ตุ้ยบ้านๆดูลูกทุ่ง ติดดินไม่หลงแสงสี

จากหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น มาพลิกบทร้าย "กษมา" ในละคร "ถึงร้ายก็รัก" ทางช่อง 3 สำหรับ "ตุ้ย"เกียรติกมล ล่าทา

ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเจ้าตัววันนี้ได้จังหวะเหมาะ ที่มีโอกาสได้พูดคุยกับดาวร้ายดวงใหม่ของวงการ

‘พอลองเล่นร้ายแล้วยากมั้ย?

ตุ้ย - "อย่าพูดเลยดีกว่าว่ายากมั้ย เป็นอะไรที่ใหม่มากๆ ประมาณ 5-6 คิวได้ที่ผมพยายามปรับตัวกับบทที่ได้รับ วันแรกที่รู้ว่าได้รับบทร้ายก็นึกว่าจะง่าย แต่เอาจริงๆ ไม่ง่ายเลย ตอนแรกที่คิดว่าง่ายก็เพราะด้วยคาแร็กเตอร์เราที่ดูเป็นแบดบอยร้ายๆ เอาเรื่อง แต่เอาจริงๆ มันละเอียดกว่านั้น"




‘แล้วได้อะไรจากการเล่นบทร้ายบ้าง?

ตุ้ย - "ได้เยอะมาก ผู้กำกับ (วรวิทย์ ศรีสุภาพ) จะคอยแนะนำการลำดับอารมณ์ วิธีการเล่นกับกล้อง นักแสดงร่วมอย่างพี่ธัญญ่า(ธัญญาเรศ เองตระกูล) จะคอยช่วยส่งบทร้าย เขามีประสบการณ์ด้านนี้เยอะก็จะแนะนำเรา ตัวละครตัวนี้จะมีการเติบโตที่มีจุดเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ค่อยๆ พัฒนากลายเป็นความร้ายที่รุนแรง จริงๆ ก็ไม่มีใครอยากเลวหรอก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่องความรัก ตัวกษมาทุ่มเทความรักมาก แต่พอวันหนึ่งไม่ได้อย่างที่ฝัน มันก็มุ่งเอามาให้ได้ด้วยวิธีไหนก็ตาม เล่นแล้วเครียดมาก เพราะส่วนมากจะเล่นแต่บทฮาๆ สนุกๆ ซึ่งเป็นตัวเรา แต่เรื่องไหนที่ต้องปรับตัวเป็นตัวละครตัวอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรามันก็ต้องมานั่งปั้นแต่งในสมองพอสมควร ก็จะปวดกบาลทุกครั้งที่ไปถ่ายละคร"

‘เป็นอย่างไรบ้าง ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นดาวร้ายดวงใหม่ไปแล้ว?

ตุ้ย - "โอ้โฮ! สาธุเลยครับ ตอนนี้ก็พยายามเช็กเรตติ้ง บางคนก็บอกว่าตุ้ยร้ายนะ ซึ่งก็ดีใจมากที่เขามองว่าผมเล่นร้ายได้ ซึ่งจะมีแนวทางการวิจารณ์ต่างๆ กันไป"

‘มองงานแสดงอย่างไร?

ตุ้ย - "ชอบนะ อย่างการร้องเพลงมันเป็นอะไรที่ร้องจากความรู้สึก ไม่ต้องซ้อมอะไร เราสั่งออกมา ไม่ใช่ว่าเก่งนะ แต่เราสั่งได้เพราะชอบอยู่แล้ว แต่พอมาเจอการแสดง แรกๆ อาจไม่คุ้น แต่พอเจอบ่อยๆ ก็เริ่มชอบที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำในหลายๆ ด้าน ซึ่งตอนนี้ผมทำควบคู่ทั้งงานแสดงและร้องเพลง ทุกอย่างอยู่ในสัดส่วนที่ไปด้วยกันได้"


‘ให้พูดถึงตุ้ย ณ วันนี้ กับตุ้ยก่อนเข้าบ้านเอเอฟ แตกต่างกันอย่างไร?

ตุ้ย - "แตกต่างหลายอย่างมาก ทำให้ได้รู้อะไรเยอะ ได้ทำอะไรต่อไปเรื่อยๆ ทำให้ชีวิตมีค่ามากขึ้น จากเดิมที่ยังจับทางไม่ถูกว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน วันหนึ่งได้มายืนตรงนี้และรู้แล้วว่าเราต้องไปทางนี้ เราก็ทำเต็มที่ เรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ แตกต่างก่อนเข้าบ้านมากที่เรายังไม่มีจุดหมายที่เราจะทำให้มันสำเร็จครับ"

‘มีบ้างมั้ยในเสี้ยวชีวิต ที่หลงตัวเองไปกับชื่อเสียงเงินทอง?

ตุ้ย - "ทุกวันนี้ตั้งแต่ออกจากบ้าน ถ้าเป็นการใช้จ่ายทั่วไป ค่าน้ำมัน ค่าข้าว นอกนั้นก็ให้แม่ แล้วผมจะขอแม่ทีหลัง ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ แม่จะมาดูว่าเงินใกล้หมดหรือยัง แม่จะคอยเติมเงินให้(หัวเราะ) เราเป็นคนหาเงินมาจะรู้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน จะไม่สุรุ่ยสุร่ายแน่ๆ"

"การมีคนรู้จักเยอะก็ดีใจ ชื่อเสียงมีได้ก็เสื่อมได้ แต่ความดีนี่สิ จะทำอย่างไรถึงจะยืนอยู่ตรงนี้นานๆ เป็นอย่างที่เป็นอยู่ตรงนี้ให้นานที่สุด เป็นตัวเองให้มากที่สุด ชีวิต ณ วันนี้ถือว่าดีในระดับที่พอใจแล้ว วันนี้ผมมาไกลกว่าที่คิด มีโอกาสได้ทำงานตรงนี้ถือเป็นบุญ ทำแล้วมีความสุข กลายเป็นหัวเรือใหญ่ ชีวิตทุกวันนี้ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว มีความสุขกับงานและการดำเนินชีวิตกับพ่อแม่ก็จบแล้วครับ"

‘วางตัวในวงการบันเทิงยากมั้ย?

ตุ้ย - "ผมก็เหมือนมนุษย์ทั่วไป ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีโลกส่วนตัวที่คล้ายกัน จะเป็นดารา นักร้อง คนธรรมดา พนักงานออฟฟิศ เด็กโบกรถ ผมว่าการดำรงชีวิตแต่ละคนคล้ายกัน เพียงแต่เขาไม่รู้เท่านั้นเองว่าเป็นอย่างไร คนทั่วไปมาเจอผม ผมใส่รองเท้าอีหนีบ(หัวเราะ)ไปกองถ่าย คนเจอบอก ตุ้ยใส่อีหนีบด้วย(หัวเราะ) ทำไมล่ะ ก็ใส่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็นอะไรที่เคยทำอยู่ ไม่ได้หลงไปกับสิ่งที่เจอ กับการเป็นที่รู้จักของคนเยอะขึ้น ใหม่ๆ ยอมรับว่าอึดอัด แต่ในเมื่อมาอยู่จุดนี้ก็ต้องทำใจ ซึ่งผมรับตรงนี้ได้อยู่แล้ว"

‘รู้สึกอย่างไรที่คนมองว่าตุ้ยดูบ้านๆ ไม่ค่อยมีฟอร์ม?

ตุ้ย - "ดีครับ ผมก็ชอบแบบนี้ เพราะเราชอบแบบลูกทุ่งๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเข้าวงการแล้วต้องทำตัวหรู รวย ผมเหมือนเดิมครับ"

‘ตอนนี้พ่อกับแม่ไม่ต้องทำงานแล้วหรือเปล่า?

ตุ้ย - "ตอนนี้ป๊าอยู่ที่บ้านดูแลรถผม ส่วนแม่เป็นแม่บ้านดูแลเสื้อผ้าผม และถ้าเขาอยากไปเที่ยวไหนจะให้ไปเลย อยากทำอะไรทำเลย เพราะตอนนี้เรามีแรงพอในระดับหนึ่งแล้ว ถ้ามัวแต่งกและเก็บ เดี๋ยวตายไปก็ไม่ได้ทำ ตอนนี้ป๊าอายุ 57 ปี ส่วนแม่ 54-55 ปี ท่านมีอายุแล้วก็อยากให้พัก ทุกวันนี้ทั้งสองคนมีความสุขดี อย่างถ้าผมกลับบ้านดึก ป๊าจะรออยู่ข้างล่าง พอเปิดประตูเข้าบ้านป๊าจะช่วยขนของออกจากรถ และตอนเช้าถ้าเราไม่ได้ไปไหน ป๊าจะคอยดูแลจัดการล้างรถให้"

‘มาวันนี้ตุ้ยวางอนาคตให้ตัวเองอย่างไรบ้าง?

ตุ้ย - "ก็คงทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุด อนาคตจะมีโอกาสที่ผู้ใหญ่หยิบยื่นให้ก็ให้เป็นเรื่องอนาคต แต่ตอนนี้ผมถือว่าทำแต่ละวันให้ดีที่สุด จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี เผลอแป๊บเดียวผมมาอยู่ตรงนี้ 2 ปีแล้วครับ"

และแฟนๆ ก็คงอยากจะให้อยู่ต่อไปอีกเป็นสิบๆ ปี


ชีวิตมีหลายเส้นชัย

ผ่านเบญจเพสมาเดือนกว่า สำหรับหนุ่ม "ตุ้ย"เกียรติกมล ล่าทา

สมัยเล็กๆ ตุ้ยเป็นเด็กที่ซน แต่ด้วยความที่เป็นลูกโทนจึงถูกตามใจและถูกเลี้ยงเหมือนไข่ในหิน เพิ่งจะมีชีวิตเข้มข้นก็ตอนย่างเข้าวัยรุ่น "ผมเริ่มเรียนที่ร.ร.เยนเฮส์เมมโมเรียล แม่เสียค่าเทอมเยอะมาก สูงกว่าสถานะครอบครัวขณะนั้น แต่แม่พยายามหาสิ่งดีๆ ให้ผม เรียนที่นี่ถึงม.3 ก็ต่อปวช.ที่พาณิชย์พระนคร เริ่มเรียนรู้ด้วยตัวเอง และที่ได้เรียนรู้มากที่สุดคือการทำงานด้วยตัวเอง"

งานชิ้นแรกที่เขาทำคือแบกและส่งน้ำแข็งตอนอายุ 15 ที่โรงน้ำแข็งแถวประตูน้ำ

"แรกเลยคิดว่าน้ำแข็งมันเบา (หัวเราะ) เลยไปทำ แต่ทำได้ 3 วันก็ต้องหยุด จากนั้นแม่ก็ฝากให้เป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วก็เริ่มหางานทำเอง งานที่ทำให้เก็บเงินได้เป็นชิ้นเป็นอันคือร้องเพลงกลางคืน" ตุ้ยกล่าวเพราะชอบร้องเพลง แม่จึงซื้อกีตาร์ให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอยู่ป.6 ทำให้เขาเริ่มเล่นดนตรีและร้องเพลงตั้งแต่นั้นมา

การได้เป็นนักร้องกลางคืน ทำให้มีความสุข แต่พอเรียนจบเหมือนสวรรค์แกล้ง จากคืนหนึ่งร้อง 2-3 ที่ ก็เหลือแค่ที่เดียว ตุ้ยคิดว่าเป็นเพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่สัญญากับแม่ไว้ นั่นคือการบวช เรียนจบเขาจึงตัดสินใจบวช 1 เดือน สึกออกมาก็ได้งานที่สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ทำอยู่ 2-3 เดือน เห็นโฆษณารับสมัครเอเอฟ 3 จึงลองดู

มาอยู่ในบ้านเอเอฟ ตุ้ยได้ประสบการณ์หลายอย่าง แรกเลยคือความอดทน โดยเขาเล่าว่า

"ผมอยู่ในนั้นมีความกดดันหลายอย่าง ประสาทกินเหมือนถูกขังคุก รู้สึกอึดอัดและหงุดหงิด แต่พอผ่านมาได้ก็ภูมิใจที่ได้ทำให้ตัวเองมาถึงตรงนี้ ซึ่งจริงๆ เรายังไม่ถึงเส้นชัยหรอก ยังมีอีกหลายเส้นชัยมากๆ ที่ต้องเดินและเรียนรู้ไปกับมันเรื่อยๆ"

จากนั้นตุ้ยก็ได้เจอกับบททดสอบอันหนัก โดยเฉพาะข่าวในแง่ลบ ทั้งข่าวสร้างภาพกตัญญู เป็นเกย์ แกล้งจน ดังแล้วหยิ่ง แม่ยกซื้อรถให้ ใหม่ๆ ก็มีไปตามอารมณ์ แต่พอไปนานๆ เริ่มเรียนรู้และปรับตัวได้

2 ปีหลังชนะเลิศเอเอฟ 3 ตุ้ยยอมรับว่าตัวเองมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านนิสัย ฐานะความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิต ซึ่งเขาอธิบายว่า

"ผมใจเย็นลง ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนใจร้อนมากๆ เริ่มรู้ว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ตรงนี้ผมยกเครดิตให้พี่สีบานตากล้องหนังเรื่องกอด ที่ผมเจอเมสเสจไซโคแล้วรู้สึกไม่ไหว พี่เขาก็พูดว่า "จะเครียดทำไม ศัตรูนานๆ มาที ยินดีต้อนรับเขาสิ" พูดปุ๊บผมยิ้มเลย ทุกวันนี้คำนี้ก็ยังอยู่ในหัวผม ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวปล่อยวางไปเยอะ พูดง่ายๆ ตอนนี้สามารถบวชยาวได้เลย(หัวเราะ)"

แหม...ถ้าเป็นอย่างนั้น สาวๆ คงเสียดายแย่


ยังไม่คิดเรื่องรัก-รอมาเอง

ยืดอกยอมรับว่าก่อนเข้าบ้านเอเอฟน่ะ มีสาวที่คบหาดูใจ แต่พอมาตอนนี้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง จึงทำให้ห่างกัน โดยหนุ่มเอเอฟ3 "ตุ้ย"เกียรติกมล ล่าทา เปิดใจว่า

"ก่อนเข้าบ้านเคยมีคนรู้ใจ แต่ห่างๆ กันไป ตอนนี้ก็มีคุยกันบ้าง แต่ด้วยโอกาสและเวลาดำเนินชีวิตไม่ตรงกัน เราไม่ได้แปรเปลี่ยนความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์เดิมๆ เท่าไหนก็เท่านั้น เพียงแต่โอกาสและเวลาที่จะได้เชื่อมต่อไปเรื่อยๆ มันไม่มีแล้ว"

"และผมเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปในจุดที่เจอผู้หญิงที่ทำให้เรามาเจอกันและมาคบกัน ส่วนมากจะเป็นเพื่อนฝูงผู้หญิงที่เคยรู้จักกันก็จะโทร.มาทักทาย จะไปเรื่อยๆ มากกว่าไม่ถึงกับจริงจังถึงขั้นคบกัน ผมไม่ค่อยมีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ"

ตุ้ยยังกล่าวอีกว่า "ผมดำเนินชีวิตในวงการบันเทิงมาปีกว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีกับเขาบ้าง แต่ผมไม่ค่อยคบคนในวงการเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นนางเอกคนไหนหรือนักแสดงรุ่นๆ เดียวกัน ผมไม่ค่อยยุ่งในแบบชู้สาวอยู่แล้ว"

ส่วนสเป๊กสาวนั้น ดาวร้ายหนุ่มใหม่ถอดด้ามกล่าวว่า "ตอนนี้ขอเป็นเรื่อยๆ ดีกว่า ไม่อยากตั้งไว้เยอะแล้วมันไม่ได้ ถ้าเกิดเบื้องบนขีดไว้ต้องเจอกับคนนี้ สักวันก็ต้องเดินมาเจอ ขอแค่นิสัยดีก็โอเคแล้ว ส่วนรูปกายภายนอกก็ต้องมีบ้างนิดนึง"

แย็บถามว่าที่ยังไม่อยากมีเพราะตอนนี้มีชื่อเสียง กลัวถ้ามีแล้วชื่อเสียงจะลดน้อยลงหรือเปล่า? หนุ่มตุ้ยขอแจง

"ผมว่าทุกคนคงเข้าใจ ศิลปิน ดาราก็คนธรรมดาคนหนึ่ง เพียงแต่คนอยากรู้ความเคลื่อนไหวของเราเท่านั้นเอง ถ้าเกิดผมไม่ได้มายืนอยู่จุดนี้ ผมไปเดินควงกับผู้หญิงมีใครอยากจะรู้บ้าง ทุกวันนี้ถ้าเกิดผมจะมีผู้หญิงสักคนก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพียงแต่ตอนนี้รออยู่ ให้มันมีสักทีเถอะ"

เจ้าตัวสารภาพว่า ในตอนนี้ยังไม่อยากคิดเรื่องรัก เพราะอายุยังน้อย อีกทั้งยังใช้ชีวิตในการทำงานไม่คุ้ม และถ้าจะมีใครสักคน ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากพ่อแม่ เพราะตุ้ยรักใคร ท่านทั้งสองก็รักด้วย

"เรื่องการมีครอบครัวตอนนี้ยังไม่คิด ผมยังสนุกกับงาน อยากทำงานตรงนี้ให้ดีที่สุดและเสร็จลุล่วงไปทุกๆ งานก่อน มากกว่าที่จะมานั่งคิดว่าจะมีลูกกี่คน จะมีเมียตอนไหนดี มันยังไม่ถึงเวลา ให้มันมาเองดีกว่าครับ"

ของอย่างนี้ไม่ต้องรีบ ถึงเวลามา ดีไม่ดีอาจจะตั้งรับไม่ทัน


"เอเอฟ3"ใบเบิกทางมายา

ให้บอกถึงผลงานชิ้นโบแดงของตัวเอง หนุ่ม "ตุ้ย"เกียรติกมล ล่าทา บอกมีหลายชิ้นเหลือเกิน โดยเจ้าตัวไล่เรียงว่า

"ได้ตำแหน่ง "เอเอฟ3" เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในวงการบันเทิง ได้เข้ามาประกวดระดับประเทศรู้สึกภูมิใจ ต่อมาก็เป็นละครเวที "เงิน เงิน เงิน" เป็นอะไรที่ชอบแต่เหนื่อย"

"แล้วก็มาหนังเรื่อง "กอด" ดราม่าสุดๆ ไม่เคยเล่นตรงนี้ ไม่เคยเจอการนำเสนอแบบนี้ ตอนไปแคสติ้งวันแรกยังงงๆ กับบท พอเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนกลืนกินและซึมซับ จนรู้สึกว่ามันเป็นความทรงจำที่ดีมาก"

"ล่าสุดกับละคร "ถึงร้ายก็รัก" ถือเป็นชิ้นโบแดงเหมือนกัน เพราะเป็นการเปลี่ยนบทบาทครั้งใหญ่มารับบทร้าย เรื่องนี้ต่างจากตัวเองก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจดจำครับ"



ชื่อเล่น : ตุ้ย

ชื่อนามสกุล : เกียรติกมล ล่าทา

วัน/เดือน/ปีเกิด : 7 พ.ค.2526

บิดามารดา : วิเชียร-น้อย ล่าทา

พี่น้อง : เป็นลูกโทน

การศึกษา : อนุบาล-ม.3 ที่ร.ร.เยนเฮส์เมมโมเรียล, ปวช.พาณิชย์พระนคร, อุดมศึกษา ม.เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์