เสี่ยอู๊ด หยิบรูป แจงสัมพันธ์รัก ฟิล์ม รัฐภูมิย้ำชัดแค่พี่น้อง-ไม่อยากดังแต่อยากได้ความจริง

"เสี่ยอู๊ด" หยิบรูป แจงสัมพันธ์รัก "ฟิล์ม รัฐภูมิ"ย้ำชัดแค่พี่น้อง-ไม่อยากดังแต่อยากได้ความจริง

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2549 21:49 น.

"เสี่ยอู๊ด" แถลงใหญ่ แจงความสัมพันธ์ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" พร้อมรูปถ่าย ย้ำชัด ช่วยเหลือจริงแต่ฐานะพี่น้องไม่ใช่คู่ขา ยันอาร์เอสไม่เคยติดต่อมาคุยหรือห้าม เปิดใจที่ต้องพูดเพราะตัวเองเสื่อมเสีย และไม่ได้อยากดัง เพียงแค่อยากให้นักร้องดังออกมาพูดความจริงเท่านั้น

กลายเป็นคนดังในแวดวงบันเทิงไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวสำหรับ "สิทธิกร บุญฉิม" หรือ "เสี่ยอู๊ด พระเครื่อง" หลังออกมาบอกว่าตนเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวหนุ่มฟิล์มจนตกเป็นข่าวครึกโครม ขณะที่ฝ่ายนักร้องคนดังบอกปัดว่าเป็นแค่คนรู้จักที่เคยช่วยเหลือแม่เท่านั้น ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ฝ่ายเสี่ยอู๊ดเลยขอแจงต่อสื่ออย่างเป็นทางการ และเล่าถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อหนุ่มฟิล์มว่า แท้จริงแล้วตนรักหนุ่มฟิล์มฉันท์พี่น้องและรักด้วยความบริสุทธิ์ใจ


"สิ่งที่จะพูดในวันนี้คือเนื่องจากข่าวที่ออกมา ทั้งจากการให้ข่าวในส่วนของผมหรือในส่วนของน้องเอง มันยังไม่ได้เป็นคำให้การจากปากของผมโดยสิ้นเชิง จึงคิดว่าต้องออกมาพูด เพราะว่าทุกคนสงสัยว่าผมต้องการอะไร สิ่งที่ต้องการคืออยากให้เราพูดกันเฉพาะความจริง แล้วคนที่จะพูดความจริงก็มีแค่สองคนคือผมกับน้อง และผมคิดว่ามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายของการช่วยเหลือกัน มันเป็นเรื่องดีซะด้วยซ้ำที่คนคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือในยามที่เค้าเดือดร้อน"

"ใจจริงก็ไม่ต้องการให้ฟิล์มมันเสียหายไปมากกว่านี้แล้ว พูดง่ายๆ ก็ตีพอเบาะๆ ผมไม่เอาถึงตายหรอก"

"เหตุที่เป็นอย่างนี้...ถ้าเรื่องทั้งหมดมันถูกเคลียร์กันเพียงแค่สองคน แม่เค้าก็ไม่ต้องเกี่ยว คนอื่นก็ไม่ต้องเกี่ยว แต่นี่เพราะเคลียร์กับฟิล์มไม่รู้เรื่อง ซึ่งตอนนั้นผมปากไวไปหน่อยว่าถ้ายังหลบลี้หนีปัญหาผมจะขอเคลียร์ผ่านสื่อ แล้วผมเป็นคนพูดอย่างไหนผมทำอย่างนั้น ก็เหมือนกันบอกจะช่วยผมก็ช่วย เรื่องการเคลียร์ผ่านสื่อแรกๆ ก็เป็นเพียงเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตัดพ้อผ่านสื่อที่รู้จักกัน แต่ไม่รู้ว่ามันจะบานปลายใหญ่โต ปัญหามันเล็กนิดเดียวแต่น้องเค้าหนีปัญหา ไม่ยอมรับความจริงเรื่องมันเลยบานปลาย"

"ผมจริงใจกับมัน ถ้าไม่จริงใจผมคงไม่ช่วยมันขนาดนี้ แต่มันก็รู้สึกไม่ดีที่ผมเสียหายอย่างรุนแรง แต่สำหรับฟิล์มผมไม่รู้ว่าเค้าเสียหายเหมือนผมหรือเปล่า เพราะฉะนั้นวันนี้จึงมาพูดให้รับฟังพร้อมกัน ที่ผ่านมาฟิล์มให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ ผมได้ดูแล้วรู้สึกว่ามันเป็นข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร แต่ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นบทบาทหนึ่งของการเป็นศิลปินดาราซึ่งจะต้องให้แลดูดีสักหน่อย ซึ่งทั้งเรื่องของบ้านและรถยนต์ที่เค้าพูดมันไม่เป็นความจริงเท่าไหร่เลย แล้วถ้าไม่พูดความจริง...จะให้ดีคือไม่ต้องพูดเลยดีกว่า เพราะในความรู้สึกมันไม่ดี"

รูปที่หยิบมายืนยันความสัมพันธ์

ที่ผ่านมาได้ช่วยเหลืออะไรฟิล์มบ้าง?

"จากที่มีข่าวออกมา แล้วกับคนที่รู้จักกันที่เค้าบริโภคสื่อ เค้าก็มาถามผมว่าสรุปผมจะเชื่อใครดี เพราะถ้าเชื่อน้องก็แสดงว่าผมโกหก ซึ่งมันจะส่งผลเสียในเรื่องของความน่าเชื่อถือในส่วนการงานผมกับผู้หลักผู้ใหญ่ ฉะนั้นถ้ามันส่งผลเสียตรงนี้ ผมก็อยากให้น้องออกมารับความจริง ถ้าน้องจะไม่ยอมรับความจริงตั้งแต่ต้น ให้น้องไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า เพราะถ้าพูดแบบนี้ฟีดแบ็คผมมันเสีย คนเค้าจะสงสัยว่าสรุปใครพูดจริง วันนี้ผมขอพูดถึงต้นสายปลายเหตุเพราะในเรื่องของรายละเอียดสื่อคงเขียนไปหมดแล้ว"

"แต่ยังไงผมก็ขอแสดงความเสียใจกับความกระทบกระเทือนที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของฟิล์ม ตัวผมอยากให้ฟิล์มมันโด่งดังไปมากกว่านี้ แต่ผมไม่อยากให้มันติดนิสัยไม่ดีตรงนี้ไป เดี๋ยวจะเป็นแบบอย่างไม่ดีกับเยาวชน และแสดงความเสียใจกับต้นสังกัดเค้าด้วย ที่ผมต้องออกมาพูดเพราะผมต้องรักษาตัวผมก่อน เพราะมันพาดพิงถึงผมอย่างแรง"

ช่วยเหลืออะไรน้องไปบ้าง?

"เอาเท่าที่จำได้...ถ้าเป็นเรื่องบ้านผมเป็นคนประมูลให้ การช่วยเรื่องบ้านมันไม่ใช่ไปยกให้กันง่ายๆ แต่มันมีสาเหตุมาจากเมื่อปี 2538 ถ้าผมจำไม่ผิดนะ คุณพ่อเค้าได้เอาบ้านไปจำนองไว้กับธนาคารกรุงไทย โดยมีคุณแม่เป็นผู้ค้ำประกัน แต่หลังจากนั้นเมื่อปีที่แล้วบ้านหลังนี้โดนแบงค์ยึดและกรมบังคับคดีได้นำไปขายทอดตลาด วันที่ 17 ตุลา ปี 48 ตอนนั้นน้องเข้าวงการแล้ว ดังแล้วด้วย ที่ทุกคนได้รับทราบข่าวว่าน้องฟิล์มรวยเป็นสิบล้าน ซึ่งตอนนั้นผมก็ได้รับข่าวเหมือนกัน ยังพูดเลยว่าถ้ามีเงินแล้วทำไมไม่ไปทำอะไรให้เรียบร้อย"

"ครั้งแรกที่โดนประมูลไปวันที่ 17 ต.ค. คุณพ่อเค้าไปคัดค้านไว้ ซึ่งคุณพ่อก็มาขอคำปรึกษาจากผมว่าอยากได้บ้านหลังนี้กลับ แต่เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่น้องไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีเงินเพียงพอ ก็เลยมาขอร้องให้ผมช่วย ในวันที่ 17 ต.ค. ผมก็มอบให้พนักงานฝ่ายนิติการของบริษัทไปประมูลมา ในราคาสองล้านสามแสนเก้าหมื่นบาท และบ้านหลังนี้เป็นชื่อของผม หลังจากนั้นวันหนึ่งน้องก็ได้แวะมาเยี่ยมเยียน ปรารภว่าไม่สบายใจที่บ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของคนอื่นอยู่ ก็คือชื่อผม เค้าอยากจะโอนมาเป็นชื่อของเขา แต่ตอนนั้นน้องมีเงินไม่พอ ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้คิดจะเอาบ้านหลังนั้นอยู่แล้วเพราะเก่าและโทรมมากเลย"

ทำบุญร่วมกัน

"แล้วหลังจากนั้นหนึ่งเดือน วันที่ 17 พ.ย. เป็นวันเกิดเค้า ซึ่งวันนั้นน้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่อีสาน ก็เซอร์ไพร์สโทร.ไปบอกเค้าว่า พี่ให้มึงเป็นของขวัญวันเกิดก็แล้วกัน น้องก็ดีใจ เมื่อให้ไปแล้วก็ไม่ได้มีพันธะอะไรผูกพัน เพราะถ้าจะต้องโอนให้ผมต้องเสียภาษีอีก ฉะนั้นก็เลยยกให้ไปเลยดีกว่า ตอนที่ให้คิดว่าคงจะเดือนร้อน วิ่งหาใครช่วยก็ไม่มี ผมถือเป็นการซื้อใจเพราะอย่างน้อยผมเชื่อว่าวันหน้าเด็กคนนี้ต้องได้ดีกว่านี้มาก มองดูโดยเนื้อแท้แล้วเด็กคนนี้ดี"

"ครั้งนั้นก็ได้ทำเอกสารมอบบ้านให้เรียบร้อย เพียงแต่ยังไม่ได้ให้เนื่องจากความไม่พร้อมบางประการ แต่ตอนนั้นน้องเค้าเข้าใจว่ายกให้แล้วทำไมไม่โอนให้สักที ก็มาทวงถามกับผม ผมยังไม่บอกกับคุณแม่เค้าเลยว่าใครบอกให้มาทวง นี่เป็นการให้นะ เรื่องนี้คุณแม่เค้ารู้ดี"

"หลังจากนั้นเราได้ไปเที่ยงฮ่องกงกันตามประสาพี่น้อง ต้องเข้าใจว่าน้องเค้าเป็นคนดังเที่ยวเมืองไทยไม่ค่อยสะดวก ทีนี้ไปเมืองนอกเค้าก็ชอบชวนผมไปเที่ยวเพราะเค้าก็ชอบช็อปปิ้งเรื่อยเปื่อยตามประสา หลังจากนั้นวันที่ 29 ธ.ค. มีงานเลี้ยงที่บริษัทน้องเค้าก็มาร่วมงานด้วย และก็มารับมอบทุกอย่างไปและไปทำการโอนวันที่ 6 ม.ค. นี่เอง นี่คือความจริง ฉะนั้นจะบอกว่า ผม..นักธุรกิจหนุ่มที่ให้ความช่วยเหลือเรื่องบ้าน ช่วยเค้าก่อนเข้าวงการตามที่สื่อลงนั้น มันไม่จริงเพราะช่วงเวลานั้นฟิล์มเข้าวงการแล้ว แล้วที่สำคัญคนที่บ้านฟิล์มไม่มีเครดิตอะไรกับพี่นะ ถ้าจะช่วยคือช่วยเราคนเดียว เพราะเรายังพอมีเครดิตกับพี่ก็เลยช่วยไป"

"ห้องข้างๆ บ้านฟิล์มผมก็เป็นคนประมูลจากธนาคารกสิกรไทย ใช้เงิน 2 แสนบาท แต่มีความรู้สึกว่าตอนนั้นไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดน้องเท่าไหร่นัก ก็เลยบอกเค้าไปว่าให้ไปเคลียร์จ่ายกันเอง โดยให้ธนาคารโอนผ่านชื่อฟิล์มไปเลย ไม่ต้องใช้ชื่อผม บ้านหลังที่ 2 ประมูลมาสองล้านหกแสนห้าหมื่นบาทแต่ให้น้องจ่ายเอง จ่ายจากเงินดาวน์ที่ผมวางไปคือ 2 แสน แต่ก้อนนี้เค้าคืนผมมาแล้ว ฉะนั้นการช่วยเหลือเรื่องบ้านก็มีเท่าที่ผมพูดมานี่แหละ"

"ข่าวออกไปว่าฟิล์มมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน จริงๆ ไม่ถึง"

ปล่อยปลา

เมื่อย้อนไปถึงเมื่อครั้งแรกที่ได้เจอกับนักร้องหนุ่ม แม้จะแบบไม่เต็มใจนักแต่เสี่ยอู๊ดก็เล่าเหตุการณ์อย่างแม่นยำและยืนยันมิตรภาพที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่เพียงพี่น้องเท่านั้น

"นับถึงวันนี้ก็ 1 ปี 2 วัน รู้จักกันวันที่ 17 เม.ย. 48 น้องเค้าไปงานสงกรานต์ที่บ้านผมที่ระยอง ไปเล่นคอนเสิร์ต คือผมซื้อคอนเสิร์ตแดนกับบีมไป แล้วทางอาร์เอสฯเค้าแถมน้องฟิล์มไป แต่ผมไม่เอาผมขอเป็นบีมิกซ์เพราะมี 4 คน มันคุ้มกว่า แต่สุดท้ายก็เป็นฟิล์มแทน จนเล่นคอนเสิร์ตเสร็จโดยมารยาทอย่าไปว่าเค้านะ...โดยมารยาทก็ต้องมาคารวะเจ้าของงานอยู่แล้ว แล้ววันนั้นผมพักที่โรงแรมพลาธานี ฟิล์มก็พักที่นั่นเหมือนกัน เค้าก็เข้ามาคารวะผมในห้องพัก ทีนี้รุ่งเช้าก่อนกลับน้องก็ได้ให้ซีดีเพลงของเค้าและกระดาษมีข้อความว่า ´ขอบคุณนะครับพี่ที่ให้มาช่วยงาน แล้วเจอกันนะครับ´ และก็มีเบอร์โทร.เค้า"

เวลาอยากได้อะไรฟิล์มเค้าเข้ามาขอเองหรือเป็นคนเสนอให้เอง?

"ผมจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าอยากได้รถมินิออสติน ผมจะรู้ได้ไงว่าเค้าอยากได้เครื่องเพชรให้แม่ เค้าขอเอง...."

การช่วยเหลือฟิล์มมากมายขนาดนี้ เพื่ออะไรหรือมีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า เพราะมันไม่หนีเรื่องบนเตียงเรื่องใต้สะดือไปได้ อยากให้ช่วยอธิบายนิดนึง?

"ผมช่วยด้วยความจริงใจ และไม่ได้ช่วยแค่ฟิล์มคนเดียว ผมทำบุญสร้างวัดสร้างโรงเรียนเป็นร้อย ผมไม่เห็นได้อะไรเลย ผมให้ทุนการศึกษานักเรียนทั้งจังหวัด และอย่าคิดว่ามีแต่ผู้ชายนะ ผู้หญิงเยอะกว่าอีก นับประสาอะไรเจ้าฟิล์มผมจะให้ไม่ได้ ถามว่าผมทำแบบนี้ได้อะไรก็ไม่ได้ แต่ในอนาคตถ้าผมหมดพาวเวอร์ลง คนพวกนี้แหละที่จะพึ่งได้ อย่างไอ้เจ้าฟิล์มวันข้างหน้าจะขอมันสักล้านสองล้านก็น่าจะได้ นี่คือสิ่งที่หวังในวันข้างหน้าไม่ใช่วันนี้"

ความสัมพันธ์ระหว่างกัน?

"พี่น้องครับ ไม่ต้องให้คนอื่นพูดผมพูดเอง แม่เค้าก็ฝากเค้าไว้กับผม ที่คิดว่าเป็นเรื่องใต้สะดือไม่ใช่หรอก พูดกันตรงนี้ไม่อาย ถ้ามีจริงผมไม่มาแถลงข่าวหรอกเพราะผมไม่อยากให้มันเสียไปมากกว่านี้ ความจริงยังไงมันก็คือความจริง"

บ้านหลังที่เสี่ยอู๊ดบอกว่าจัดการให้

เพราะอะไรถึงให้ความเมตตากรุณากับฟิล์มมากขนาดนี้?

"คำพูดของเค้าคำหนึ่งบอกว่า เค้าไม่รู้จะดังอยู่ในวงการนี้ได้นานหรือเปล่า เค้าอยากสะสมเงินให้ได้มากที่สุด ผมก็เลยบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ในส่วนของรายรับก็รับมาเก็บให้ได้มากที่สุด ส่วนรายจ่ายถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงช่วยได้ก็บอกพี่ก็แล้วกัน ได้มาก็จริงแต่รายจ่ายอีกจิปาถะ แล้วลำพังหนี้สินเก่าที่พ่อแม่เค้าทำไว้ก็เพียบเลย รับรองไม่เหลือสักบาท"

นอกจากข้อหาปิ๊งหนุ่มฟิล์มแล้ว อีกกรณีที่เสี่ยอู๊ดโดนเข้าไปอย่างจังคืออยากดัง ซึ่งเสี่ยอู๊ดก็ปฏิเสธ และยืนยันไม่เคยได้รับการติดต่อจากทางอาร์เอสแต่อย่างใด และยืนยันความสัมพันธ์กับหนุ่มฟิล์มไม่มีวันเหมือนเดิมด้วย

มีคนมองว่าที่ออกมาแถลงข่าวเพราะคุณสิทธิกรอยากดัง?

"ดังแล้วได้อะไร ดังแบบนี้ไม่ดีเลย ครั้งนี้นอกจากผมจะเสียเงินแล้ว ยังเสียชื่อด้วย เสียหายด้วย เสียความรู้สึกด้วย ก่อนหน้านี้ปีสองปีผมดังในด้านที่ดีกว่านี้"

ถูกมองว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก รู้สึกยังไง?

"เป็นธรรมดาพ่อแม่ยังต้องตีลูกเลย ผมเป็นพี่ตบสักฉาดคงไม่น่าเกลียดหรอก แต่ไม่ฆ่า"

ได้มีการเจรจาลับๆ กับทางอาร์เอสฯ หรือกับฟิล์ม หรือยังก่อนจะมาแถลงข่าว?

"คำถามนี้ดี....มันต้องวกไปเรื่องของบัตรเครดิตอีกแหละ คือน้องเค้ายังทำบัตรเครดิตไม่ได้ แล้วเวลาไปต่างประเทศมันจำเป็นต้องใช้ ซึ่งผมก็ได้ให้บัตรเค้าถือไว้ใช้ในสิ่งจำเป็น แต่ถ้าจะใช้อะไรที่เยอะให้แจ้งผมก่อน ก็ให้ไป 2 ใบ มีกติกาให้เค้าคือถ้ารูดยิบย่อยได้เลยแต่ถ้าเกิน 1 หมื่นขอให้บอกกล่าวก่อน แต่เค้าไม่แจ้งเท่าที่ควรซึ่งผมก็เฮิร์ตหลายครั้งเหมือนกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งมาขอบอกจะไปซื้อกลองราคาประมาณ 2 หมื่นกว่า ผมก็ให้ไป แต่เอาเข้าจริงๆ สลิปกลับมามันกลับเป็นเงิน 4.2 หมื่นบาท ผมก็เฮิร์ตสิ ครั้งนั้นก็ตำหนิไป หลังจากนั้นก็มีมาอย่างนี้อีก 4 หมื่นบ้าง 8 หมื่นบ้าง ผมก็เลยรู้สึกว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องแล้ว"

แต่ฟิล์มเค้าก็ทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่?

"เด็กคนนี้กตัญญู แต่การกตัญญูแปลว่ารู้คุณ กตเวทิตาแปลว่าแทนคุณ ถ้ามีรู้คุณแล้วมันต้องแทนคุณด้วยสิ ทีนี้มันไม่ใช่เฉพาะพ่อแม่ ผู้เกี่ยวข้องครูบาอาจารย์ ผู้เคยให้ความช่วยเหลือเพื่อนฝูง ก็ต้องแทนด้วย"

ระหว่างไปเที่ยวด้วยกัน

การมาออกมาพูดแบบนี้ ยิ่งเป็นการทำให้สัมพันธภาพแย่ลงหรือเปล่า?

"แย่ก็ไม่เป็นไร เพราะถ้ามันไม่คบผมก็ไม่เป็นไร ไม่เสียหายอะไร ไม่ซีเรียส ผมบอกแล้วพูดจริงแล้วทำจริง บอกไปแล้วถ้าไม่เคลียร์ขอเคลียร์ผ่านสื่อ"

รวมทั้งหมดมูลค่าประมาณเท่าไหร่?

"มูลค่าเงินไม่เกิน 7 ล้านหรอก มูลค่าสินทรัพย์ก็เท่าที่บอกไป"

จุดที่ทำให้แตกหักคืออะไร?

"ประเด็นที่ทำให้เฮิร์ตที่สุดคือที่เค้าบอกว่าผมแอบอ้างว่ารู้จักกัน เรื่องคนที่ช่วยเหลือเรื่องบ้านฟิล์มมีอยู่กี่คน เรื่องนี้ฟิล์มรู้อยู่แก่ใจ ซึ่งก็มีผมคนเดียว แต่ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ามีแต่ช่วยเหลือแม่ ซึ่งในความเป็นจริงผมรู้จักกับแม่หลังรู้จักเค้าด้วยซ้ำเพราะเค้ามาแนะนำให้รู้จัก"

เป็นการทำลายชื่อเสียงฟิล์มหรือเปล่า?

"จะพูดว่าทำลายก็คงจะใช่มั้ง อย่าไปปฏิเสธเลย แต่ไม่ฆ่าให้ตายหรอก สุดท้ายแล้วคนไทยใจดีเดี๋ยวก็ให้อภัยถ้าน้องฟิล์มยอมรับความเป็นจริง แล้วความเป็นจริงนี้มันไม่ใช่เรื่องใต้สะดือจะไปกลัวอะไร"

อาร์เอสฯ รู้ว่าจะแถลงข่าวมีโทร.มาเบรกมั้ย?

"อย่าว่าแต่แถลงเลย ทุกเรื่องไม่เคยได้รับการติดต่อเลยนะ"

ไม่กลัวอาร์เอสฯ ฟ้องกลับเหรอที่ทำให้ศิลปินเบอร์หนึ่งเสียชื่อเสียง?

"อาร์เอสฯ จะฟ้องผมข้อหาอะไรล่ะ ถ้าฟิล์มอาจจะใช่ แต่คุณคิดดูให้ดีสิ ถ้าฟิล์มฟ้องผมมันจะไม่เน่าไปใหญ่เหรอ ไอ้ที่เค้าเขียนว่าฟิล์มอกตัญญูคือไม่รู้คุณ ทีนี้จะไม่กลายเป็นเนรคุณเหรอ อย่าทำให้น้องเสียขนาดนั้นเลยพอแล้ว"

ที่บอกจะฟ้องฟิล์มนี่ข้อหาอะไร?

"มันมีในข้อกฎหมายอยู่แต่ไม่อยากพูด ตอนนี้ก็สงสารมันมากแล้ว"

อยากให้ฟิล์มแสดงท่าทีอะไร?

"ถ้าไม่แสดงก็ถือว่าผมพูดแล้ว ก็แล้วกันไปก็ได้เพราะถือว่าผมพูดความจริงแล้ว ถ้าฟิล์มไม่พูดก็เรื่องของฟิล์ม เค้าจะไม่ขอโทษก็เรื่องของเขา ส่วนจะฟ้องไม่ฟ้องบอกตรงๆ ข้อกฎหมายมันฟ้องได้ ส่วนความสัมพันธ์หลังจากนี้คงไม่สนิทใจเหมือนเดิม"

รถคันที่เป็นข่าวว่าดาวน์ให้ฟิล์ม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์