแบนของไฮโซ "แพท-ประกาสิทธิ์" แทนจนเรียกได้ว่าเป็นข่าวครึก โครมหน้าหนึ่งไปหลายวัน

ล่าสุดไฮโซหนุ่ม "นัท สารสาส" ถูกปาปาราซซี่แชะภาพควงนางแบบสาว "ริต้า-ศรีริต้า  เจนเซ่น" ไปดูคอนเสิร์ตนักร้องฮิปฮอปผิวหมึก "เอคอน" ซึ่งต้องยอมรับว่าคนดังทั้งคู่ยังถูกจับตาเหมือนเดิม

แค่นั้นยังคงเป็นกระแสไม่พอ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ในวันที่ไฮโซ "นัท" มาเดินแบบให้กับงานเปิดร้านเสื้อผ้าที่เซ็นทรัลเวิลด์นั้น เรียกได้ว่าคําว่าโลกกลมยังคงใช้ได้ผล เพราะสถานที่เดียวกัน "ปู-ไปรยา" อดีตแฟนสาวก็มาร่วมงานๆ หนึ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน และเหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เพราะทั้งคู่โคจรมาเจอกันโดยมิได้นัดหมายเหมือนกัน โดยทั้งสองฝ่ายเดินสวนกันไม่มีแม้แต่คําทักทายทําเหมือนไม่ใช่คนคุ้นเคยกันมาก่อน

งานนี้ไฮโซหน้าเข้มถึงกับหน้าจืดไปเลย เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้ปรายตามองแม้แต่หางตา โดยที่ไฮโซหนุ่มยอมรับว่าตกใจที่เจออดีตแฟนสาวนิดหน่อย โดยงานนี้ไฮโซหนุ่มยังบอกว่าข่าวฉาวที่ออกมาทั้งหมดตนเองอยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ พร้อมบอกว่าตนเองไม่ได้ใส่ร้ายใคร 

"เจอแล้วครับก็เดินผ่านเฉยๆ ครับ เราไม่ได้คุยกันแล้วครับ ก็ตกใจที่เจอเขา แต่เขาตกใจมากกว่าผมหน่อยนึง บังเอิญเจอครับ เมื่อกี้ไปห้องแต่งตัวผมกับห้องแต่งหน้าเขาบังเอิญมันอยู่ติดกันไง ก็เลยออกมาเจอกันครับ เกาเหลากับปู ไม่เรียกอย่างนั้นแล้วกันนะครับ มันมีข่าวเยอะแต่อะไรเป็นอะไรเดี๋ยวนานๆ คนก็รู้เองผมว่านะ เราไมได้ใส่ร้ายว่าอะไรใคร ข่าวที่ผ่านมาทั้งหลายแหล่ว่าผมไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้เอาเป็นว่าจริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่ทราบว่าเขามางานนั้นถึงทราบเราก็มาที่นี่ไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว ก็เจอกันได้แต่ไม่คุยดีกว่าครับ"

ส่วนเรื่องหัวใจเจ้าตัวเผยว่ายังโสดสนิท และไม่เคยปิดกั้นหัวใจ นอกจากนี้เจ้าตัวยังบอกต่อว่าหนักแน่นพอที่จะไม่เข็ดกับความรักครั้งก่อนๆ ส่วนสเป็คสาวเจ้าตัวบอกว่าชอบคนที่ไม่วุ่นวาย และชอบคนที่เอาใจตน หน้าตาและรูปร่างตนเองไม่จํากัดขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว

ด้าน "ปู-ไปรยา" ขอไม่ตอบคําถามใดๆ เกี่ยวกับ "นัท" และยังแสดงทีท่าไม่พอใจที่อดีตแฟนหนุ่มพูดถึงตนเองด้วยประโยคที่ยาวเกินไป โดยสรุปตบท้ายว่าตนยังรู้สึกดีๆ กับนัทอยู่ ก่อนเหยี่ยวข่าวจะโดนกีดกันจากผู้จัดการส่วนตัวของดาราสาว ได้ยินอย่างนี้แล้วทั้งปูทั้งนัทคงจะรู้ดีว่าความจริงมันคืออะไร

แต่นี่ล่ะน้า...พอเป็นแฟนกันก็หวานหยด แต่พอเลิกกันแล้วก็ไม่เหลือสิ่งดีๆ ให้แก่กันเลย นี่แหละคือเรื่องจริง