ใครว่า เอมมี่ นางเอกตกกระป๋อง

สวยครบสูตรจริง ๆ สำหรับ “เอมมี่-มรกต กิตติสาระ” นอกจากความสวยที่มีรางวัล “มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2547” เป็นเครื่องการันตีแล้ว

ความสามารถทางด้านการแสดงของเธอก็ไม่แพ้นางเอกคนไหน เพราะล่าสุดมีละครถึง 2 เรื่อง คือ “ภูตแม่น้ำโขง” และ “มนต์ตราแห่งรัก” ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง “เอมมี่” ยอมรับบทร้าย จนถูกมองว่าเป็น “นางเอกตกชั้น” วันนี้คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” ของเราจึงเชิญมาเปิดใจทุกเรื่อง รวมถึง “ความรัก” ที่กำลังคบหากับนักธุรกิจหนุ่มไฮโซ


ช่วงนี้ได้ข่าวว่า “เอมมี่” งานเยอะมาก

“ก็มีละคร 2 เรื่อง ภูตแม่น้ำโขง กับ มนต์ตราแห่งรัก อย่างภูตแม่น้ำโขงคาแรกเตอร์จะเป็นคนที่รักพระเอกมากและตามแก้แค้น ตามหาพระเอกทุกภพทุกชาติ เรื่องนี้จะร้ายมาก แต่จะร้ายแบบมีเหตุผล มันร้ายที่สุดตั้งแต่เล่นมา มันยากเพราะว่าเป็นละครย้อนยุค มันยากตรงเรื่องของภาษาและแอ๊คติ้ง แถมต้องลดความอ้วน เพราะว่าต้องใส่ชุดที่โชว์หุ่น ถามว่าหนักใจเรื่องความอ้วนหรือแอ๊คติ้งมากกว่ากัน

จริง ๆ แล้วมันก็หนักใจทั้งสองอย่าง เรื่องนี้มันจะมีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าเป็นอาถรรพณ์หรือเปล่า

ก่อนบวงสรวงก็มียกกองเพราะฝนตก มี่เป็นลม จุ๋ย (วรัทยา) ไม่สบาย เมื่อก่อนมี่ไม่ถึงกับไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ พอมาเล่นเรื่องนี้เชื่อเลยว่าของแบบนี้มีจริง ส่วน มนต์ตราแห่งรัก เรื่องนี้จะเล่นเป็นคนโรคจิต ที่รับเล่นเพราะว่ามี่ชอบอะไรที่มีความท้าทาย และละครเรื่องนี้ท้าทายตัวเอง ถึงจะร้ายแต่ไม่มีอะไร ร้ายแบบไฮโซแต่แอบจิต เพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก เอาแต่ใจตัวเอง ออกแนวโมโหแล้วจะลงที่น้องสาว มีถึงขั้นฆ่ายายตัวเอง

เอมมี่รับร้ายติด ๆ กันสองเรื่องกลัวมั้ยว่าจะกลับมาเป็นนางเอกยาก

“ถามว่าคิดมั้ย ตอนแรก ๆ ก็ยอมรับว่าคิด แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแล้ว เพราะว่ามี่ชอบ จริง ๆ คุณแดง (สุรางค์เปรมปรีดิ์) ท่านก็ถามเราว่าเราจะเล่นมั้ย ซึ่งนอกจากช่องจะเสนอบทมาให้แล้วมันเป็นการตัดสินใจของเราเองด้วย ซึ่งมี่มองว่าบทที่เข้ามามันน่าเล่นและท้าทาย มี่ไม่ได้ยึดติดกับอะไรพวกนี้ เพราะคิดว่าเราเป็นนักแสดงต้องแสดงได้ทุกบท”


กลัวคนมองมั้ยว่าเราเป็น “นางเอก” ตกชั้น

“คงไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้นานาจิตตัง ใคร ๆ ก็คิดกันได้ แล้วแต่ใครจะคิดยังไงมากกว่า ถามว่ามี่พร้อมที่จะทำใจยอมรับมันมั้ย มี่พร้อม จริง ๆ แล้วคนที่ชื่นชอบเรา คนที่รักเราเขาก็ยังอยู่ ล่าสุดภาพยนตร์ติดต่อมา เขาก็รู้ว่าเราเล่นร้าย แต่เขาก็ติดต่อมาเป็นนางเอก มันไม่มีความรู้สึกว่าจะมีผลกระทบถึงขั้นนั้น ถ้าเราแสดงดี มีวินัยในการทำงานทุกอย่างก็โอเค”

ด้วยความที่ “เอมมี่” สนิทกับ “ชมพู่- อารยา” เลยถูกมองว่าเป็น “นางเอก แบรนด์เนม”

“ไม่หรอก การที่คนชื่นชอบแฟชั่น ไม่ใช่ว่าจะต้องใส่แบรนด์เนมตลอด มี่ยอมรับว่าบางชิ้นอาจจะแพง ที่ใช้ของแพงเพราะว่ามันใช้ได้นาน ส่วนเสื้อผ้ามี่ก็ซื้อจตุจักร สวนลุมไนท์ฯ ก็ซื้อทั่ว ๆ ไป เมื่อก่อนมี่ไม่ค่อยแฟชั่นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ที่แฟชั่นมากขึ้น เพราะว่ามี่เรียนการตลาดแฟชั่น เรื่องแฟชั่นเราก็ต้องหาข้อมูลมากขึ้น แต่งตัวมากขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องแบรนด์เนม”

ถามถึงเรื่องข่าวบ้างอยู่วงการนี้เรากลัวข่าวมั้ย

“มี่ไม่กลัวนะ เพราะว่ามี่เจอข่าวแรง ๆ มาเยอะแล้ว อย่างปีที่แล้วก็เจอหกล้มขาเป็นแผล รู้สึกว่าฟาดเคราะห์เป็นช่วง ๆ แล้วกัน ทุกวันนี้ก็พยายามทำบุญ เชื่อว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราก็พยายามที่จะทำใจยอมรับข่าวที่รู้แย่ที่สุดคงจะเป็นข่าวเกาเหลากับคนนั้นคนนี้ไปทั่วไม่ว่าจะ พี่นุ่น (วรนุช) หรือ เจี๊ยบ (ชมพูนุช) ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้น เลยทำให้เราเครียด กับพี่นุ่นและเจี๊ยบยอมรับว่าเคยสนิท แต่ไม่ใช่ว่าเราทะเลาะกัน มี่ซีเรียสเพราะไม่ใช่ความจริง หลัง ๆ มีข่าวทะเลาะกับ ชม (ชมพู่-อารยา) ด้วย”


ตัวตน “เอมมี่” เป็นคนยังไง เพราะดูเรียบง่ายไม่หวือหวาเหมือนคนอื่น

“มี่เป็นคนนิ่ง ๆ เฉย ๆ เป็นคนแบบไม่เดือดร้อนอะไร จริง ๆ แล้วเมื่อก่อนเป็นคนที่เครียดมาก แต่ตอนนี้ไม่เครียดแล้ว จริง ๆ แล้วคนสนิทจะรู้ว่าตอนนี้เราเครียดหรือไม่เครียด แต่บางคนอาจจะมองว่าเป็นคนหยิ่ง ๆ มี่ไม่ใช่คนยิ้ม หน้าตาไม่ใช่ว่านั่งเฉย ๆ แล้วคนจะชอบ แต่ต้องเข้ามาพูดคุย ถามว่าเข้าวงการแล้วต้องเปลี่ยนตัวเองมั้ย มี่ไม่เปลี่ยนเป็นคนพูดตรง ๆ

แต่จริงๆ แล้วคนก็ติดภาพ “เอมมี่” เซ็กซี่เหมือนกัน

“ไม่หรอก ภาพนี้คนจะติดจากเราถ่ายแบบมากกว่า มันเป็นภาพจากการทำงาน ไม่ใช่ชีวิตจริง ส่วนใครจะมองยังไงมี่ว่าไม่แปลก คนหนึ่งอาจจะมองว่าเซ็กซี่ แต่อีกคนหนึ่งอาจจะเฉย ๆ ก็ได้ พอมี่เข้าวงการมาก็เริ่มที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น สำหรับชุดว่ายน้ำก็มีคุยไว้ แต่พลาดไป มันไม่เกี่ยวกับการที่เราเป็นนางงามหรอก เพราะตอนนี้เราอยู่ในฐานะนักแสดง”

ได้ข่าวว่า “เอมมี่” ไปเรียนปริญญาตรีอีกใบ ทำไมถึงไม่เรียนปริญญาโทไปเลย

“มี่เลือกเรียนการตลาดอีกใบหนึ่ง จริง ๆ แล้วชอบทางด้านนี้ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เรียน ใจจริงอยากจะต่อโทการตลาดแต่มีความรู้สึกว่าความรู้มันยังไม่แน่นเลยเรียนปริญญาตรีไปก่อน ยังไงก็ต้องต่อโทแน่นอน มี่ไม่ทิ้งการเรียนอยู่แล้ว”


เราวางเป้าหมายงานในวงการบันเทิงไว้ยังไงบ้าง

“มี่คงจะทำงานตรงนี้ไปเรื่อย ๆ เท่าที่ทำได้ มี่เป็นคนที่ชอบอะไรที่ท้าทาย อย่างบทละครก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่ชอบเดิม ๆ อนาคตเราก็คงทำอะไรที่ท้าทาย อาจจะหันมาทำธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี ต้องรอดูกันไปก่อน”

แล้ว “ความรัก” ล่ะเป็นยังไงบ้าง เห็นได้ข่าวว่ากำลังสดชื่น

“ความรักเรื่อย ๆ กับนักธุรกิจที่คุยกันอยู่ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้มี่ยังไม่ตัดสินใจอะไร ตราบใดที่เรายังไม่ใช้คำว่าแฟน หรือจะแต่งงาน ชีวิตตอนนี้ยังใช้เหมือนคนโสดทั่วไป แต่เราอาจจะมีที่ปรึกษาหรือเพื่อนสนิทเพิ่มก็แค่นั้นเอง มี่เป็นคนที่เปิดเผยเรื่องนี้ ไม่ได้ปิดบังอะไร ไปไหนมาไหนด้วยกันปกติ อายุค่อนข้างห่างกันหลายปี เขา 30 กว่า แม้อายุจะค่อนข้างที่ห่างกันแต่ไม่มีปัญหา เพราะว่าปกติไม่ค่อยได้คุยเรื่องซีเรียสอะไรมากมาย ไม่มีปัญหาที่ต้องทะเลาะกัน ไม่มีการหึงหวง เพราะเราคบกันยังไม่ถึงขั้นซีเรียส”

ทุกวันนี้ “เอมมี่” ปิดตัวเองหรือว่าเปิดรับคนอื่นไปด้วย

“ถามว่าปิดมั้ยก็ไม่ได้ปิด เพราะว่าแฮปปี้กับชีวิตที่เป็นอยู่ การที่เราจะคบใครสักคนมันต้องพิจารณาให้มากขึ้น เพราะว่ามี่เองก็เริ่มโตแล้ว เราไม่ใช่เด็ก ๆ โอกาสที่เราจะพลาดมันก็ไม่ได้มีเยอะเหมือนเมื่อก่อน เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น มี่รู้สึกว่ามุมมองความรักของตัวเองเริ่มโต เพราะสังคมมันเปลี่ยนไป มี่ไม่อยากจะให้คนที่รักหรือชอบเราผิดหวัง มี่แคร์ความรู้สึกแฟนคลับ ต้องยอมรับว่าสื่อมีอิทธิพลมาก ถ้าเขาไม่ได้มาสัมผัสเราโดยตรง เขาก็ต้องเชื่อสื่อ คือ มี่อยากจะให้ฟังหูไว้หู แม้เจอเหตุการณ์แบบนี้แต่ชีวิตมี่ก็ไม่ได้เปลี่ยน เราระวังตัวตั้งแต่ก้าวออกมาจากบ้านอยู่แล้ว ถ้ามันจะพลาดเราก็ต้องโทษตัวเราเอง”


มีคนบอกว่า “เอมมี่” เป็นเศรษฐินี

“ไม่หรอกยังติดหนี้เขาอยู่เลย เหมือนคนอื่นทั่วไปที่มีหนี้สิน บ้านที่ซื้อไว้ราคาสูงอยู่เป็น 10 ล้าน แต่เป็นเงินของตัวเอง ที่เก็บไว้ตั้งแต่เรียนที่อังกฤษ และทำงาน ทั้งบ้านมี่อยู่คนเดียว ถามว่าอยู่คนเดียวทำไมต้องซื้อบ้านหลังใหญ่ถึง 10 ล้าน จริง ๆ แล้วเราก็มองการณ์ไกล เผื่อไว้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะกลับมา อย่างพวกที่ดินก็มีบ้าง มี่มองว่าอนาคตที่ดินจะสูงขึ้น การซื้อที่ดินทำให้เราเรียนรู้อะไรมากขึ้น การที่ฝากเงินไว้ที่ธนาคารไม่ได้ทำให้เงินมากขึ้น เราเอาไปใช้ทำอะไรสักอย่างดีกว่า ตอนนี้อาจจะซื้อคอนโดเก็บไว้ ที่มีไว้ก็มีไม่กี่ที่ คอนโดเดี๋ยวนี้แพงมาก ก็พยายามที่ผ่อน ๆ ไป มี่รู้สึกว่าไม่เคยคิดว่าจะต้องพึ่งผู้ชาย เลยต้องเก็บด้วยตัวเอง”

ด้วยความที่เราเกิดและโตที่เมืองนอกมันเลยทำให้เราเป็นสาวที่มีความมั่นใจใช่มั้ย

“มี่เกิดที่อังกฤษ และโตที่นั่น เลยทำให้เรามีความมั่นใจตัวเอง แต่ไม่ใช่หัวนอก เราโตมาจากครอบครัวไทย ถามว่าจะกลับไปใช้ชีวิตที่นั่นหรือเปล่า มี่บอกเลยว่าคงไม่ เพราะไม่เคยมีความคิดนั้นเลย แม้จะอยู่ที่นั่ นก็ตาม เพื่อนก็มีแต่เพื่อนเอเชีย มี่อยู่จนถึงอายุ 20 แล้วกลับมาตอนประกวดก็เลยตัดสินใจอยู่ยาวเลย ชีวิตที่นั่นสอนให้เรารับผิดชอบตัวเอง และหาเลี้ยงตัวเองได้ มี่รู้สึกว่าคือคนไทย แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกก็ตาม แต่ท่านก็เป็นคนไทย มี่บอกคุณแม่ตั้งแต่จำความได้ว่ายังไงก็ต้องกลับเมืองไทย และช่วยเหลือสังคมไทย ซึ่งในส่วนนั้นเราได้ทำไปแล้ว ตอนที่เราอยู่ในตำแหน่งนางงาม และชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้มี่ก็รู้สึกว่ามี่ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม”

และนี่ก็คือตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงที่ชื่อ “มรกต กิตติสาระ” เชื่อว่าคุณคงจะได้รู้จักเธอมากยิ่งขึ้นในมุมที่เธอเป็น.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์