แด๊ก บิ๊กแอส มั่นหลังตรวจดีเอ็นเอ ลั่นอยากให้เรื่องจบ

"แด๊ก บิ๊กแอส" มั่นหลังตรวจดีเอ็นเอ ลั่นอยากให้เรื่องจบ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 เมษายน 2549 20:01 น.

"แด๊ก บิ๊กแอส" ออกปากความรู้สึกแย่ตกเป็นจำเลยของสังคมหลังข่าวทำนางแบบสาวชื่อดังตั้งท้องจนคลอดลูกแล้วไม่ยอมรับ เจ้าตัวมั่นใจผลการตรวจดีเอ็นเอเผยอยากให้เรื่องจบลงเร็วๆ จะได้เริ่มต้นทำงานเพลงชุดใหม่

กลายเป็นที่จับตาของนักข่าวขึ้นมาทันทีสำหรับหนุ่ม "แด๊ก เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด" นักร้องนำวง "บิ๊กแอส" กรณีตกเป็นข่าวถูกนางแบบสาว "ฝ้าย ฟารีดา" ออกมาฟ้องร้องเหตุทำตนเองตั้งครรภ์จนคลอดบุตรแล้วไม่ยอมรับ หลังเจ้าตัวเดินทางไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับคอนเสิร์ต "สุดชีวิตคนไทย" ในกลางรายการ "ที่นี่หมอชิต" ที่สตูดิโอ ช่อง 7 โดยมี "ลานนา คัมมินส์" และ "ตูน บอดี้แสลม" ร่วมเป็นแขกรับเชิญ

นักร้องหนุ่มชื่อดังเผยถึงความรู้สึกที่ตกเป็นข่าวครึกโครมว่ารู้สึกแย่มากๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าสังคมได้พิพากษาตนเองว่าผิดไปเรียบร้อยแล้วทั้งที่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง

ที่ผ่านมามันก็เหมือนที่สุดเลยก็ว่าได้นะ เพราะว่ามันไม่ใช่เพียงแค่หนังสือพิมพ์บันเทิงอย่างเดียวเท่านั้นนะ มันเป็นหนังสือพิมพ์หัวใหญ่หลายๆ เล่มเลย คือผมไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างมันถึงถูกตัดสินก่อนที่จะรู้ความจริงซะอีก เพียงแค่มีคนมาบอกว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เหมือนกับที่มีข่าวว่าน้องคนนี้เค้าบอกว่ามีเด็กหรือมีอะไร ตอนนี้คือภาพของผมเองก็เสียไปแล้วนะครับ

คือคนเค้าก็เชื่อไปแล้วไง เค้าก็จะบอกว่าพ่อใจดำ พ่อใจร้าย หมามันยังรักลูกเลยนะ แล้วยังไม่อุ้มด้วย ผมรู้สึกแย่นะ คือถ้าตัวผมเองก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราจะต้องพร้อมรับทุกสถานการณ์หลายอย่าง


แต่รู้กันอยู่สองคนนะว่าเรื่องราวเป็นยังไง?
ก็ใช่ครับ แต่ถ้าบอกทุกคนมันก็บอกไม่ได้หรอกครับเพราะว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นที่มามันเกิดจากอะไร

ผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องงานดูเหมือนจะไม่ทำให้ หนุ่มแด๊กกังวลใจเท่ากับ เท่ากับการตกเป็นจำเลยของสังคม พร้อมยืนยันว่าตนนั้นพร้อมพิสูจน์ตลอดเวลาว่าใช่ลูกของตนหรือไม่และมั่นใจในผลตรวจดีเอ็นเอและอยากให้ทุกอย่างชัดเจนเพราะอยากมีงานเพลงใหม่
ผลกระทบ...มีครับ มันมี หลายด้านเลยนะ อย่างแรกเลยก็คือตัวผมเนี่ยกลายเป็นจำเลยของสังคมไปแล้วนะ เพราะจะมีคนมาบอกว่าเราแย่อย่างนู้น แย่อย่างนี้โดยที่ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย ผมเองก็ยังไม่รู้ ที่เค้ามาบอกว่าผมเป็นพ่อเด็ก ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่ายังไง

ผลกระทบตัวผมเองยังไม่เท่าไรนะครับ แต่คนรอบข้างละครับ อย่างพ่อกับแม่ช่วงแรกเค้าเครียดมาก ผมไม่อยู่บ้านเลยนะ คือว่าเรื่องทางด้านไม่ดีคนรอบข้างอยากรู้อยากเห็นมาก คือถ้าผมไปบอกเค้าว่ามันเกิดอะไรขึ้น เค้ายิ่งรู้คำตอบไง แล้วเค้าก็ต้องคอยตอบคำถามของหลายๆ คนมากขึ้นไง"

"ผมแค่เดินไปบอกว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจัดการเอง เพราะผมรู้ว่าผมโตแล้ว มันประสบการณ์ ไม่ใช่ว่าเป็นช่วงวัยรุ่นตอนต้นแล้ว แต่เป็นวัยรุ่นตอนปลายแล้วก็รู้ว่าเรามีวุฒิภาวะพอไงครับว่าเราจะแก้ไขปัญหายังไง มีวันแรกก็ค่อนข้างแย่อยู่ แต่พอวันสองวันเราก็รู้ว่าต้องค่อยๆ แก้ไขปัญหา เพื่อนร่วมวงนี่ก็เครียดมากกว่าผมอีก คือผมไม่บอกที่วงไงว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังมีคนที่คอยให้คำปรึกษาอยู่

ผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้มันชัดเจน ให้มันแน่ชัดมากขึ้น แล้วที่มีปัญหามากที่สุดก็คือเรื่องของการทำงาน จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่หลายๆ คนเข้าใจนะครับว่ามีเรื่องปัญหาอย่างนี้แล้วแกรมมี่จะตัดหางปล่อยวัด พรีเซ็นเตอร์จะถอด มันไม่ใช่เรื่องนั้นนะครับ ไม่เป็นไรเพราะผมมาจากคนที่ไม่มีอะไรอยู่แล้ว บิ๊กแอสมาจากคนที่ไม่มีอะไรอยู่แล้ว มันไม่ใช่ปัญหา"

"แต่ปัญหาคือเราจะไม่สามารถทำเพลงต่อไปได้ไงครับ ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างยังค้างคาอยู่เนี่ย เพราะทุกคนจะรู้ว่าบิ๊กแอสเอาเรื่องชีวิตจริงมาทำเพลง ซึ่งถ้าเราไม่สนใจก็ได้ ออกเทปต่อไปเลย แล้วก็ไม่พูดเรื่องนี้เลย หลายคนก็จะข้องใจมาก เรื่องมันมาอย่างนี้แล้วจะไม่พูดเลยหรอ สรุปแล้วมันยังไง คือผมอยากได้บทสรุปเท่านั้นเอง คือผมจะไม่สนใจก็ได้ ผมจะพูดเรื่องรักเรื่องอะไรก็ได้ แต่อยากให้มันกระจ่างดีกว่า เพราะมันไม่ใช่ตัวของบิ๊กแอส ตอนนี้มันไม่สามารถไปบอกเล่าอะไรได้เลย เพราะพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อว่าความจริงเป็นยังกันแน่

ก็ภาพสุดท้ายที่มันถูกตัดก็คือว่าผมเบี้ยวการตรวจดีเอ็นเอ ก็ในเมื่อสังคมอยากรู้ไงครับว่า ใช่ลูกผมหรือเปล่าผมก็ไปตรวจสิ จริงๆ แล้วผมอยากจะยืนยันเลยความบริสุทธิ์เลยว่ายังไง แต่ว่าความคลาดเคลื่อนของวันเนี่ย คือนัดวันศุกร์ แต่เค้าไปแจ้งความก็เลยเกิดความคลาดเคลื่อนว่านัดวันพฤหัสไงครับ บอกกันวันพุธว่านัดวันศุกร์ พี่ๆ นักข่าวก็ไปกันวันพฤหัส ก็คือคนเราอยากรู้ก็ต้องรู้กันเดี๋ยวนั้นไงครับ มันไม่ใช่ไงครับ การที่เราจะนัดหน่วยราชการเราก็ต้องนัดก่อนล่วงหน้า เราไปวันพุธก็ไม่ใช่ว่านัดพรุ่งนี้เลย เรานัดวันศุกร์เพราะเราสะดวกกว่า

อยากให้เค้าเอาเด็กไปตรวจไหม จะได้รู้ว่าผลมันเป็นยังไง?
ผมว่าเค้าเองก็อยากรู้เหมือนที่ผมอยากรู้แหละครับ ผมว่านะ ผมเนี่ยเป็นคนแรกเลยที่อยากรู้ว่าลูกของเค้าเนี่ยเป็นลูกผมหรือเปล่า คือยังไงก็ได้ เพราะเค้ามาบอกว่าเป็นลูกผม ผมก็ตรวจให้ ผมเจาะเลือดที่นิติเวชเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้เท่าที่ทราบคือเค้าก็ยังไม่ได้นำเด็กมาพิสูจน์ดีเอ็นเอเหมือนกัน คือผมเพิ่งทราบไม่นานนี้เอง แล้วอยู่ๆ เรื่องมันก็เงียบหายไป แต่ตอนนี้ก็จะเป็นในเรื่องของคดีอาญามากกว่า แต่เรื่องลูกที่ทุกคนอยากรู้เนี่ยมันหายไปแล้ว คือผมพิสูจน์ให้แล้ว

ยืนยันไม่มีการติดต่อใดๆ กับด้านฝ่ายหญิงและย้ำอยากให้เรื่องจบเสียที ส่วนคดีก็ยังอยู่ในชั้นศาล
ไม่ได้ติดต่อ การสื่อสารทุกอย่างมันนิ่ง คือผมเป็นลูกผู้ชายพอนะ คือให้มันเป็นยังไงก็ได้ ให้มันมีจุดจบบทสรุปเสียที ไม่ใช่ว่ามาอย่างนี้แล้วอยู่ๆ ก็เงียบหายไป ถ้าเกิดเป็นลูกผม ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็พร้อมที่จะรับเลี้ยงดู แต่ถ้าไม่ใช่ลูกผมก็ไม่ต้องห้วงว่าผมจะไปซ้ำเติมอะไรเค้าทั้งนั้น ผมไม่มานั่งฟ้องกลับหรืออะไรอยู่แล้ว แต่ว่าไอ้ผลกระทบที่มันมีว่าคนยังติดภาพอยู่ว่าผมเป็นพ่อใจร้าย พ่อใจดำ ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้นไงครับ

ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดีนั้นนักร้องหนุ่มบอกว่าอยู่ในขั้นตอนของกฏหมาย
คดีตอนนี้ผมก็มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย ตอนนี้เรื่องคดียังอยู่ที่ตำรวจอยู่นะครับ ยังไม่ถึงขั้นศาล ซึ่งถ้าถึงขั้นศาลยังไงก็คงต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการต่อไป ไม่ได้ติดต่อเลยนะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องคดีความ คดีที่เป็นอยู่มันเป็นคดีอาญานะครับ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์