ความสุขของ แอน อยู่ที่การแสดง

ถึงแม้ละคร “สวรรค์เบี่ยง” จะจบไปแล้ว แต่กระแสความแรงก็ยังมีอยู่ให้คนพูดถึงจนทุกวันนี้

หลายคนประทับใจกับการแสดงของ แอน ทองประสม ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การแสดงมานาน ถึง 17 ปี เรียกได้ว่าเธอเป็นดาราที่เก่งหาตัวจับยากคนหนึ่งเลยทีเดียว วันนี้ “ดาวต่างมุม” ได้มานั่งพูดคุยอัพเดทชีวิตของเธอ กับมุมมองที่เฉียบคม และบทบาทใหม่กับการเป็นทูตยูนิเซฟ

# เล่นละครยากมาก ๆ มาเยอะ ยังมีอะไรที่ยากสำหรับแอนอีก?
 
-เวลาแอนเล่นละครเสร็จแต่ละเรื่อง แอนก็ลบทิ้ง พอมาเล่นเรื่องใหม่ก็นับหนึ่งใหม่ แอนก็ต้องเล่นอะไรที่ยากขึ้น ทุกวันนี้ยังต้องมีศึกษาการแสดงจากหนังต่างประเทศบ้าง พยายามหาวิธีแอ๊คติ้งใหม่ ๆ  เพราะของพวกนี้ใช้ไปมันก็หมด ต้องคอยเติมเต็มตลอด แอนจะโชคดีที่เจอบทที่ยาก บทที่ต้องทำการบ้านเยอะ ไม่เบื่อนะ แอนรักมัน เรื่องไหนที่รับเล่นคือแอนตัดสินใจแล้ว แอนอยากเล่นมันจะไม่เบื่อหรอก ถ้าบทมันมีเหตุผลและมันมีที่มา อย่างบทตลกก็อยากเล่นนะถ้ามีโอกาส แต่คงไม่ใช่ตลกแบบโป๊งชึ่ง แอนอาจจะไม่ได้เก่งขนาดนั้น ก็คงเป็นตลกอีกอย่างหนึ่ง



# จะได้มีโอกาสเห็นแอนเป็นผู้จัดละครไหม?
 
-คงจะไม่ เพราะถ้าแอนเป็นผู้จัดคงต้องเลิกเล่นละครมั้ง คนเป็นผู้จัดต้องทุ่มเทมาก ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เพื่อดูแลเบื้องหลังอย่างเต็มที่ แต่ตอน   นี้แอนยังรู้สึกสนุกอยู่กับงานเบื้องหน้าเท่าที่แอนทำไหว แล้วก็มีโอกาสที่จะทำ ถ้าถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราอิ่มแล้ว แล้ว อยากหันไปทำอย่างอื่นบ้าง เราก็ค่อยไปทำเบื้อง หลัง ถ้าทำสองอย่างคู่กัน มันจะไม่ดี

# แต่ก็ยังมีไปทำรายการ?
 
-รายการมันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง มันไม่เหมือนละคร 3 ปีที่ทำรายการมา ทำให้แอนโตขึ้น แข็งแรงขึ้น เข้าใจการบริหาร มากขึ้น เข้าใจทีมงานมากขึ้น คือ  เราอยู่ในฐานะนักแสดงเราถูกเอาใจเยอะ พอเรามาเป็นผู้ผลิตรายการ แล้วเราต้องไปขอคิวนักแสดงด้วยกัน เวลาที่เขาตอบกลับมาว่า ไม่ได้ ไม่เอา เราก็จะโอ๊ย ทำยังไงให้เขาอยากมารายการเรา มันท้าทายมาก พอเราเป็นนักแสดงเอง เวลาทีมงานขอนั่นขอนี่ อะไรที่เราให้ได้เราให้ คือเข้าใจเวลาที่ต้องติดต่ออะไรแล้วไม่ได้รับความร่วมมือจากนักแสดงนี่มันเซ็งเหมือนกันนะ

# กระแสรายการที่ทำอยู่เป็นยังไง?
 
-ถ้า “อิงลิช ออน ทัวร์” นี่ถือว่าดีมาก เป็นภาษาอังกฤษที่เล่าผ่านความสนุกของเรื่องราว จะไม่ได้สอนเป็นวิชาการที่หนักจนเกินไป แล้วก็มีโรงเรียนมาขอวีซีดีแอน ไปเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในห้องเรียนมากขึ้น แอนก็ไม่คิดว่ารายการแอนจะเป็นประโยชน์ได้ขนาดนี้ เราก็ภูมิใจ บางโรงเรียนให้เด็กจดศัพท์วันละคำไปส่งครู บางคนจดไม่ทันก็มาอัพเดทในอินเทอร์เน็ต ส่วนรายการ “โอมเพี้ยง” ก็จะเป็นรายการทำตามฝัน เด็กก็จะเขียนจดหมายเข้ามาเยอะมาก แอนก็คุมการผลิตเอง ตรวจสคริปต์เอง



# ทำรายการเองก็เป็นเถ้าแก่เนี้ยแล้วสิ?
 
-ไม่หรอก รายการเด็กไม่รวย แอนไม่ได้อะไรมากมาย ได้แค่แบบพอหมุนใช้ พอมีที่จะทำให้ทีมงานแอนขับเคลื่อนไปได้ อย่าง “อิงลิช ออน ทัวร์” แอนก็ถือว่าโอเค แอนอยู่ได้ ช่วงแรก ๆ ต้องขายงานลูกค้าเอง ทำให้คนรู้ว่าแอนเป็นเจ้าของ เราก็ต้องไปเปิดตัวนิดหนึ่ง บางคนเห็นเรารู้จักเรา เขาก็จะไม่ต่อต้าน เออคนนี้เป็นนักแสดงมาทำธุรกิจ เขาจะให้เครดิตเราเป็นใบเบิกทางขึ้น แต่บางคนก็จะมองว่าเป็นดาราเหรอ แล้วไง เธอต้องทดสอบตัวเองมากกว่าคนอื่นหน่อยนะ ก็จะมีหลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ดีหมด ทุกคนให้ความร่วมมือ

# ทำหลายอย่างแบ่งเวลายังไง?
 
-แอนก็แบ่งของแอนได้นะ เพราะไม่ได้รับงานซ้อนกันเยอะ อย่างละครก็ถ่ายจันทร์-อังคาร-พุธ วันพฤหัส-ศุกร์ มีงานโชว์ตัวก็ไปบ้าง เวลาว่างก็เข้าออฟฟิศ หรือจะมีงานถ่ายโฆษณา แอนก็จัดการของแอนได้ เพราะแอน เรียนจบแล้ว เวลาส่วนตัวก็มีนะ แอนชอบโยคะ ชอบสปา ชอบฟิตเนส ก็เป็นวิธีให้ความบันเทิงของแอน แล้วอีกอย่างความสุขของแอนก็คือการอยู่ในกองถ่าย มันก็เหมือนการพักผ่อนอย่างหนึ่ง

# ใช้ชีวิตกับกองถ่ายมากี่ปีแล้วเนี่ย?
 
-17 ปี ไม่มีเบื่อเลย แอนไม่เบื่องาน แต่เบื่อคน งานมีคุณค่ามีศิลปะของมันอยู่แล้ว แต่คนไปทำให้งานมีปัญหา ถ้าเป็นกองถ่ายละครแอนอยู่ได้ทั้งวัน ไม่มีแบบว่าเมื่อไหร่จะกลับบ้าน อาจจะมีที่วันนี้เหนื่อยมากอยากกลับไปนอน ถ้าร่างกายไม่ไหวมันเหนื่อย มันง่วง เราก็จะอยากกลับ แต่กลับเพราะเบื่อนี่ไม่มี คือจะใช้ชีวิตทุกวันให้สนุกที่สุด



# ตอนเด็ก ๆ นี่เคยคิดฝันอยากจะเป็นดาราไหม?
 
-คิดมาตลอดเลย คิดมาตั้งแต่จำความได้ว่าอยากเป็นดารา แล้วก็ได้เป็น แอนเป็นคนเชื่อเรื่องแรงดึงดูด ทำให้ตัวเองตั้งใจอยากจะไปทางไหน เราก็นำพาไปได้ มันไม่ได้ทุกเรื่อง แต่โดยหลัก ๆ แล้ว แอนคิดว่าถ้าใจเราจะทำสักอย่างมันต้องทำได้ ถ้าแอนไม่กล้าพอที่จะเขียนจดหมายมาสมัครเป็นดารานะ แอนก็คงไม่ได้เป็น แต่แอนไม่สนเลย แอนมีความรู้สึกว่าแอนมีใจพอที่จะทำ มีโอกาสที่จะสมัครก็สมัครมันทุกที่ แล้วแอนก็ได้ แอนดูละครตั้งแต่ 6 ขวบ เริ่มรู้สึกอินมาก ๆ ก็ตอน ป.2-ป.3 ก็เลยชอบ อยากเป็นดารา อยากจะเล่นเป็นตัวนั้นตัวนี้ สนใจทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการแสดง พอมาเป็นดาราแล้วสนุกกว่าตอนที่คิดอีก พรุ่งนี้เราได้เปลี่ยนมารักคนนี้ เรื่องหน้าคนนี้มารักเรา โอ้โห มันสนุก ชีวิตมันมีความสุข 
 
# รู้สึกยังไงได้เป็นทั้งขวัญใจประชาชน ขวัญใจนักข่าว?
  
-แอนก็ขอบคุณที่ทุกคนให้เกียรติ แอน ให้รางวัลแอน ก็แสดงว่า  แอนนิสัยดี แอนก็เข้าใจว่าเราต้องรักษาให้ต่อเนื่อง ถ้าวันหนึ่งเราทำไม่ได้อย่างที่เคยทำ แล้วเขาจะไม่เรียกเราในตำแหน่งขวัญใจแล้ว เราก็ต้องยอมรับ แต่ แอนคิดว่าเราต้องทำทุกอย่างให้เสมอและเท่าเทียมสมดุลตลอดเวลา แอนไม่กดดันเลย ก่อนหน้านี้เราก็อยู่มาได้ 16-17 ปี โดยไม่มีตำแหน่งรั้งท้าย จะมีก็ช่วง 2 ปีนี่แหละ ที่ทุกคนให้เกียรติแอน ให้ตำแหน่งแอน ก็เหมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยง เป็นยาชูกำลังมากกว่า เราก็รู้สึกขอบคุณ

# อายุขึ้นเลข 3 แล้วไม่คิดจะมีครอบครัวเหรอ?
 
-ตอนนี้ยังไม่พร้อม ในเรื่องบางเรื่องแอน ยังเด็กอยู่เลย ต้องมาใช้ชีวิตสามี-ภรรยาแอนยังจัดการได้ไม่ดีหรอก แอนมองว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ในบทละครอาจจบอย่างสวยงาม แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น บังเอิญเราอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่พ่อ-แม่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แอนก็เลยมีทัศนคติแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าแอนมองโลกในแง่ลบ แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราฝันเพราะฉะนั้นการที่เราจะสร้างครอบครัวให้ตัวเอง หรือจะเอาเด็กขึ้นมาเกิดบนโลกนี้มันไม่ได้ทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เราต้องวางแผน



# เห็นแอนเคยบอกว่าแอนจะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีลูก?
 
-ใช่ค่ะ แอนอุปการะเด็กหลายคน ซึ่งไม่มีใครรู้ กว่าแอนจะสั่งสอนให้เขาเป็นเด็กดี กว่าจะปั้นให้เขาอยู่ในสังคมได้แบบปลอดภัย ไม่ต้องเป็นเหยื่อของสังคม โอ๊ย!มันเหนื่อยมาก เลยมีความรู้สึกว่าถ้ามีลูกเอง แอนยังไม่พร้อมพอที่จะเลี้ยงเด็ก ที่จะปั้นให้เขาเป็นคนดีได้ แอนก็เลยมองว่า แอนไม่รู้ว่าวันที่แอนจากไป เขาจะอยู่ยังไง นี่ก็โลกร้อนสุดฤทธิ์ ข้าวก็แพงขึ้นทุกวัน การเมืองก็อะไรไม่รู้แล้วลูกเราจะแข็งแรงอยู่ได้ไหม แค่รู้สึกว่ามันห่วง

# เป็นเพราะสภาพสังคมทุกวันนี้เลยไม่อยากให้เด็กเกิดมา?
 
-ใช่ อย่างแอนไปดูงานยูนิเซฟ เห็นบางครอบครัวมีเด็กเยอะเลี้ยงไม่ไหว นมยังต้องแย่งกันกิน เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อม บางคนบอกว่ามีลูกแล้วจะเติมเต็มชีวิตคู่ แอนยัง ไม่มีก็ตอบไม่ได้แต่แอนรู้สึกว่า แอนมีเรื่องที่สนุกกับชีวิตได้อีกหลายอย่าง ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อให้แอนมีอะไรทำมากขึ้น แต่แอนเชื่อว่าเราก็สามารถทำอะไรดี ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องมีเงื่อนไขอื่น ๆ

# แล้วชีวิตไม่เหงาเหรอ?
 
-ไม่เหงา ชีวิตทำให้เหงาก็เหงา ทำให้ไม่เหงาก็ไม่เหงา ถ้าแอน มีลูกแอนคงต้องรักลูกมากมาย แอน ต้องเลี้ยงลูกสุดชีวิต ปั้นสุดเดช แอน รู้ใจตัวเองว่าแอนเป็นผู้หญิงที่ตึงเกินไป ถ้าแอนมีลูกแอนสงสารลูก เดี๋ยวลูกจะเครียดกับแอน ถ้าแอนยังไม่ปล่อยวางแอนก็ยังมีไม่ได้



# เรื่องแต่งงานก็คงอีกนานเลยสิ?
 
-แอนตอบไม่ได้ ปีหน้าแอนอาจจะบอกว่าแต่งแล้ว ก็ไม่แน่ หรืออาจจะอีก 2 ปี ค่อยว่ากัน เราก็ไม่ได้คุยกันชัดเจนลักษณะนั้น มองหน้าเราก็รู้แล้วว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันแค่นั้นเอง

# ดูเหมือนแอนยังอยากมีชีวิตส่วนตัวอยู่?
 
-ใช่ คือแอนเกิดมา แอนก็ต้องเลี้ยงครอบครัวแล้ว แอนเกิดมาก็อยู่กับยายสองคน กระเบียดกระเสียรกันพอสมควร พออายุ 12 แอนก็ทำงานแล้ว จนแอนอายุเท่านี้ เลี้ยงดูคนอื่นมาตลอด แอนยังไม่ค่อยให้อะไรกับตัวเองเลย มันควรจะมีช่วงหนึ่งให้แอนได้ให้ร่างกายให้ใจแอนบ้าง ที่แอนใช้เขามาเยอะเหลือเกิน แอนก็เลยมีความรู้สึกว่า แอนยังไม่อยากที่จะต้องไปให้อะไรใครอีก ขอพักเหนื่อยก่อนได้ไหม การที่จะมีคู่เราก็ต้องเช็กกันให้แน่ ถามใจตัวเองกันให้แน่ว่าพร้อมที่จะอยู่ด้วยกันไหม เราต้องเช็กกันให้ดี ๆ เดี๋ยวอยู่แล้วมีปัญหา

# เป็นเพราะเห็นคนรอบข้างไม่สมหวังเรื่องความรักหรือเปล่า?
 
-ไม่ได้เกี่ยวกับการที่เห็นคนเลิกกัน แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกจากใจเราเอง ต่อให้แอนเห็นคนรักกันมากมายและจบอย่างสวยงาม แอนก็ยังคิดอย่างนี้ แอนไม่ได้มองโลกมืด เพียงแต่หมายความว่าแอนเป็นคนระวัง แอน  กลัว ไม่อยากมีปัญหาอะไร



# แล้วอย่างการเป็นทูตยูนิเซฟแอนต้องทำอะไรบ้าง?
 
-แอนก็มีหน้าที่เป็นกระบอกเสียงบอกให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาของเด็กและเยาวชน ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิเด็ก การศึกษา ความเป็นอยู่ของเด็ก ให้ทุกคนเห็นว่าเด็กถูกทอดทิ้งมาเยอะแล้ว ให้คนที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาร่วมมือ รวมทั้งมีส่วนช่วยระดมทุนให้ทางยูนิเซฟ เพื่อนำทุนนั้นมาสร้างเครือข่ายในการช่วยเหลือเด็กต่อไป นั่นคือหน้าที่ของทูต ก็ต้องลงไปคลุกคลีกับเด็ก ลงไปเห็นปัญหาที่แท้จริง ถ้าแอนไม่เข้าใจปัญหา แอนจะมาเล่าให้ทุกคนฟังไม่ได้

# เท่าที่ไปคลุกคลีกับเด็กเห็นปัญหาอะไรเยอะที่สุด?
 
-ปัญหาเรื่องการศึกษา พอเด็กไม่ได้รับการศึกษาเขาไม่มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงพอที่จะอยู่ในสังคมได้ เขาจะถูกหลอกลวงได้ง่าย ถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย ถูกเอาไปใช้ในเรื่องของการค้ามนุษย์การค้าขายยาเสพติด หรือโดนมิจฉาชีพหลอกไปได้ คือถ้าเขาแข็งแรงมีการศึกษา แล้วเลี้ยงดูเขาให้เขามีภูมิต้านทานในตัวเอง เขาจะไม่โดนสิ่งยั่วยวนเหล่านี้หลอกไป แอนก็มองว่าเรื่องการศึกษาเรื่องการถูกละเมิดเป็นเรื่องที่สำคัญ บางทีแอนไปเห็นเด็ก 40 คน มีครูคนเดียวในห้อง แล้วเมื่อไหร่เด็กจะเขียน ก.ไก่ ได้ เด็กก็ 8-9 เผ่าพันธุ์ พูดคนละภาษา ครูเองยังสื่อสารกับเด็กไม่ค่อยได้เลย แอนเลยรู้สึกว่าทำไมไม่มีอะไรที่เข้าไปจัดการ ให้สัดส่วนมันเหมาะสม ทำให้เขาได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่ พอเห็นแล้ว เรายิ่งต้องช่วย ยูนิเซฟต้องเข้ามาช่วยใหญ่

# ถ้าไม่ได้เป็นทูต แอนช่วยเด็กด้อยโอกาสเหล่านี้อย่างไรบ้าง?
 
-อย่างมากที่ทำตอนนี้ ก็บริจาค แล้วก็ช่วยแรง อย่างเช่น เด็กผู้พิการทางใบหน้าเราก็ไปช่วยงานพิธีกร จัดกิจกรรมช่วยเขา ลงพื้นที่ไปดูปัญหา แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งที่ชัดเจนเหมือนกับยูนิเซฟพอแอนได้รับการแต่งตั้งที่ชัดเจน แอนก็ทำอะไรที่วงกว้างได้มากขึ้น ทำอะไรที่ใหญ่ขึ้นได้ ทำอะไรยูนิเซฟก็หนุนหลังอยู่ ให้ความร่วมมือ มันก็เลยทำให้เราช่วยคนได้เยอะขึ้น
 
ได้เห็นมุมมองความคิดในหลาย ๆ เรื่องของเธอแล้ว ต้องขอบอก “สวย เฉียบ” มากคุณภาพอย่างนี้นี่แหละที่ทำให้เธอเป็นขวัญใจของทุกคนจนทุกวันนี้.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์