แฟนเพลงยอดรัก บริจาคตับ ยอมสละให้ขวัญใจ

แฟนเพลง "แอ๊ว-ยอดรัก" สุดห่วงขุนพล นักร้องลูกทุ่ง แสดงความจำนงขอบริจาคตับ

เผยประสบอุบัติเหตุจนไม่ต่างจากคนพิการทำให้ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ พร้อมจะบริจาคร่างกายให้นักร้องขวัญใจ เพื่อช่วยเหลือชีวิตอันมีค่าโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ยอมรับไม่รู้ว่าจะทำ ได้หรือเปล่าหรือมันจะผิดกฎหมายหรือไม่ แต่เป็นความรู้สึกที่อยากให้จริงๆ ขณะที่ยอดรักรู้เรื่องแล้วสุดปลื้ม แต่ขอไปศึกษารายละเอียดก่อน

ความคืบหน้ากรณี "แอ๊ว"ยอดรัก สลักใจ ป่วยด้วยโรคมะเร็ง

ต่อมา "เป้า"สายัณห์ สัญญา ขุนพลเพลงลูกทุ่งอีกคนไม่เชื่อว่าจะป่วยจริง จนทางยอดรักต้องให้หมอแถลงยืนยัน พร้อมกับความขัดแย้งของ 2 นักร้องดังจนกลายเป็นข่าวครึกโครม นอกจากนี้กลุ่มแฟนเพลงของ "ยอดรัก" ได้ออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง ตามข่าวที่เสนอไปตามลำดับ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้ทราบข่าวคนสนิทของนักร้องดัง "ยอดรัก สลักใจ" ว่า

ได้มีชายคนหนึ่งโทรศัพท์มาเพื่อจะขอบริจาคตับให้ เนื่องจากเห็นข่าวของยอดรักแล้วรู้สึกสงสาร อีกทั้งตัวเองเป็นคนพิการที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จนไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้ไม่อยากจะอยู่ในโลกนี้ แต่คิดว่าอวัยวะของตัวเองจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นโดยเฉพาะ "ยอดรัก" จึงอยากจะบริจาค



ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับชายคนดังกล่าวคือนายวิมล การช่าง อายุ 40 ปี

อยู่บ้านวังน้ำขาว หมู่ 13 ต.ไตรปิง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นอนอยู่บนเตียงพยาบาลบริเวณระเบียงหน้าบ้าน สาเหตุเพราะป่วยและพิการมาจากการเกิดอุบัติเหตุฝากระบะท้ายรถสิบล้อหล่นทับบริเวณต้นคอจนกระดูกคอแตก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มี.ค.46 ที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรี อยุธยา โดยขณะนั้นเป็นเจ้าของรถสิบล้อ หลังได้รับการผ่าตัดจากแพทย์ร.พ.ศิริราช ที่บริเวณต้นคอยาวประมาณ 1 คืบ ร่างกายก็ไม่ปกติต้องกลับมาพักอาศัยรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีภรรยาและลูกสาววัย 14 ปี ให้การดูแล

นายวิมลกล่าวว่า

ที่บอกว่าต้องการบริจาคตับให้กับทางยอดรักเพราะเป็นแฟนเพลงของยอดรักมานาน ที่ผ่านมาได้เห็นข่าวต่างๆ ของนักร้องดังที่เป็นมะเร็ง มองเห็นว่าเขาเป็นคนมีค่า ที่ควรจะอยู่ไปนานๆ ไม่ควรจะต้องเป็นอะไรในตอนนี้ ส่วนตัวเองเป็นคนที่ไม่มีค่าอะไร เพราะว่าเป็นอัมพาตเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุโดนฝาท้ายรถบรรทุกหล่นทับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จนทำให้ไขสันหลังบวม กระดูกคอข้อ 4 และ 5 แตก ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ร.พ.ศิริราช หลายครั้งมาก จนต้องประกาศขายรถสิบล้อคันสุดท้าย ในราคา 390,000 บาท เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ธนาคาร เพราะนำบ้านที่ดินจำนองไว้ และมีหนี้สินที่กู้ยืมมาอีกรวมๆ แล้วในราว 4 แสนบาทจึงทำให้เบื่อหน่ายชีวิตเป็นอย่างมาก

นายวิมลกล่าวต่อว่า

ทุกวันนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และไม่มีใครดูแล เนื่องจากภรรยาได้เลิกร้างกันไปแล้ว จะมีบ้างคือลูกสาวกับภรรยาคนแรกที่จะมาดูวันเว้นวัน ทุกวันต้องนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ จะกิน จะนอน จะเข้าห้องน้ำ ทำอะไรเองไม่ได้เลย อุจจาระ ปัสสาวะก็คุมไม่อยู่ และก็ยังมีอีกหลายต่อหลายอย่าง ตรงนี้เป็นภาระให้กับคนอื่นที่จะต้องมาทรมานกับเรา จึงคิดว่าถ้าหากว่าเป็นอะไรไปส่วนของร่างกายที่ยังใช้ได้อยู่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่น


 หลังได้ดูทีวีและทราบข่าวการป่วยของนักร้องดัง "ยอดรัก สลักใจ" นักร้องขวัญใจ

จึงได้โทรศัพท์ไปบอกตามหมายเลขที่ได้มา ว่ายินดีที่จะบริจาคอวัยวะเช่นตับเพื่อช่วยเหลือชีวิตอันมีค่าของยอดรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ส่วนตัวของยอดรักก็ไม่เคยได้คุยกัน อยากช่วยเพราะเป็นนักร้องในดวงใจ เคยเห็นตัวจริงไกลๆ เพียงครั้งเดียวที่ปั๊มน้ำมันระหว่างที่ยังขับรถสิบล้อได้อยู่ เพลงที่โปรดที่สุดคือเพลง "มหาฯ อกหัก"
"ผมเคยผ่าตัดมาแล้ว 4 ครั้งที่โรงพยาบาลศิริราช เวลาที่หมอให้ดมยาสลบมีความรู้สึกว่า สบายมาก เพราะไม่ได้รับรู้อะไรต่างๆ แต่พอฟื้นขึ้นมาก็จะพบกับความทรมานอย่างเดิมอีก คิดว่าถ้าผมไปจากโลกนี้ก็คงจะสบายเหมือนกับที่เคยรู้สึกมาแล้ว การออกมาประกาศบริจาคตับให้กับคุณยอดรัก บอกตรงๆ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะสามารถทำได้หรือเปล่า หรือมันจะผิดกฎหมายหรือไม่ แต่เป็นความรู้สึกของผมจริงๆ ถ้าผิดกฎหมายก็คิดว่ากฎหมายไม่ได้ช่วยให้หายทรมานได้เลย คิดว่าส่วนอื่นๆ อย่างปอดก็ยังใช้ได้ ก็อยากจะให้พี่แอ๊ว-ยอดรักลองพิจารณาดูว่า คนที่สมควรจะอยู่ก็ควรอยู่ ส่วนคนที่ไม่สมควรอยู่อย่างผมก็ควรไป" นายวิมลกล่าว



ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ออกมาให้ข่าวเช่นนี้เพราะอยากจะสร้างกระแสอะไรบางอย่างหรือเปล่า นายวิมลกล่าวว่า

ไม่ใช่เลย ตนคิดว่าอยากจะช่วยอะไรก็ช่วย ไม่ได้คิดอย่างอื่น อีกอย่างตนก็ไม่ใช่เป็นคนมีชื่อเสียงหรือเป็นคนดังอะไร เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง จึงไม่ได้คิดว่าจะอยากดัง และความดังก็คงมาช่วยไม่ให้หายทรมานจากอาการที่เป็นอยู่ได้ เรื่องอยากจะเป็นข่าวไม่ได้อยู่ในหัวสมองเลย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปทางนักร้องดัง "ยอดรัก" เปิดใจให้ฟังว่า

 เรื่องนี้ทราบเรื่องมาประมาณ 2 วันแล้ว ตอนที่ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจที่รู้ว่ามีคนรักเราถึงขนาดยอมสละร่างกายให้ แต่ในเรื่องของการจะนำตับคนอื่นมาใช้เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เท่าที่ทราบจะต้องตรวจอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด และไม่รู้ว่าร่างกายของเราจะรับหรือเปล่า ตอนนี้ได้ประสานให้กับพี่คนที่รู้จักให้ไปดูเรื่องนี้แล้ว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์