ล้วงลึก ‘เปรม’ ???หันหลัง ให้ ‘ทาทา’

กลายเป็นประเด็นฮอตใหญ่โต รวมไปถึงเป็นหัวข้อสนทนาให้กับทุกๆ แวดวง สำหรับความรักของ “เปรม บุษราคัมวงษ์ กับ อมิตา ทาทา ยัง”

ที่ในที่สุดไปไม่ถึงฝั่งฝันความรักล้มลงไม่เป็นท่า ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ผิดบ้างถูกบ้างคาดเดากันไปตามประสาวันนี้ ‘อินฟราเรดซูม’ จะทำหน้าที่คลายสงสัยให้กับทุกๆ คน ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขาและเธอ รวมไปถึงใครที่ไม่ได้เกาะติดสถานการณ์ความรักครั้งนี้จะได้รู้ข้อเท็จจริงจาก ‘เปรม’ อย่างละเอียดยิบ


เหตุการณ์ที่ผ่านมา ?

“ผมเองยังช็อคเลย”

ทำใจได้หรือยัง ?


“มันยาก เพราะเราคบกันมา 4 ปี ใช้ชีวิตด้วยกันมาถึงขั้นนี้แล้ว มันยากแน่นอน ต้องใช้เวลา ผมถึงบอกว่า อยากให้จบกันดีๆ จะได้เป็นเพื่อนกันต่อ ผมก็ยังจะซัพพอร์ตเขา ในสิ่งที่ซัพพอร์ตได้ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรที่มันไม่เกินหน้าเกินตาไปมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ผมก็ทำ เพราะถือว่า เรามีสิ่งดีๆ ให้กันตลอด 4 ปีที่ผ่านมา”

ตอนนี้ดูแลหัวใจตัวเองยังไง ?


“จริงๆ โชคดีที่มีเพื่อนที่ดีหลายคน ทุกคนพยายามให้คำแนะนำ ปลอบโยน ให้ผมพยายามหลุดจากความเศร้า ถามว่า ช่วยได้มั้ย ช่วยได้เยอะพอสมควร แต่ยังไง ความรู้สึกลึกๆ ยังมีอยู่ว่า เราเสียใจ แต่ถ้าไม่มีเพื่อน ผมแย่เหมือนกัน ใช้เวลากันมาตั้งนาน...หมั้นกัน คือ ความฝันของผมเกือบจะเป็นจริงแล้ว เพราะในชีวิตผมก็อยากจะมีใครซักคนที่อยู่ด้วย แล้วแต่งงาน มีลูก ผมอายุ 28 แล้ว กว่าจะวางแผนแต่ละอย่าง กว่าจะถึงขั้นที่มีลูก ตอนนั้นก็อายุ 30 กว่าพอดี


รับมือกับกระแสสังคมยังไง ?

“เตรียมอะไรมั้ย เราก็คือเรา ผมเชื่อว่า ตอนนี้ทุกคนน่าจะรู้จักผมบ้างว่า ผมเป็นคนยังไง ถามว่าจะพูดมั้ย พูดครั้งเดียว แล้วคงจะไม่พูดแล้ว เวลามันจะพิสูจน์เองว่า เรื่องราวมันเป็นยังไง ถามว่า หนักใจมั้ยที่ต้องเจอนักข่าว เรื่องพวกนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะว่า มันเป็นเรื่องความรักที่เราสูญเสียไป แต่เราต้องสู้นะครับ จะมาหลบหนีปัญหาไม่ได้ ต้องสู้กับปัญหา แล้วค่อยจบ เราถือว่า นี่เป็นบทเรียนอันหนึ่งที่เราเคยมี แล้วเราต้องก้าวหน้าต่อไป ไม่งั้นไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ หรือว่า ไม่มีวันที่จะเจอความรักอีกรอบ”

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ได้เคลียร์กันก่อนหรือเปล่า ?


“มี พยายามที่จะปรับความเข้าใจกันในหลายๆ ครั้ง แต่บางครั้งการรีบเข้าไปคุยให้เข้าใจเลย มันไม่ได้ มันต้องใช้เวลาในการที่จะปรับความเข้าใจ แต่สุดท้ายก็โอเค เราเป็นเพื่อนไปก่อนดีกว่า แล้วในช่วงเวลานั้นมันจะทำให้เราคิดได้หลายๆ อย่าง อย่างแรกผมคงจะนับเขาในสถานะเขาเป็นแฟน หรือ คู่หมั้นผมไม่ได้แล้ว มันจะทำให้มีความรู้สึกที่คิดถึงเขามั้ย หรือว่า ยังอยากให้เขาเป็นคนที่เราจะใช้ชีวิตด้วยตลอดไปไหม คือ มันเป็นเหมือนการทดสอบอีกอย่าง แต่ผมไม่คาดหวังอะไร เราทำทุกวันของเราให้ดีที่สุดดีกว่า อะไรจะเกิดให้มันเกิด ถ้าใช่มันก็ใช่ ถ้าไม่ใช่เราก็เป็นเพื่อนสนิทกันได้”

อะไรที่ทำให้คิดได้ว่า ไปด้วยกันไม่ได้ ?


“อันนี้จริงๆ แล้วไม่อยากไปโยนว่า เป็นความผิดของใคร สรุปว่าเราสองคนตกลงกันว่า ตอนนี้มันยังไม่ใช่ แล้วยังไม่ถึงเวลาที่จะไปต่อ ควรจะถอยหลังมาก้าวหนึ่ง แล้วมองดูดีๆ ว่า มันใช่ หรือ ไม่ใช่ เพราะว่าชีวิตนึง ผมอยากแต่งงานแค่รอบเดียว ผมคิดว่า ทุกคนไม่ว่า ผู้ชาย ผู้หญิง ก็อยากแต่งงานแค่รอบเดียว เราควรที่จะถอยหลังมาก้าวนึง แล้วดูจริงๆ ดีกว่าว่า ใช่มั้ย”


ที่ผ่านมามีข้อบกพร่องมั้ย ?

“ทุกคนมีข้อบกพร่องอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าเรามองเห็นหรือไม่เห็น แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่าในความสัมพันธ์นี้ ผมทุ่มเกินร้อย ถ้าผมรักใคร ผมรักจริง แล้วถ้ามาถึงจุดที่หมั้นแล้ว ผมต้องทำทุกอย่างแน่นอน เพื่อให้ความสัมพันธ์นี้เวิร์ค ไม่งั้นผมก็คงไม่คิดที่จะหมั้น ทุกคนอาจจะถามว่า ทำไมถึงหมั้น บางครั้งมันอธิบายไม่ถูกหรอกครับ แต่มันเป็นฟิลลิ่งว่า เฮ้ย คนนี้น่าจะใช่คนที่เราจะใช้ชีวิตตลอดไปด้วยกันได้”

หมั้นแล้วความสัมพันธ์เปลี่ยนไป ?


“มันได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นมั้งครับ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้น ทำให้เรียนรู้ว่า เราต้องการอะไรในชีวิต เพราะว่า อย่างผมนี่ถ้าผมหมั้นกับใคร ผมจะคิดไกลว่า โอเค ผมต้องเริ่มทำงานหนักขึ้น เพื่อเซ็ตอัพสำหรับครอบครัวที่เราจะมี ทำให้เรายิ่งคิดมากขึ้น หลายๆ คนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการที่หมั้นแล้วทิ้งช่วงนานๆ แต่ผมคิดว่า มันเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าการที่เป็นแฟนมันก็เป็นอีกฟิลลิ่ง การที่เป็นคู่หมั้นมันก็เป็นอีกฟิลลิ่ง ที่ใกล้เป็นความจริงขึ้นมา แล้วเป็นสามีภรรยาก็ขึ้นมาอีกฟิลลิ่งหนึ่ง แต่ละฟิลลิ่งมันจะต่างกัน เพราะว่าต้องมีความใกล้ชิดมากขึ้น มีความห่วงใยกันมากขึ้น หลายๆ อย่างมันพัวพันกันมากขึ้น”

มีมือที่สาม?


“ไม่ใช่เลย ไม่มีมือที่สามของทั้งสองฝ่าย พูดได้เลย รับประกัน ถ้ามีมือที่สาม ป่านนี้ก็คงแบบ ไม่เป็นไร ก็เลิกไป แต่นี่ คือ เรามาคุยกัน พยายามจะเคลียร์กัน หาวิธีแก้ไขว่า ทำอะไรได้บ้าง แต่มันก็ต้องใช้เวลาครับ โดยเฉพาะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก...ความรักเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราเจ็บที่สุด”


มีข่าวกับสาวๆ เยอะ ?

“ไม่หรอกครับ อย่างที่ผมบอก ถ้าเผื่อผมมีใครแล้ว ยิ่งหมั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปชอบผู้หญิงอื่น เพราะเรามีคนที่เรารักแล้ว ใช่มั้ยครับ ถ้าถามว่า มีผู้หญิงเข้ามาพัวพัน ยอมรับว่ามี แต่ผมปฏิเสธไป ไม่เคยที่จะไปไหนกับใคร ส่วนมากมีแต่เพื่อนเท่านั้น ซึ่งมันก็แปลกนะ ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจะไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย คือผมก็งง พอไปเที่ยวกับเพื่อนก็หาว่าเป็นแฟน พอไปกับกลุ่มผู้ชาย ก็หาว่าผมเป็นเกย์”

ข่าวที่แรงที่สุดในชีวิต ?


“ก็เนี่ยครับ พาผู้หญิงขึ้นคอนโดฯ ถ้าถามว่า มีผู้หญิงขึ้นคอนโดฯ มั้ย มี แต่ว่าเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น คือเวลาขึ้นไปทีไม่เคยขึ้นแค่สองคน แล้วตอนนี้ผมมีเพื่อนที่เป็นรูมเมทอยู่ด้วย เขาก็มีแฟน ก็ขึ้นไปกัน เพื่อนๆ ผู้ชาย 5-6 คน ผู้หญิง 2 คน หลังจากไปเที่ยว ขึ้นไปนั่งคุยกันอะไรงี้ ผมคิดว่า มันไม่ผิดที่ผู้ชายจะมีเพื่อนเป็นผู้หญิง แต่ข่าวก็เอาไปเขียน”

4 ปี ที่ผ่านมา เหนื่อยกับความรักบ้างมั้ย ?

“ไม่เหนื่อยนะครับ ไม่เหนื่อยเพราะเรารักเขาแล้ว เราก็เต็มใจทำให้เขา”


ได้บทเรียนอะไรบ้าง ?

“ผมเชื่อว่า ทุกอย่างมันมีความผิดพลาดอยู่แล้ว อย่างที่บอกครับ สิ่งสำคัญอย่างเดียวที่ผมคิดไว้ คือ การปรับตัว ความที่แต่ละคนจะเปลี่ยนนิสัยเพื่อปรับเข้าหากัน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด เพราะถ้าเผื่อฉันทำคนเดียว เธอไม่ทำ วันหนึ่งคนที่ทำคนเดียว มันก็จะเหนื่อย มันต้องบาลานซ์กัน 50-50 สองคนต้องจูนกัน และ พยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าคุณรักกันจริง มันต้องสำเร็จ”

มุมมองความรักเปลี่ยนไปมั้ย ?


“ความรักเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เรามีความสุข เพียงแต่เราต้องรู้ลิมิตของตัวเองว่า ควรจะซักเท่าไร เพราะว่าถ้าเราทุ่มให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วมันไม่ได้ออกมาเป็นตามที่เราคาดหวัง เราก็จะเฮิร์ท อย่างสมมติว่า เราคบกับใครนี่ โอเคคบได้ แต่ต้องเผื่อใจไว้ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ใช่เราจะไม่รักเขานะ แต่ต้องมีการเผื่อเอาไว้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ความรักมันเป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข”

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากแก้ไขอะไรมั้ย ?


“อยากย้อนมั้ย คงต้องมองความจริงว่า เราไม่สามารถกลับไปแก้ได้แล้ว ให้มาสมมุติอะไร ไม่เอาดีกว่า แต่ให้เราถามตัวเองว่า จนถึงวันนี้เราได้ทำดีที่สุดแล้วหรือยัง เพราะการย้อนกลับไป มันทำไม่ได้ เลยไม่อยากไปคิดถึงมัน เพราะคิดถึง มันก็จะยิ่งทำให้เรายิ่งแย่ลง ไม่เอาดีกว่า พยายามไม่คิดกับมัน คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว”


รีเทิร์น ?

“ไม่ขอคาดหวังอะไรดีกว่า เราจะเป็นเพื่อนกัน ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด จนวันหนึ่งถ้ามันจะใช่ เราสองคนก็จะรู้เอง ถ้าผมไปพูดว่า เลิกกันแล้ว คาดหวังไว้ว่า จะกลับมาดีกันได้แน่นอน ไม่เอาดีกว่าครับ ถ้าเผื่อเราคาดหวังไปแล้ว มันไม่ใช่ เราก็เจ็บ”

อนาคต ?


“ทำเหมือนเดิม คือ ทำงาน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ใครจะเข้ามา หรือ มีใครมั้ย อันนั้นปล่อยให้มันไปตามธรรมชาติ เราไม่ได้ไปเร่งรัด ไม่ได้รีบร้อนอะไร”

เข้าวงการบันเทิงก็มีข่าวกับสาวๆ อีก ?


“ถามว่ากลัวมั้ย ไม่กลัว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ จะอยู่นอกวงการ หรือ ในวงการ มันมีอุปสรรคอยู่แล้ว ถ้ามัวแต่จะมากลัว หลบซ่อน มันไม่มีประโยชน์อะไร ทำไมเราไม่เดินหน้า สู้เข้าไป มีบทเรียนนี้แล้ว ถ้าเผื่อเจออะไรข้างหน้าจะได้รับถูก ถ้ายิ่งวิ่งหนี คนก็ยิ่งจะดูถูก หรือ ไม่มั่นใจในตัวเรา ความรู้สึกในแง่ลบมันจะตามมา เหมือนว่า เราขี้ขลาด ถึงแม้เราจะผิดหรือไม่ผิด ต้องกล้าสู้ความจริง เพราะมันเป็นความจริง”

เปิดหัวใจรับใครคนใหม่ ?


“ขอพักชาร์จแบตฯ ซักพัก จริงๆ เปรม เป็นคนที่อยากมีแฟน อยากอยู่กับแฟน แต่มันต้องมีช่วงเวลาหนึ่ง ที่เราต้องมาศึกษานิสัยใจคอกัน คือ จะมาคบใครคบเลยไม่ได้ ถ้าเผื่อคบไปเดี๋ยวก็เลิก มันไม่คุ้ม ผมขอเวลาศึกษาเขา ถามว่า จะไปไหนด้วยกันมั้ย ยังไม่ได้เปิดตัวอะไร ก็เป็นเพื่อนกันธรรมดา เฉยๆ แต่พอได้รู้จักนิสัยกันแล้วค่อยว่ากัน” 

     เนื้อหอมแบบนี้ คงจะหาสาวๆ มาดามใจได้ไม่ยาก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นิตยสารทีวีอินไซต์

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์