นุก สุทธิดา คุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยว

ผ่านมรสุมชีวิตมาหนักหนาสาหัสมาอีกราย หลังใช้ชีวิตคู่มาร่วม 5 ปี จนมีทายาทคล้องใจถึง 2 คน

คือ น้องปิ๊ปโป้-ด.ช.ฐปนต และ น้องปาแปง-ด.ช.อินทัช แต่ก็ไม่เป็นผลในเมื่อไม่สามารถยื้อชีวิตคู่ของอดีตนักร้องและนักแสดงสาวอย่าง นุก-สุทธิดา ธรรมโรจน์พินิจ (เกษมสันต์ ณ อยุธยา) กับอดีตสามี ป้อ-บุญสิทธิ์ ธรรมโรจน์พินิจ เอาไว้ได้เลย ซึ่งทั้งสองก็ออกมายอมรับว่า “แยกเตียง” มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว แถมยังถูกโยงมีส่วนเป็นต้นเหตุของอาการบาดเจ็บเพื่อนชาย แจ๊ค-กฤษฎา ไฮโซคนดัง ที่มีข่าวว่าอดีตสามีเข้าไปรุมทำร้ายถึงร้านอาหารของตัวเองอีก ต่างหาก
 
เรื่องราวเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อจิตใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ชื่อว่า นุก-สุทธิดา ไปเต็ม ๆ!
 
วันนี้ “ดาวต่างมุม” จึงรีบคว้าตัวเธอมาโฟกัสชีวิตที่วันนี้ต้องกลายเป็น “Single Mom” หรือ “แม่ม่าย” ไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นมาไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอกันก่อน



6 ปีใช้ชีวิตครอบครัวมาแบบไหน?
  
“นุกเรียกชีวิตตัวเองว่า “ชีวิตยุง” เกิดมาตายภายในวันเดียว คือ อยู่กับลูก ทำทุกอย่างตรงเวลาเป๊ะ ๆ ตื่นเวลานี้ ๆ พาป้อนข้าว อาบน้ำ เวลาเดิม พาเค้านอนกลางวัน เตรียมอาหาร นุกจะมีเวลาให้ตัวเองตอนหัวค่ำ ช่วงที่พี่เลี้ยงป้อนข้าวเย็นเด็ก ๆ ค่ะ มีเวลานั่งดูทีวีสัก 2 ชั่วโมง แล้วเอาเค้าเข้านอน” 

อ้าว! แล้ว ป้อ ล่ะ มีเวลาไหนที่อยู่กันพร้อมหน้าเป็นครอบครัว พ่อ-แม่-ลูก บ้าง?      
  
“ไม่มีเลย นอกจากนุกจะบังคับให้เค้าขับรถไปส่งลูกเรียน จะเป็นช่วงเวลาที่อยู่พร้อมหน้ากันเฉพาะในรถเท่านั้น พอลูกถึงโรงเรียน เขาก็จะแยกตัวไป   นุกพยายามจะให้อยู่ แต่ว่าด้วยวิถีชีวิตของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน มันอาจจะได้เท่าที่ได้ นุกเองไม่ได้มีเวลาไปบังคับเค้ามากนัก ด้วยความสนใจเราไปอยู่กับลูกมากกว่าค่ะ”

เคยย้อนมองดูตัวเองมั้ยว่าทำไมต้องทำหน้าที่พ่อแม่ในเวลาเดียวกัน?
   
“ผู้หญิงไทยเป็นเหมือนกันเกือบหมด คิดว่าผู้ชายไทยจะต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งบางส่วนไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ทั้งหมดนี้นุกไม่ได้โทษใคร มันก็อยู่ที่ตัวเองอีกนั่นแหละ อีกอย่างขึ้นชื่อว่าผู้ชายจะคิดว่า ฉันมีสิทธิมีคนอื่นเต็มร้อย ความคิดแบบนี้มันไม่ใช่เลยนะ โอเค การเลี้ยงลูกมันเป็นหน้าที่ของผู้หญิง ฉะนั้นคำว่า สุภาพบุรุษคืออะไรเหรอ?”    



แบบว่าอย่างน้อยกำลังใจที่สามีต้องมีให้ภรรยา?
   
“ตอนเด็ก ๆ ได้ยินว่า...ให้ผู้หญิงก่อน เลดี้เฟิสต์ จริงเหรอไม่ใช่ท่องแต่ปาก คุณมีการกระทำอย่างนั้นตลอดชีวิตรึเปล่า ที่คิดอย่างนี้เพราะนุกมองว่าคุณพ่อของเราเพอร์เฟกต์ในสายตาเรามาก คุณพ่อกลาง ๆ นุกว่าคุณแม่ของเราโชคดีด้วยที่มีคุณพ่อ มีสามีที่ดี คุณแม่มีชีวิตที่เรียบง่าย คุณพ่อนี่เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมีอย่างนี้แล้ว นี่ไม่ใช่พูดเพราะเป็นคุณพ่อตัวเองนะ ตอนเด็ก ๆ ภาพที่จำได้เลยนะ ก่อนนอนเค้าจะไล่เด็ก ๆ นอนเค้าจะไม่ปิดไฟนะ จนกว่าจะนั่งตบยุงตายทุกตัว เพราะยุงจะได้ไม่มากัดลูกเค้า คนเราเป็นพ่อแม่ เวลาเลี้ยงลูก วิธีเลี้ยงลูกไม่เหมือนกัน หน้าที่ไม่เหมือนกัน แต่พ่อนุกเนี่ยจะเป็นต้นแบบในความเฉลียวฉลาด เป็นไอดอล คุณแม่จะเป็นในแง่ของความสุข ถ้าใครโตมามีความสุขแสดงว่าใกล้กับแม่ หรือใครโตมามีความฉลาดจีเนียสเนี่ยน่าจะใกล้กับพ่อ ถ้าเป็นไปได้ลูกควรโตมาระหว่างบุคคลทั้งสองคน ข้าราชการพ่อเลิกงาน 4-5 โมงเย็นถึงบ้านแล้ว ไม่แวะไหน ไม่เคยด้วย กลับบ้านมาสอนลูกระบายสี ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ เล่นกีฬา ใช้เวลากับลูกทั้งหมดในชีวิต

เป็นเพราะตั้งความหวังไว้สูงรึเปล่า?
  
“นุกจะตั้งกับตัวเองก่อน นุกเชื่ออย่างนึงได้ว่าเราเปลี่ยนตัวเองได้ แต่เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ พอเราเป็นแม่เราก็ทำตัวเรา พอหันมองไป  ข้าง ๆ ไม่เห็นใครเดินมากับเราเลย แต่ไม่ได้ถึงกับแย่นะ พยายามใช้กุศโลบาย บางอย่าง ให้หน้าที่เค้าขับรถ ให้หน้าที่ชงนมกลางคืน รู้สึกว่าการที่คนเราจะทำอะไรสักอย่าง มันต้องมาจากใจ หน้าที่มอบหมายแค่เป็นภาระอย่างหนึ่งเท่านั้น ถ้ามานั่งเซ็ง ๆ มานั่งมอง ๆ อย่าทำดีกว่า เพราะเราไม่ได้รู้สึกดีเลย”

การปฏิบัติตอนเป็นแฟนกัน กับหลังแต่งงานแล้วเนี่ย ต่างกันมากมั้ย?
   
“ตอนเป็นแฟนกันตัวบวกกันเป็นหนึ่งเดียวเลยล่ะ แต่พอหลังแต่งงาน เค้าก็เปลี่ยน นุกก็เปลี่ยน เหมือนส่วนที่นุกเปลี่ยนเค้าไม่ได้เปลี่ยนตามนุก อย่างที่เราเปลี่ยนจากคำว่า “แฟน” เป็นคำว่า “พ่อแม่” แล้ว เค้ายังไม่ได้เปลี่ยน เค้ายังคงเป็นเค้าแบบเดิม ๆ ออกจากบ้านทุกวัน แต่นุกไม่เคยถามนะว่าเค้าจะออกไปทำงานหรือทำอะไร นุกไม่ใช่คนช่างถาม ออกเช้า พอมืดสามทุ่มเป็นต้นไปเค้าถึงกลับบ้าน ฉะนั้นเค้าจะกลับมาตอนลูกหลับ ตื่นมาเค้าก็ออกไปแล้ว ก็จะไม่ได้เจอลูกเลย”  



แล้วลูก ๆ ติดพ่อ (ป้อ) มั้ย?
   
“มีช่วงที่นุกออกมาจากเค้าใหม่ ๆ นุกไปอังกฤษกับคุณแม่ค่ะ ส่วนคุณพ่อนุกเองไม่มีเวลา เลยไปฝากลูกกับที่บ้านของเค้า ช่วงนั้นไป 10 กว่าวัน เด็ก ๆ ก็ติดเค้าเหมือนกัน แต่พอเอาลูกกลับมาอยู่บ้าน ลูก ๆ ก็ไม่ได้ถามถึงเค้าอีกเลย บางทีให้คุยโทรศัพท์ลูก ๆ ยังไม่คุยด้วยเลย ตอนนี้ป้อไม่ได้ติดต่อมา เค้าก็เฉย ๆ แต่นุกไม่อยากให้เค้าลืมพ่อเค้านะ นุกจะพยายามถามตลอดอยากคุยกับพ่อมั้ย”

ในเมื่อเป็นอย่างนี้เคยปลงกับชีวิตไหม ว่าสักวันชีวิตครอบครัวจะจบลง?
  
“ไม่เลย ถ้าเรามองว่าเค้าไม่ได้ทำหน้าที่ของเค้าให้ดี คือ นุกไม่ได้ใส่ใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร เพราะเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราเปลี่ยนตัวเองได้ เหมือนเราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนมุมมองที่เรามองโลกนี้ได้ ประเด็นที่เราอยู่กับเค้าไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็นที่เค้าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน แต่มีบางเรื่องที่สมมุติว่ามันเกิดขึ้นแล้วผู้หญิงอยู่ด้วยไม่ได้ แต่นุกก็อดทนอยู่หลายครั้ง ประเด็นที่เค้าไม่เป็นอย่างที่เราคิด ไม่ถึงจะอยากเลิกนะ ถ้าเราคิดว่าเค้าไม่สามารถทำให้ครอบครัวอบอุ่นแล้ว เราอยากเลิกเนี่ย มันยิ่งทำให้เราแย่กว่าเค้าอีกนะ”

ออกมาใช้ชีวิตแบบนี้ ต้องปรับอะไรเยอะมั้ย?
   
“อย่างหนึ่งที่นุกคิดไม่เหมือนหลาย ๆ คน คือ การแต่งงานไม่ใช่เราจะเอาชีวิตไปยึดติดกับใคร เป็นโชคดีของนุก ไม่ได้เป๋ไปมากนัก นุกไม่ได้โตมาแบบต้องพึ่งพาใคร รู้สึกสบายมาก เหมือนแต่งชุดเกราะออกวิ่ง แล้วถอดออกทีละชิ้น พอผ่านมาแล้วก็วิ่งสบายเหมือนนักวิ่งลมกรด รู้สึกว่าที่ผ่านมาเราทนทำไม ออกมาแรก ๆ มีความสุขมาก อยู่กับคุณแม่ได้ทานข้าวทุกมื้อ นอนอิ่มขึ้น ไม่ต้องอยู่รอเปิดประตูให้ใคร กินข้าวได้ทุกมื้อ มีคุณแม่คอยทำให้ แต่พอกลับมาทำงานก็ต้องปรับตัวพักใหญ่เหมือนกัน ต้องแบ่งเวลาใหม่ เขียนตารางจัดเวลาให้ตัวเองเลย”



ภาระดูแลลูกเป็นกังวลบ้างหรือเปล่า?
   
“กังวลเหมือนกัน เพราะหลัก ๆ แล้ว นุกเป็นคนกินเที่ยว แต่พอมีลูกมันไม่ใช่ เราเลี้ยงลูกก็อยากให้เค้าไปถึงที่สุด การจะให้เค้าเป็นคนที่สุดเท่าที่เค้าจะไปได้ ไม่ใช่เงินน้อย ๆ มันเป็นหน้าที่คนเป็นแม่ค่ะ”

ช่วงที่มีปัญหาหนัก ๆ ที่ผ่านมาเนี่ย รู้สึกแย่มากมั้ย? 
   
“ยังคาราคาซัง เรื่องสภาพจิตใจไม่ได้หาย 100% เป็นช่วงสถาน การณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว มีร่วง ๆ ไปบ้าง ร้องไห้ ไม่ลงจากเตียง 3 วันเลย เหมือนไม่มีแรง แย่ แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง แบบว่าต้องออกไปเจอเพื่อน จนมีแรงฮึด ไปทำโน่นทำนี่ ทำงานเยอะ ๆ ตกกลางคืนก็หลับแล้ว ยังไม่ทันคิดอะไร หัวถึงหมอนหลับเลย ชีวิตนุกหรือชีวิตดาราผู้หญิงทุกคน ไม่ต่างกัน แต่  นุกเองต้องอ่านสถานการณ์ ประเมินสถานการณ์ให้ออก ยอมรับกับมันว่าเหตุการณ์มันรุนแรงมากน้อยแค่ไหน แล้วต้องรู้จักตัวเองว่าฉันเจ็บนะ ยอมรับไปเถอะ ถึงแม้จะให้มันหลุดพ้นต้องยอมรับมันก่อน การที่เราจะชนะอะไรเราต้องเรียนรู้ตัวเองก่อน เจ็บมากน้อยแค่ไหนให้ระลึกเอาไว้ แล้วดูเอฟเฟกต์จากคนรอบข้างเรา เอาจากคนที่ใกล้เราที่สุด ที่เราแคร์ที่สุด เอาความจริงค่อย ๆ เรียนรู้ ประมาณว่าทุกอย่างมันไม่จีรัง โอเคมันเจ็บ แต่พรุ่งนี้ก็เช้าแล้วนะ”

เหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ เคยคิดสั้นมั้ย?
  
“มีค่ะ แวบคิด โอ๊ย! เหนื่อย เมื่อไหร่จะจบ ต้องตายจากกันไปเลย ต้องทำยังไงทุกอย่างถึงจบ แต่นุกคิดว่าเรามีลูก มีลูกเราตายไม่ได้นะ อีกอย่างตามศาสนาพุทธการฆ่าตัวตายมันไม่ดีด้วย



สุดท้ายคือต้องหย่าแล้วใช่ไหม?
   
“นุกไม่ได้กลัวการหย่า อยากหย่ามานานแล้ว เค้ายื้อตลอด นุกรู้สึกว่าคนเราคุยกันดี ๆ ได้ นึกถึงตอนรักกันน่ะ แล้วทำไมตอนนี้เราจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้ล่ะ นุกไม่รู้เหมือนกันว่าบางคนมีวิธีการจบความสัมพันธ์ให้มันพังทลายเหมือนที่ ผ่าน ๆ มางั้นเหรอ ในเมื่อเราไม่ได้อยู่กันแล้ว ทุกอย่างมันต้องพินาศงั้นเหรอ  นุกไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน มีแฟนมาเลิกกัน ไม่ด่ากันด้วย ไม่มีอะไรที่มันรุนแรง ในเมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ไม่คุยกันไม่ได้แค่ 3 เดือน ต่างคนต่างเฮิร์ท หลังจากนั้นมาเจอ เป็นเพื่อนกัน รักกันเหมือนเพื่อนก็มีนะ”

แล้วคิดว่าชีวิตนี้จะแต่งงานใหม่รึเปล่า?
  
“มีไปดูหมอดูมานะ เขาบอกมีดวงแต่งงาน ยังจะมีแต่งงานอีกเหรอ ไม่อยากแต่งงานแล้ว ไม่ต้องมาพูดด้วยเรื่องแต่งงานจดทะเบียน ไม่เอาแล้ว เวลาจด จดง่ายจังเลย แต่ตอนหย่าเนี่ย! (ถอนหายใจ) เรื่องแต่งงานใหม่ ลูก ๆ ต้องรับไม่ได้แน่ ๆ ปาแปง อ่ะรับได้ แต่ ปิ๊ปโป้ รับไม่ได้ ต่อให้มีแฟนใหม่ลูกก็คงรับไม่ได้ ตอนนี้ใครจะเข้ามาคุยคงต้องถามก่อนว่าคิดอะไรรึเปล่า ถ้าคิดก็เลิกคุยไปเลย ถึงตอนนี้คงไม่มีใครกล้าเข้ามาแล้วมั้ง”

หลังจากนี้มาแพลนกลับคืนสู่วงการบันเทิงไหม?
   
“ต้นเดือนหน้ามีเปิดกล้องภาพยนตร์ค่ะ ส่วนงานเพลงคุยกันมานานแล้ว เหลือแค่นุกยังไม่ได้เริ่มเท่านั้น จริง ๆ นุกชอบงานแสดงมากกว่านะ งานเพลงนั้นนุกชอบตอนที่อยู่บนเวทีแล้วเอนเตอร์เทนคนดูค่ะ ถึงตอนนี้ถ้าจะลุกขึ้นมาร้องเพลงเนี่ย นุกไม่ได้มองว่าเพลงขาย ไม่ขาย คือ ความสำเร็จนะ ถ้ากลับมาแล้วความสำเร็จของนุก คือ การร้องเพลงที่เป็นตัวเราเอง ที่นุกชอบ ไม่ใช่เหมือนสมัยก่อนที่ใครไม่รู้แต่งเพลงมาให้ แล้วเราลุกขึ้นมาร้องอย่างเดียว อย่างน้อยเนื้อหาของเพลงมันต้องเป็นเรา ออกมาจากตัวเราจริง ๆ ส่วนงานละครก็อยากเล่นนะ คงต้องรอคนติดต่อเข้ามาก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นนางเอกนะ บทไหนก็ได้ ไม่ได้มาสร้างภาพนะ เราคือ นักแสดง ไม่ใช่ ดารา ค่ะ
  
ถึงเวลาแล้วที่คุณแม่ยังสาวคนนี้ ต้องลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งตัวเอง พร้อมพาลูกน้อยอีกสองคนเดินหน้าต่อไปบนโลกใบนี้....



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์