โดนัท สุขกับสิ่งที่ทำ พอใจกับสิ่งที่มี

เข้าวงการมาเปิดตัวด้วยความฟู่ฟ่ามีรางวัลดาวรุ่งหญิงจากเวทีท็อป อวอร์ด การันตีความแรง

แต่พอนานวันเข้า โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ก็เริ่มโตและอยากลองบทบาทอื่นที่นอกเหนือจากคำว่า “นางเอก” แถมด้วยความมีโลกส่วนตัวสูง ก็ทำให้ โดนัทดูจะดำเนินชีวิตในวงการบันเทิงแบบไม่ค่อยหวือหวา แต่เธอก็พอใจกับผลงานในทุกวันนี้ของเธอ วันนี้ “ดาวต่างมุม” บุกกองถ่ายเข้าไปคุยกับเธอแบบสองต่อสอง เปิดใจเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย


งานของโดนัทตอนนี้มีงานอะไรบ้าง?

-ก็มีละคร “บาดาลใจ” แล้วก็มี “พ่อมาลัยริมทาง” เล่นกับ พี่เอ- ไชยา คนอาจจะมองเหมือนหาย ๆ แต่ละครมันเยอะไปที่มีให้เล่น โดนัทยังไม่ได้หยุดเลย ตั้งแต่ “หาบของแม่” ถ่ายเรื่องชนเรื่องตลอด คือถ่ายหาบฯยังไม่จบดี บาดาลใจก็เปิด ถ่ายบาดาลใจยังไม่จบก็ถ่ายพ่อมาลัยฯ ต่อ แล้วเดี๋ยวก็มีอีกเรื่องหนึ่ง ก็มีคนบอกว่าอยากให้เล่นละครต่อเนื่อง แต่โดนัทว่าปีนี้แหละจะเป็นปีที่ได้ดูโดนัทต่อเนื่องจริง ๆ หนูก็ว่าเราก็ทำงานค่อนข้างไม่หยุดเลย แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยได้ไปไหน จะไม่ค่อยได้เห็นโดนัทตามงาน

เป็นเพราะอะไรที่ไม่ค่อยได้ออกงาน?

-เขิน ถ้าเกิดมีคนติดต่อเชิญไปร่วมงานแล้วเราไม่รู้ว่าเราจะต้อง ทำอะไร โดนัทก็จะบอกว่าหนูไม่สะดวกจริง ๆ ไม่รู้จะทำอะไรเราเขิน ถ้าเรารู้ว่าเราทำอะไรได้เนี่ยก็ไป จริง ๆ โดนัทก็รับงานอีเว้นท์นะ งานสินค้ามีอยู่ตลอด แต่มันก็จะไปต่างจังหวัดมากกว่า ทุกวันนี้โดนัทก็พยายามทำงานมากที่สุดเท่าที่โดนัทจะทำได้ เพราะเวลามันมีน้อยจริง ๆ ถ่ายละครสองเรื่องหมดแล้ว บางอาทิตย์แทบไม่ได้นอนเลย แล้วไหนจะมีงานเบื้องหลังที่เราก็ยังทำอยู่อีก เราก็อยู่ของเรามาประมาณหนึ่งแล้ว เราก็โอเคที่มันเป็นแบบนี้ เราก็เป็นนักแสดงทำงานที่เรารักไป

ตอนเข้าวงการใหม่ ๆ โดนัทฟู่มาก แต่ตอนนี้เหมือนดร็อปลง?

-ที่ผ่านมาโดนัทก็เป็นคนที่ทำอะไรแล้วไม่ค่อยคาดหวัง แต่รู้สึกว่าเราต้องทำให้ดีที่สุดก่อน อย่างตอนที่เล่น “โจรปล้นใจ” กับพี่หนุ่ม-ศรราม เราก็ไม่รู้ว่าพี่หนุ่มเขาดังขนาดไหน กระทั่งละครออนแอร์ไปแล้ว ถึงรู้ว่าเขาดังมาก ๆ เลยกลายเป็นว่าส่งผลดีต่อเรา คนรู้จักพี่หนุ่มแล้วก็รู้จักเราด้วย ตอนนี้โดนัทก็ยังรู้สึกว่ายังเป็นโดนัทปกติ เราไม่เคยไปคาดหวังว่าเราอยากไปให้ไกลกว่านี้ ที่ผ่านมาเคยมีบางช่วงที่ไม่อยากทำ แบบเบื่อแล้ว มันทำงานหนักมาก อยากจะไปเรียน แต่พอไม่ทำมันก็แปลก ๆ อะไรมันหายไป พอกลับมาทำ ก็ทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เรารักน่ะก็คือการเล่นละคร โดนัทมีความสุข แล้วบทที่เรารับเนี่ยมันก็ต่างกันทุกเรื่องเลย มันก็ทำให้เราสนุก อย่างตอนนี้ “บาดาลใจ” ก็มีฟีดแบ็กกลับมาดี ทุกคนบอกไม่เคยเห็นโดนัทเล่นแบบนี้ อย่างอีกเรื่อง “พ่อมาลัยริมทาง” ก็เป็นคุณหนู ตกม้า ความจำเสื่อม ต้องร้องลิเกด้วย ยากมาก เราก็ได้พยายามทำอะไรที่เราไม่เคยทำ พอเรื่องต่อไป “ดงผู้ดี” เราก็จะเล่นร้าย คือมันหลากหลายมาก มันสนุกจนเราไม่ได้ทันไปคิดว่าเป็นกังวลในเรื่องอื่น เราก็มีทุกอย่างที่เราอยากได้แล้ว โดนัทก็เลยพอใจตรงนี้


จากที่เป็นนางเอกมาตลอด แต่วันนี้บทบาทเปลี่ยนไป?

-โดนัทไม่ซีเรียสนะ เดี๋ยวนี้คนดูละครเขาไม่ได้ดูแค่พระเอกนางเอกแล้ว เขาดูทั้งหมด บทที่เราได้รับเนี่ย เราก็จะดูว่าเรามีอะไรทำไหม เวลาพอดีกับเราไหม ไม่รู้สิมันสนุกกว่าที่จะให้เรามาเล่นเป็นคนดีน่าสงสารอย่างเดียว บทนางเอกบางทีก็จะเด็ก เราโตแล้วอยากได้บทที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่ทิ้งจากตรงนั้นมา เราก็จะไม่ไปไหน เราก็จะเป็นโดนัทเหมือนเดิมที่ทุกคนเคยเห็น แต่วันนี้โดนัทกล้าที่จะรับบทที่โตมากขึ้นจากที่เคยเป็นมา มันกลับกลายเป็นผลดีต่อเรา มันสนุก ทำให้มีบทที่หลากหลายเข้ามาถึงเรา เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ พอมีคนทักแบบว่า เดี๋ยวนี้ไม่เป็นนางเอกแล้วเหรอ เราก็จะบอกว่าเดี๋ยวรอดูละครหนูออนแอร์ก่อนนะว่าชอบไหม พอกลับไปเป็นนางเอกเรียบร้อย อึดอัดจังเลย แต่ว่าการเป็นนักแสดงมันต้องเล่นได้ทุกอย่าง เราเล่นละคร เราเป็นคนอื่น ไม่ได้เป็นตัวเอง

เห็นว่าไปทำเบื้องหลังด้วย?

-โดนัทก็ทำมาตลอดนะ ตั้งแต่ละครเวที หนังสั้น รายการเป็นครีเอทีฟ กับเป็นเออี ตอนนี้ก็ทำโปรดักชั่นเล็ก ๆ ของตัวเอง เริ่มมีคุยงานเตรียมงานที่กำลังจะทำอยู่ ถ้าเกิดมันสำเร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่ง ที่ทำเนี่ยเพราะเป็นคนที่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ แต่จะให้เล่นละครทุกวันก็ทำไม่ได้ เพราะมันเหนื่อยเกินไป เราก็ไม่เก่งขนาดนั้น พอได้ทำงานเบื้องหลังบ่อย ๆ ก็รู้ว่าแต่ละอันมันก็มีอะไรที่สนุกต่างกันไป ก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้าไม่เล่นละครแล้ว จะทำอะไรต่อไป งานเบื้องหลังก็คงทำไปเรื่อย ๆ แต่คงยังไม่ทางการมาก เพราะประสบการณ์เรายังน้อย แล้วเวลาที่มียังไม่สามารถทุ่มเทกับอะไรได้ทั้งหมด แต่แผนที่วางไว้ตอนนี้คือ ปีหน้าต้องเรียนต่อแล้ว เดี๋ยวจะขี้เกียจซะก่อน

จะเรียนต่อด้านไหน?

-ที่ดูไว้ก็คงเกี่ยวกับงานเบื้องหลัง สิ้นเดือนนี้โดนัทก็เริ่มจะดูที่เรียนอย่างจริงจัง ยังตัดสินใจอยู่ว่าจะเป็นเมืองไทยหรือเมืองนอก แต่เราก็รู้สึกว่าการไปเรียนเมืองนอกเนี่ย มันได้อะไรหลายอย่างได้ภาษา ได้ประสบการณ์ เราเองก็อยากไปหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ โดนัทรู้สึกว่าเวลาที่เราได้เดินทาง มันจะได้อะไรใหม่ ๆ กลับมา ก็ลังเลใจอยู่ว่าจะไปไหน แต่ถ้าไปคงเริ่มต้นที่เรียนภาษาก่อน


ถ้าต้องทิ้งไปเรียนไม่เสียดายงานแสดงเหรอ?

-แต่ก่อนตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยนะว่าไม่เสียดาย แต่เดี๋ยวนี้เวลาที่เราได้เล่นบทที่ไม่เหมือนเดิมมันยิ่งสนุก แล้วรู้สึกว่าเราต้องเอาชนะมันให้ได้ แต่ถ้าวันหนึ่งไม่ได้ทำก็คงจะเหงา ตอนนี้ก็เลยลังเลว่าเรียนก็อยากเรียน ละครก็อยากเล่น งานเบื้องหลังก็อยากทำ อยากทำทุกอย่างเลย อยากจะมีสัก 48 ชั่วโมง รู้สึกว่า 24 ชั่วโมงมันน้อยไป ตอนนี้อาจจะเป็นเพราะว่าโดนัทสนุกกับการทำงานมาก ก็เลยรู้สึกว่าจะทำให้มันหมดทุกอย่างก่อน เรายังอายุน้อย เรียนรู้กับมันไปก่อน พอได้เรียนรู้แล้วมันสนุก ก็ยิ่งกระตือรือร้นอยากทำ

ตอนนี้เราเป็นนักแสดงอิสระแต่เมื่อก่อนมีค่ายมันแตกต่างกันยังไง?

-มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนมีคนดูแลจัดการทุกอย่าง แต่ตอนนี้เราต้องจัดการทุกอย่าง ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ก่อนเราจะติดงอแงเยอะ เพราะมันมีคนดูแลจนเราเคยตัวไปหมด พอต้องดูแลตัวเอง เราตัดสินใจแล้วที่จะทำจะมางอแงได้ยังไง ต้องรู้จักรับผิดชอบและบริหารเวลาที่มีอยู่ให้ลงตัว เมื่อก่อนมีคนทำให้หมดตื่นมาแล้วก็ไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ แรก ๆ งงมาก เรื่องที่เป็นปัญหาคือไม่รู้ต้องคุยกับใครยังไง ไม่เคยทำ แต่พอเริ่มชินก็ค่อย ๆ ปรับเรื่อยมา โดนัทชอบตอนนี้นะ รู้สึกว่ามันกำลังพอดีเหมาะกับเรา ได้ทำอะไรที่เรารู้ว่าเราต้องรับผิดชอบมันจริง ๆ มันไม่มีอะไรที่เรารู้สึกว่า โอ๊ย! ไม่ทำได้ไหม ถ้ารู้สึกอย่างนั้นปุ๊บ จะบอกตั้งแต่แรกเลยว่าไม่ทำ จะได้ไม่ไปงอแงตอนทำ

คิดว่าจะอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน?

-คิดว่าตัวเองคงไม่ได้เล่นละครไปแบบตลอด เรายังมองไม่เห็นวันที่เราต้องเล่นเป็นน้า ป้า แม่ ยาย นึกไม่ออก เราคงสนุกกับมันอีกพักหนึ่ง ตอนนี้มีหลายอย่างที่โดนัทอยากทำ เป็นคนที่อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เราคงไม่สามารถทำมันไปได้ตลอด แต่วันนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะทำอะไร ก็ยังหาไม่เจอเลย


ดูเหมือนเป็นคนติสท์ ๆ โลกส่วนตัวสูงนะ?

-ไม่เลย เราไม่ได้ซ้ายขวาไปซะทุกอย่าง เราก็เป็นคนเงียบ ๆ มีโลกส่วนตัว ชอบอ่านหนังสือ ไปเล่นโยคะ อาจจะเป็นเพราะถ้าโดนัทไม่รู้จักใครจะเงียบมาก ทุกคนเลยเข้าใจว่ามันมีโลกส่วนตัวของมัน จริง ๆ เป็นเด็กที่พูดมากสุด ๆ แต่ถ้าไม่สนิทจะไม่พูดเลย ปรับตัวยากนะ ตัวเองยังรู้ตัวเองเลยว่าเป็นไรเนี่ย ดูหยิ่งนะ สังเกตสิถ้าไปรายการไหน แล้วเพื่อนหรือรุ่นพี่เป็นพิธีกร โดนัทจะมันส์มาก พูดไม่หยุด แต่รายการไหนที่ไม่ชิน ไม่รู้จักใครก็จะเกร็ง
โลกส่วนตัวสูงแบบนี้ ปิดกั้นหัวใจหรือเปล่า?

-ไม่นะ หนูมีคนที่คุยด้วย แต่ก็ไม่ได้คุยกับคน ๆ เดียว เราไม่ได้คุยเพื่อบอกว่าคนนี้แฟน คนนี้กิ๊ก เราคุยเพื่อให้รู้ว่าคนนี้เป็นยังไง เรามีขอบเขตในการคุยของเรา ซึ่งบางคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุยกับฉันแล้วก็คุยกับคนอื่นด้วย หรือผู้ชายบางคนก็รู้สึกว่าทำไมวันนี้โดนัทเฉย ๆ มาก อ้าว ก็ไม่ได้เป็นแฟนกัน โดนัทว่ามันจำเป็นที่เราต้องรู้จักใครก่อน แต่ถ้าเรารู้สึกว่าคนนี้พิเศษเราคงไม่เฉย ๆ หรอก มันต้องมีอะไรนิดหนึ่ง

ผู้ชายเขาไม่เซ็งแย่เหรอ?

-ก็เซ็ง ก็เลยไม่มีใครที่จะเป็นเพื่อนกับเราได้นาน เราก็ไม่ซีเรียส เพราะถ้ายังไม่เข้าใจกัน ยังไม่อยากเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเธอ จะให้เป็นแฟนเลยมันไม่ได้ ตอนคุณจีบฉันคุณจะไปจีบคนอื่นด้วย ก็ไปสิ เราไม่ได้รู้สึกว่าต้องมาจีบฉันคนเดียว แต่นั่นมันหมายถึงเราได้เห็นความตั้งใจของเขา พอสามอาทิตย์หายไป เราก็โอเค เข้าใจแล้ว ความรักก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่วันนี้เรามีอย่างอื่นที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ถ้ามีแฟนแล้วทำให้ชีวิตปั่นป่วนก็อย่ามีดีกว่า โดนัทไม่มีกับใครพิเศษว่านี่แฟน เคยมีที่เรารู้สึกว่า อุ๊ย ชอบจังเลย แต่พอเวลาผ่านไปปุ๊บมันก็ได้เห็นว่า ความชอบมันลดน้อยลง เราอาจจะไม่ได้ชอบเขาจริง เพื่อนก็ชอบพยายามหาให้ ถ้าเจอแล้วใช่เลยมันจะดีมาก โดนัทอิจฉาคนที่ได้แต่งงานนะ เขาได้เจอคนที่ใช่แล้ว ถ้ามันไม่ใช่จะคบกันไปได้ยังไง และก็ทำไม่ได้หรอกที่คบกันไปก่อนเดี๋ยวค่อยเลิก รู้สึกว่าวันเวลามันมีค่านะ โดนัทเป็นคนที่จริงจังกับความรัก เป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก ก็เลยอยากเลือกให้ดี อย่างหนึ่งที่เราเห็นจากพ่อแม่คือ ไม่ว่าจะมีปัญหายังไง พ่อไม่เคยนอกใจแม่เลย เราเลยแบบว่าเราต้องได้ผู้ชายแบบนี้


ที่ผ่านมาเคยมีแฟนไหมล่ะ?

-เคยมีค่ะ คบแบบจริงจัง พ่อแม่รู้จัก มากินข้าวที่บ้าน รู้สึกว่ามันเป็นไปตามวัย ทุกคนเมื่อถึงวัยจะมีเพื่อนต่างเพศมันธรรมดา แต่ว่าพอเรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ก็จำเป็นต้องแยกห่างกันไป เป็นไปตามกฎธรรมชาติของมัน แต่พอวันนี้มันไม่มีก็อยู่มันไปแบบนี้แหละ เดี๋ยวเจอก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง ไม่เหงานะ เพราะว่าบางวันทำ 5 อย่าง นอนน้อยมาก แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าถ้าฉันมีแฟนจะไปอะไรตอนไหนเนี่ย

ก็มองคนวงการเดียวกันสิ?

-อยู่ตรงนี้มันได้เห็นกัน กองถ่ายมันเปลี่ยนตลอด ทุกคนสวยทุกคนหล่อ ได้เห็นว่าความไม่มั่นคงมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทุกคนมีโอกาสเลือก ไม่ใช่ไม่มองคนในวงการ แต่เราจะใจเย็น เคยเจอแล้วไม่ดีมันก็มีไง แบบดี ๆ ก็มี เลยรู้สึกว่าค่อย ๆ เลือกดีกว่า ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะว่าโดนัทไม่อยากเสียใจ จะบอกทุกคนว่าไม่รีบ หนูแค่ 25 เอง ถ้า 28 ยังไม่มีค่อยตื่นเต้น พอ 30 ก็ใครก็ได้ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้คงยัง

แหม...ถ้าชายหนุ่มคนไหนอยากจะจีบโดนัทละก็ แนะนำให้มาตอน 30 ยังแจ๋ว จะดีกว่านะ อิอิ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์