แข็งนอก...อ่อนใน แตงโม-ภัทรธิดา

ท่ามกลางกระแสความร้อนแรงของข่าว “เกาหลา” เป็นเหตุจนเปิดศึก “น้ำลาย” ปะทะวาทะข้ามช่อง

ของสองนางเอกดัง แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ กับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ที่กินเกาเหลาชามโตไม่เสร็จ เพราะจู่ ๆ ก็มีกระแสข่าวปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่างานนี้ทั้งสองนางเอกจะตกเป็นเหยื่อขี้ปากใคร หรือปากกาด้ามไหนที่นั่งเทียนเขียนข่าวประเด็นนี้ขึ้นมา ซึ่งจับเอาสองนางเอกมาปะทะคารมอีกระลอก ไม่แน่ใจว่า “มวย” คู่นี้จะจบลงแบบไหน 

ประเด็นข่าวร้อน ๆ น่าจะเห็นได้จากข่าวประจำวันกันบ้างแล้ว โดยสัปดาห์นี้ “ดาวต่างมุม” คว้าตัวนางเอกสาวจาก วิก 7 สี มาเคลียร์ใจทุกเรื่อง รวมถึงแสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ เพื่อให้แฟน ๆ ได้สัมผัสถึงนิสัยใจคอของสาวแตงโมแบบเต็ม ๆ
   
เริ่มที่เรื่องเบา ๆ กันก่อนเป็นการอุ่นเครื่อง...



ตอนนี้โมจะมีอะไรใหม่ ๆ ให้แฟนละครได้ติดตามกันบ้าง?

   “มีเรื่อง “ห้องสมุดสุดหรรษา” ถ่ายจบแล้ว แต่ยังไม่ได้ออนแอร์ รอคิวจากช่อง 7 ซึ่งจะออกอากาศตอนบ่าย ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ ค่ะ เป็นคอมเมดี้ ส่วนละครที่กำลังจะเปิดกล้อง คือ เรื่อง “ดำขำ” ได้ร่วมงานกับค่ายเอ็กแซ็กท์เรื่องแรกด้วยค่ะ เป็นกึ่ง ๆ คอมเมดี้ผสมดราม่านิดหน่อย ส่วนโมเองก็เป็นแฟนละครของเอ็กแซ็กท์มานานตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ได้มาเล่นก็ดีใจสุด ๆ ค่ะ ฝากขอบคุณพี่บอยและทีมงานทุกคนด้วย เรื่องนี้ต้องเล่นกับ พี่ป้อง-ณวัฒน์ แล้วก็ แป้ง-อรจิรา และ พี่โอ-อนุชิต ค่ะ ได้ทำงานกับทีมงานใหม่ ๆ”

ถนอกจากละครแล้ว โมยังมีอะไรหลัก ๆ อีกบ้าง?

“หลัก ๆ รองลงมาจากละครของโมเนี่ย คือ เรื่องเรียนค่ะ รองลงมาอีกที คือ งานอีเว้นท์ เดินแบบ กับงานถ่ายแบบ”

 เรียนอยู่ที่ไหน คณะอะไร ปีไหนแล้ว?

  “ปี 3 ศิลปกรรมศาสตร์ แฟชั่นดีไซน์ ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เรียนหนักมาก ๆ เพราะได้เลือกเรียนภาคปกติ ซึ่งบางทีดาราส่วนใหญ่อาจเลือกเรียนภาคค่ำ เพื่ออำนวยต่องานที่ทำ แต่โมอยากได้สังคม ถ้าโมเรียนภาคค่ำเนี่ย นอกจากสาขาวิชาที่อยากเรียนจะไม่เปิดแล้ว สังคมจะน้อยกว่าภาคปกติ โมไม่  ได้ว่าไม่มีสังคมนะ แต่สังคมคนละวัยกัน บางทีมีผู้ใหญ่มาเรียนพอดีโมอยากมีสังคมตรงนี้ อีกหน่อยจบไป ทำงานอย่างนี้ ไม่มีสังคมก็ทำงานยากนะ คนอื่นเขายังเรียนได้ แล้วยังเรียนเก่งด้วย ทำไมเราจะทำไม่ได้ เลยอดทนเรียนภาคปกติ รีบ ๆ ให้มันจบเร็ว ๆ ที่คาดการณ์ไว้ 4 ปี ก็ไม่น่าจบ ขอเวลาสัก 5 ปี เพราะตัวเองก็ติดถ่ายละครด้วย”

เคยรู้สึกท้อแท้หรือไม่ ทำไมต้องแบกภาระเยอะขนาดนี้?

  “เคยคิดน้อยใจ แต่เป็นความคิดชั่วร้ายนะ เคยคิดว่าทำไมไม่สบายเหมือนเด็กคนอื่น ฉันอายุเท่านี้เอง แต่ฉันต้องทำอะไรเยอะจัง รับภาระเยอะ แต่นั่นเป็นความคิดแบบชั่วร้าย จริง ๆ มันเป็นความคิดที่แวบเข้ามา บางทีเหนื่อยแล้วแอบแวบช่วงจิตตก เพื่อนคนอื่นเขาสนุกสนานเฮฮามีกิจกรรมไปสยามเดินเล่น แต่เราไปไม่ได้ จนเพื่อน ๆ แอบงอน แต่พูดถึงก็ไม่ท้อ เพราะว่าเราก็เห็นถึงประโยชน์ตรงนี้ของมัน เด็กคนอื่นสบายก็จริง แต่เค้าไม่เข้มแข็งเท่าเรา เขาเริ่มงานช้ากว่าเรา มีรายได้น้อยกว่าเรา พูดไปพูดมา ผลเสียมันน้อยกว่าผลดีไง ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้น มันทำให้เรารู้สึกว่าได้เปรียบค่ะ”



โมเลี้ยงครอบครัวเหรอ?

  “คุณพ่อเค้าก็มีเงินเดือนนะ แต่โมเองเวลาทำงานได้เงินมา จะให้เงินคุณพ่อหมด จากนั้นพ่อก็จะจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ เพราะว่าตัวเองทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไม่เป็น ให้พ่อไปจัดการค่ะ แต่บางครั้งก็มีแอบเก็บ ๆ ไว้เองบ้าง ไว้ซื้อของที่อยากได้จริง ๆ แต่หลัก ๆ แล้วโมจะเก็บเงินด้วยการซื้อที่ดิน ผ่อนที่ดิน ผ่อนรถตัวเอง แล้วรถพ่อซึ่งผ่อนหมดไปแล้ว ตอนนี้เบาขึ้น อย่างที่ซื้อที่ทางเก็บไว้ เพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สมบัติไว้ภายภาคหน้าค่ะ โชคดีที่ค่าเรียนได้ทุน เลยประหยัดได้ทางหนึ่ง ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือก็จะส่งน้องเรียน เลี้ยงลูกบุญธรรมอีก 2 คน ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายอะไร

 แล้วชีวิตหลังจากประสบอุบัติเหตุใหญ่ ๆ มาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?

  “ดีขึ้นมาก ทำให้รู้สึกว่ารีบ ๆ ทำชีวิตให้มันมีค่าไว้เถอะ เพราะมันตายเร็วจริง ๆ โมรู้สึกว่าคนเราจะตายอย่างที่โมรถคว่ำเนี่ยไม่กี่วินาทีเอง เร็วมาก ปุ๊บปั๊บก็ตายแล้ว ฉะนั้นรีบ ๆ ทำไว้ให้เร็วเลย อีกอย่างพ่อโมอายุมากแล้ว อย่างที่บอก อันนี้ไม่ได้แช่งพ่อตัวเองนะ ถ้าสักวันท่านไม่อยู่แล้วเนี่ย เราต้องรีบ ๆ ทำเพื่อเค้าก่อนที่เค้าจะไม่อยู่กับเรา”  

คุณพ่อก็คือแรงผลักดัน แรงจูงใจทุกอย่างของโมเหรอ?

     “นี่ดีขึ้นแล้วนะ ตอนเด็ก ๆ โมคิดอย่างนี้ด้วยซ้ำว่า ถ้าพ่อตาย ฉันก็ต้องตายตามเลย ตอนนี้ผ่านชีวิตนั้นมาแล้ว มาคิดว่าอย่าไปตายเลย วิธีคิดและการดำเนินชีวิตมันโตขึ้น เริ่มเห็นค่าในตัวเองด้วยแหละ เรื่องตายมันเป็นเรื่อง เฉย ๆ โมเป็นคนคิดมากนะ คิดในเรื่องที่เด็กเค้าไม่คิดมั้ง คิดมาก เป็นคนมีสองด้านค่ะ คือ โมออกจากบ้าน จะมีกำแพงอยู่ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราเป็นเด็กคิดมาก คิดเล็ก คิดน้อย ขี้น้อยใจ น้อยใจเยอะมากด้วย แต่ยังแสดงออกถึงความสนุกสนาน เป็นตัวตลกของทุกคน โมอยู่ที่ไหนทุกคนจะมีความสนุกที่นั่น เพราะว่าโมขำ แต่เมื่อกลับบ้าน แค่ขึ้นรถ หรือนั่งรถแท็กซี่ จะเป็นอีกคน จะนิ่ง ๆ แล้วคิด จะอยู่กับตัวเอง คิดถึงอะไรซ้ำ ๆ เรื่องชีวิตตัวเอง เมื่อไหร่จะผ่อนหมด เมื่อไหร่จะเรียนจบ จะทำอะไรดีนะ จะไปปรึกษาใคร ไปหุ้นกับใคร โมคิดทุกอย่าง อันนี้คือข้อเสีย โมเลยคิดว่าตัวเองเนี่ยเป็นโรคซึมเศร้าเบื้องต้นนะ ไม่ชอบให้คนมาอยู่ด้วยเวลาขับรถ จะผิดจากเวลาที่เราอยู่กับคนหมู่มาก ผิดจากเวลาทำงาน บางคนชอบถามว่าโมเป็นอะไรรึเปล่า  ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้เป็นไรนะ แต่จะคิด ๆ”



ปกติเป็นคนโมโหง่ายมั้ย?

  “ด้วยความที่เป็นคนขี้น้อยใจ เวลาเจอคำพูดที่คนเขาไม่ได้คิด แต่ตัวเองจะรู้สึกไปเองก่อน เสียใจได้ง่าย แต่จะเป็นคนไม่แสดงออก จะเก็บ เหมือนเด็กเก็บกด เก็บไว้ ๆ แล้วก็เครียดคนเดียว เรื่องนี้แก้ไม่หาย กลายเป็นว่าน้อยใจคนนั้นไปนานนะ แต่ก็ไม่ได้บอกเขา กลายเป็นโมจะหนีหายจากคน ๆ นั้นไปเองเลย เลยทำให้โมค่อนข้างคบคนยาก”

 ที่ไม่เชื่อใจใครง่าย เพราะเคยถูกเพื่อนหลอกรึเปล่า?

  “ใช่ค่ะ นั่นแหละคือจุดที่มันเป็นปมของเรา  ไปแล้ว เคยโดนกระทำมา เลยทำให้เราเป็นคนกลัว  คนโกหก คิดว่าฉันให้เธอร้อย แต่ทำไมเธอ ทำกับฉันแบบนี้ เลยจะคิดกับทุกคน กลายเป็นโรคจิตคิดอย่างงั้นไปเลย จะไว้ใจแค่เพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ ที่คบมานานเป็น 10 ปี หรือไม่ก็ญาติพี่น้องค่ะ”

เคยคิดมั้ยว่าทำไมเราต้องเจอเรื่องราวเยอะแยะอย่างนี้?

  “เคยคิดเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาเราก็มีความรู้สึกแบบนั้น   เพราะว่าเราคิดแต่แบบนี้ โทษตัวเองอีกแหละ เอะอะอะไรก็จะชอบโทษตัวเองตลอด ตอนนี้โมกำลังหาข้อมูลเหมือนกัน เพราะว่าโรคจิตแบบนี้มันไม่ได้เกิดจากสภาพแวดล้อม 100% มันมีสารเคมีในสมองเราอาจหลั่งออกมาผิด มันอาจเป็นสาเหตุของการเป็นโรคซึมเศร้า อีกอย่างสงสัยจะเป็นกรรมพันธุ์ เพราะโมเห็นคุณพ่อเครียดมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้ว สงสัยจะได้มาจากพ่อ แต่ก็ไม่ได้โทษนะ”
ถเวลามีข่าวไม่ดีออกมา โมจะหาวิธีแก้ไขอย่างไร?
  
“อยู่กับตัวเอง เมื่อก่อนที่โดนข่าวใหม่ ๆ ร้องไห้นะ ด้วยความที่เราไม่รู้ว่ากลเกมของข่าวไง โอ๊ยตาย ๆ ทำไมเป็นอย่างนี้ แต่พอเริ่มรู้ เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น คิดถึงใจเขาใจเรา สมมุติถ้าเราเป็น  เจ้าของหนังสือ แล้วเราไม่เขียนอย่างนี้ ใครจะมาซื้อของเราล่ะ พ่อเคยอยู่วงการข่าวมาก่อน ฉะนั้นก็ต้องไม่เครียดมาก เพราะเรามีโอกาสที่จะแก้ข่าวได้ มีโอกาสที่จะพูดคุยเรื่องจริงไม่จริง ก็หวังว่าคนที่เขาแยกแยะเป็น เขาจะเข้าใจเรา โมแคร์คนกลุ่มนั้นเท่านั้นเอง ส่วนคนขี้อิจฉา คือ คนแยกแยะข่าวไม่ออก เราให้คนมารักเราทั้งหมดก็ไม่ได้”



ตัวตนของโมจริง ๆ เป็นคนแบบไหน?

  “โมเป็นคนตรง เป็นคนพูดจริงให้เยอะที่สุด โมต้องเห็นแก่สังกัดเรา ผู้ใหญ่หรือคนที่เป็นข่าวด้วย แต่ก็ขอยืนยันว่าโมเป็นคนที่พูดความจริงมากกว่า 80% จะไม่มีการสร้างภาพ สร้างหวานแอ๊บแบ๊วอะไรอย่างงี้ เรามาอยู่จุดนี้เนี่ย อยากให้เขารักเราในแบบที่เป็นเราอย่างงี้ แต่ต้องทำใจว่าคนไทยส่วนใหญ่รับไม่ได้หรอก โมจะเป็นรุ่นแรก ๆ ที่เปิดตัวเรื่องแฟน โมมีความรู้สึกว่าไม่ใช่ว่าคนสมัยก่อนเขาไม่อยากทำหรอกนะ แต่ว่าไม่มีคนกล้าที่จะออกมาทำ เพราะกลัวจะเกิดเรื่องเสียหายต่อภาพลักษณ์ตัวเอง ต่องาน ต่อสังกัด ต่อผู้ใหญ่ ต่อครอบครัว พอโมกล้าออกมาทำแบบนี้แล้ว แรก ๆ มีผลเสียนะ แต่พออยู่ ๆ ไปนานเข้าทุกคนจะเริ่มเข้าใจว่า โมเหมือนเด็กผู้ชาย โมเหมือนพ่อ โมห้าว ฉะนั้นโมเลยมีนิสัยแบบนี้ ผู้ใหญ่หลายคนชอบเดินมาบอกโมว่าเป็นอย่างงี้นะลูก อย่าเปลี่ยนตัวเอง เราเป็นคนจริงใจ อย่าไปเฟก อย่าไปใส่หน้ากาก

จากความเป็นคนที่ตรง ๆ ทำให้คนอื่นมองว่าโมก้าวร้าวรึเปล่า?

  “เข้าใจเลยค่ะ โมเริ่มเป็นตัวของตัวเองตอนอายุยังน้อย คือ ความคิดไปแล้ว แต่อายุยังน้อย ฉะนั้นมันขัดแย้ง เลยดูเป็นเด็กก้าวร้าว บางทีเขาหวังที่จะอยากเห็นเด็กที่หน่อมแน้ม หวาน ๆ แต่โมเป็นคนที่รักความยุติธรรมมาก รักศักดิ์ศรี รักสิทธิส่วนบุคคลของตัวเองมาก อย่ามาทำอะไรฉัน ถ้ามาทำอะไรฉัน โมจะไม่ทำอะไรเขาเลยนะ ก็แค่แฉค่ะ ไม่ได้แฉด้วยความแค้นนะ แค่พูดความจริง อย่างโมเคยมีเรื่องกับนักแสดงคนหนึ่ง โมรู้สึกว่าโมเสียเปรียบในบางเรื่อง โมไม่ได้ทำอะไรเขากลับเลยนะ โมแค่พูดความจริงกับสิ่งที่เขาทำกับโมเท่านั้น แค่นี้เขาก็โดนในสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว เรียกว่าฆ่าตัวตาย พูดความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย อาวุธอยู่ที่ความจริง ฉะนั้นคนก็ไม่กล้ามาทำอะไรโม”
 
ที่บอกว่าความรักไม่เคยปิด ไปไหนมาไหนแบบเปิดเผยเนี่ย รู้สึกบ้างไหมว่า ผู้หญิงค่อนข้างจะเสียเปรียบ?
 
    “ไม่ว่าจะคบใครหรืออะไรก็ตามเนี่ย ผู้ชายไม่เสียอะไรเลย ผู้หญิงเนี่ยแหละ จะเป็นคนที่รู้สึกว่าถูกมองแง่ลบมากกว่าผู้ชาย ด้วยวัฒนธรรม ของบ้านเรา แต่โชคดีที่โมเป็นคนไม่คบเผื่อเลือก คบใครคบคนนั้นเลย โมมีความรู้สึกว่า มันก็จริงที่ผู้ใหญ่สอนเราว่าอายุเราเท่านี้อย่าเพิ่งมีแฟน ยังต้องเจอใครอีกไม่รู้เท่าไหร่ แต่คำว่าใครอีกเท่าไหร่ไม่รู้เนี่ย คือเราต้องเอาตัว เอาความรู้สึก เอาใจไปแลกกับคนเท่าไหร่ไม่รู้งั้นเหรอ เราต้องเก็บสิ่งที่ดีของเราไว้ เพื่อคนที่เรามั่นใจด้วย  กว่าโมจะคบคนคนหนึ่งได้เนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูแล้วดูอีก พิจารณาแล้วพิจารณาอีก ลองคุยแล้วลองคุยอีก กว่าจะคบกันแล้วเนี่ย ใช้เวลานานมาก อย่างที่บอกโมรักศักดิ์ศรีของตัวเองเยอะ ไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ยอมโง่เพื่อผู้ชาย ฉะนั้นตั้งแต่เข้าวงการมาโมคบแค่สองคนเอง ที่เป็นข่าวมาก็ 5 ปีแล้ว ไม่ใช่กิ๊ก ไม่ใช่อะไรด้วยนะ เขาคือคนที่เราคบจริง ๆ ไม่อยากให้ถูกมองว่าเปลี่ยนอีกแหละ โลเล สตรอเบอรี่ กิ๊กนั่น กิ๊กนี่อะไรไปเรื่อย ๆ โมไม่ได้เอาความรู้สึกตัวเองไปเล่นกับคนอื่น อยากได้อะไรจากเขาเราก็ต้องให้เขา อยากให้คนที่เราคุยด้วยเขาปฏิบัติดีต่อเรา ไม่คุยกับคนเยอะแยะ ไม่เล่นกับความรู้สึกเรา เราก็ต้องทำให้เขาเห็นก่อน ต้องให้เกียรติเขา แต่มีกลัว ๆ อยู่เลยนะ ถ้าเราเสนอแต่เรื่องที่ดี มีบางคนเตือน พูดแบบนี้ มีแต่คนหมั่นไส้ วันไหนเลิกกัน เดี๋ยวเขาก็เหยียบให้หรอก มีคนเตือนเหมือนกันค่ะ” 



กับ ก้อง-กรุณ ที่คบเปิดตัวเนี่ย รู้จักตัวตนของเขาแล้วใช่มั้ย?

  “นานนะกว่าจะรู้จักตัวตนกันและกันจริง ๆ เนี่ย โห! ครึ่งปีขึ้นไป จำไม่ได้ว่าเป็นช่วงไหน ตอนปีแรกยังช็อกกับพฤติกรรมกันและกัน กว่าจะมาชินกันได้ กว่าจะมายอมรับข้อเสียได้ทั้งหมดเนี่ยใช้เวลานาน นานจนเกือบจะเลิกกันไปหลายทีแล้ว เวลาเจอข้อเสียกันและกันเนี่ย บางคู่จะให้ปรับ แต่คู่ของโมจะใช้วิธีนี้ คือ ใช้วิธียอมรับกันให้มากที่สุด เธอไม่ต้องเปลี่ยน เดี๋ยวฉันจะยอมรับเธอเอง เพราะต่างคนต่างยืนยันว่าฉันเป็นอย่างงี้ของฉันมาตลอดทั้งชีวิต ไม่มีใครว่า พ่อแม่ไม่เคยว่า เลยโอเคเราต้องรับเขาให้ได้ เขาต้องรับเราให้ได้ มากกว่าที่จะมาเปลี่ยนตัวเอง เลิกทำ แต่ในใจมันอึดอัด เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง สักวันมันจะทนกันไม่ได้ ทำไมฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง มันจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แตกแยก ถ้าวันหนึ่งเรารับข้อเสียที่ครอบครัวโมรับโมได้ เหมือนที่ครอบครัวพี่เขารับเขาได้ มันจะเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันไป การให้อภัยมันจะมีมากขึ้น ความเข้าใจจะมีเพิ่มมากขึ้น แล้วเวลาทำมันก็จะชินเองค่ะ”

อย่างสองคนมาจากครอบครัวคนละแบบล่ะ?

   “อันนี้เป็นปัญหามาก เป็นปัญหาหลักที่ไม่เข้าใจกัน มีอยู่เรื่องเดียวเนี่ยแหละ การมองโลกไม่เหมือนกัน การวางตัวไม่เหมือนกัน เราก็ต้องยอมรับเขาให้ได้ คิดซะว่าถูกเลี้ยงมาต่างกัน ก็จะมองโลกต่างกัน ด้านผู้ใหญ่เขาไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องของเรากันทั้งสองฝ่าย พ่อหนูก็ไม่ยุ่ง ทางครอบครัวพี่เขาก็ไม่ยุ่ง ต่างคนต่างให้เกียรติลูก มั่นใจในตัวลูกว่าลูกไม่ทำอะไรที่เหลวไหล ไม่พาไปทำอะไรที่เสื่อมเสีย อยู่กันก็มีแต่ช่วยกันเรื่องหน้าที่การงาน ให้กำลังใจ หากโมมีข้อแย่ ๆ ที่มองอะไรผิดเพี้ยนไป พี่ก้องจะคอยเตือน หรือพี่ก้องมองอะไรผิดเพี้ยนไป เข้าใจอะไรผิดไป โมก็ต้องคอยเตือนค่ะ แลกตรงนี้มากกว่า



แสดงว่าตอนนี้ความรักแฮปปี้แล้วสิ?

  “ตอนนี้ถือว่าแฮปปี้มาก รู้สึกเราแลกเปลี่ยนอะไรตรงนี้ไว้เยอะ มันทำให้แบบว่าเขาให้สิ่งดี ๆ เราคืนมา เราจะเก็บตรงนี้ไว้ค่ะ”

 ได้ข่าวว่าก้องกำลังจะมีอัลบั้ม ก้าวมาเป็นนักร้องแล้ว เขาต้องเจอสังคมอีกแบบหนึ่ง กลัวเขาจะเปลี่ยนไปบ้างมั้ย? “โมเป็นห่วงมากกว่า เป็นห่วงว่าเราถูกเลี้ยงมาต่างกัน โมเจอตรงนี้มา 5 ปีแล้ว แต่โมกลัวว่าพี่เขาจะรับไม่ได้ กับงาน ผลประโยชน์ เป็นห่วงมากถึงมากที่สุด ถ้าถามว่าสมมุติหนูเลือกได้ ไม่อยากให้เขาเข้าวงการด้วยซ้ำ ไม่อยากให้เขาต้องมาเอาความรู้สึกของเขามาแลกกับอะไรอย่างงี้ แต่อีกใจนึงก็มั่นใจว่าพี่เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาต้องผ่านมันได้ค่ะ”

เค้าเจ้าชู้มั้ย?

  “พี่เขาพิสูจน์ตัวเองแล้ว ตอนแรก ๆ ที่รู้จักกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่มีหวั่น ๆ พี่เขาน่าจะเจ้าชู้มาก ต้องเป็นคนเจ้าชู้มากเลย คิดอย่างงั้นมาตลอด แต่พี่เขาทำให้โมเห็นว่าเขาไม่ใช่ ไม่ได้เข้าข้างนะ เพราะโมมองผู้ชายในแง่ลบอยู่แล้ว มันฝังใจอยู่แล้วว่าผู้ชายในโลกนี้ เจ้าชู้ทุกคน เนื่องจากพ่อตัวเองก็ไม่ใช่ย่อย เมื่อพี่เขาพิสูจน์ตัวเองจริง ๆ ต้องขอบคุณเขาเลย มันทำให้กำแพงตรงนี้หายไปเยอะ ถ้าโมเจอผู้ชายเจ้าชู้ หรือมีท่าทีที่จะเป็นไปทางแบบนั้น ตัวเองจะมีกำแพงทันที ฉันจะไม่โง่ให้เธอหลอก ฉันต้องคุมเกม”

เวลาโมมีข่าวกับผู้ชายคนอื่น เคยเกิดปัญหาไม่เข้าใจกันบ้างรึเปล่า?

  “มีบ้าง ณ วินาทีแรกที่เขาทราบข่าว ต้องยอมรับว่ามันจะอารมณ์ชิลล์ ๆ ไปตลอด มันไม่ได้หรอก อย่างโมยังมีเลย แต่ต้องควบคุมมันไว้ พยายามให้เหตุผลกับตัวเองว่าอันนี้เขาไปทำงาน เรารู้จักกับผู้หญิงคนนี้ด้วย เพราะอย่างนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ต้องสู้รบกับตัวเองก่อน บางทีเข้าใจค่ะว่าผู้ชายใจร้อนกว่าผู้หญิง เมื่ออธิบายแล้ว เขาก็เข้าใจ โมชี้แจงกับประชาชนอย่างไร ตัวเองก็จะชี้แจงกับพี่เขาแบบไหน เลยเข้าใจในเหตุผลค่ะ”

ทุกคำพูด ทุกประโยค น่าจะแสดงความเป็นตัวตนของสาวมาดมั่นคนนี้ได้เป็นอย่างดี! แตงโม-ภัทรธิดา.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์