ไม่ไหวจะทน! รัศมีแข แจกกล้วยฝรั่งบูลลี่ ลั่นถ้าไม่เป็นดาราชกหน้าไปแล้ว

ทำเอาหลายคนตกใจที่อยู่ดีๆ ดาราอารมณ์ดีอย่าง รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น โพสต์ข้อความภาพชี้แจงในไอจีส่วนตัว กรณีฟิวส์ขาดด่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลางสนามบินสุราษฎร์ธานี หลังถูกเหยียดหยามและหัวเราะเยาะเย้ย จนตนเองอดรนทนไม่ไหว...แจกกล้วยคำใหญ่ให้ทันที

"ข่าวสดบันเทิง" มีโอกาสเจอ รัศมีแข ในงานแถลงข่าวหนัง "มิสเตอร์ดื้อ กันท่าเหรียญทอง" ที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน วันก่อน(17ก.ย.) เลยไม่พลาดสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ถามถึงเหตุการณ์ที่สนามบิน เกิดอะไรขึ้น?
"อ๋อ...เอาจริงๆ มันก็ค่อนข้างอึดอัด เราก็ไม่รู้ว่าฝรั่งไปโดนตัวไหนมาอะเนอะ กลับมาจากสุราษฎร์ฯ ด้วยอะไรอย่างเงี้ย มันเป็นอารมณ์เหมือนคนที่อยู่ในลูกโป่งแล้วมันไม่มีทางออก ทุกครั้งที่แขพูดภาษาไทยปุ๊บเขาก็จะหันมามองหน้า แล้วหันไปมองกันแล้วก็หัวเราะ ซึ่งเป็นทุกครั้งที่แขพูดภาษาไทย ตอนแรกแขก็ไม่ได้คิดอะไร เขาคงตกใจเนอะ รูปลักษณ์ของเราที่เหมือนชาวต่างชาติแล้วพูดไทย แต่มันเป็นตั้งแต่ไฟลต์จนถึงมาขึ้นรถบัสไปเทอร์มินอล มันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ จนแขหมดความอดทนแล้ว เลยให้กล้วยเขาไปคำใหญ่ๆ ก่อนครั้งแรก"

ท่าทีของทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?
"เขาก็หันมาและรู้แล้วว่าเราไม่พอใจ เขาก็หันมาบอกว่า...ฉันมองเธอเพราะเธอเป็นซูเปอร์สตาร์ เราก็เลยบอกว่าซูเปอร์สตาร์หรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ว่าเธอต้องให้เกียรติฉัน ไม่ใช่มามองหน้าแล้วก็ขำกันแบบนี้"

คุยกันยาวไหม?
"เหมือนจะตีกันบนรถ แขก็เตรียมแบบเสิร์ชหาเบอร์โทรศัพท์ตำรวจท่องเที่ยวที่ดอนเมืองไว้แล้วเพราะว่าฟิวส์ขาด แล้วที่โพสต์ไปเพราะแขอยากอธิบายให้คนไทยที่อยู่บนรถบัสเข้าใจ ไม่ใช่อยู่ดีๆ แขก็แบบตะโกนขึ้นมา มันมีเหตุและผล ด้วยความที่บรรยากาศบนรถก็คือเสียงดัง ซึ่งพอลงไปก็มีน้องเข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า...ผมเห็นเหตุการณ์อยู่ หลังจากที่พี่เดินไปเขาก็ยังไม่หยุด หลังจากที่ให้กล้วยไปเขาก็รู้ว่าเราไม่พอใจ แล้วก็มีพูดคุย จนพักหลังๆ เขาก็เริ่มคุยหาเรื่องเราแล้ว พอเขาเริ่มหาเรื่องเราก็เริ่มเฉยๆ เอายังไงซื้อไม่ซื้อ สุดท้ายเราก็ไม่ซื้อดีกว่า"

ตอนนั้นต้องข่มอารมณ์ตัวเองเบอร์ไหน?
"ข่มเยอะมาก เพราะว่าถ้าภาพที่มันออกไป แล้วคนเห็นแขไปตีกับฝรั่งก็ไม่ดี เหมือนกับวุฒิภาวะของเรามันยังไม่พอ แต่เราก็ยอมรับนะว่าตอนนั้นมันเหลืออดจริงๆ เวลา 1 ชั่วโมงของไฟลต์บิน กลับอีกครึ่งชั่วโมงบนรถบัส ความอดทนคือมันไม่ไหวแล้ว แล้วมันเป็นที่อะไรที่จังๆ ต่อหน้าด้วย"

ครั้งนี้ถือว่าหนักสุดที่เคยเจอมาไหม?
"อันนี้หนักที่สุดแล้ว เพราะว่าไม่สามารถเดินหนีหรือว่าไปไหนได้ คือต้องยืนอยู่ตรงนั้นแล้วต้องเผชิญหน้า คือถ้าเป็นที่แอฟริกาก็กระโดดกัดคอแล้วค่ะ(หัวเราะ)"

หลังจากนี้ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกจะรับมือยังไง?
"ต่อไปนี้เรียกว่าก็คงเป็นการสวดมนต์ หรือไม่ก็หยิบหูฟังอะไรมาใส่แล้วก็ไม่สนใจดีกว่า เพราะท้ายสุดแล้วบางสิ่งบางอย่างในชีวิตแขรู้สึกว่าเราดำเนินชีวิตด้วยการไม่ซื้อไม่แลกด้วย"

จริงๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยไหม?
"อันนี้เป็นเคสที่หนักสุด ไม่งั้นก็เจอปกติอยู่แล้ว แต่ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นก็ยังไม่เจออะไร แค่ว่าเป็นปกติของแขอยู่แล้วที่เวลาไปไหนหรือว่าอะไรก็จะมีคนมาแบบหยอกล้อด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม"

ล่าสุดเห็นมีคนไปคอมเมนต์ว่า "เวทนาจัง" เราก็ตอบกลับไปว่า "ไม่เป็นไร ฉันมีความสุขดี" เกิดอะไรขึ้น?
"อ๋อ...แน่นอนอันนั้นมันเป็นเรื่องของการตอบโต้อยู่แล้ว เขาอาจจะเวทนาเราแต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เราแฮปปี้มีความสุข คอมเมนต์เพียงคอมเมนต์เดียวทำอะไรเราไม่ได้ ผัวเราก็รักเรายิ่งขึ้น ไม่รู้เอาอะไรตรงไหนมามั่นแล้ว(หัวเราะ)"

อยากจะบอกอะไรกับคนที่ชอบบูลลี่?
"เอาจริงๆ การบูลลี่แขก็เป็นเองแหละ มีการล้อมีอะไรหมด แต่ว่าเราดูที่เจตนาดีกว่า เจตนาต้องการทำให้คนที่เราพยายามจะล้อเจ็บโดยตรงว่าอะไร ถ้าทำแบบนั้นคือมันไม่ได้สนุกเลย ถ้าเกิดมีการตอบโต้กันเนี่ยมันอาจจะเกิดการใช้กำลัง ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่ดี เอาจริงๆ ถ้ามันอดไม่ไหวที่มันจะต้องพูด คุยเงียบๆ กระซิบบอกเพื่อน ไม่งั้นก็ไลน์บอกก็ได้ค่ะ"

วันนั้นคือพอลงรถบัสแล้ว คือแยกย้ายจบกันไปใช่ไหม?
"แยกย้ายค่ะ แล้วก็ไปเจอกันอีกที่หน้าเทอร์มินอล เราก็มองหน้า...มันก็ยังไม่หยุด สุดท้ายเราก็ขึ้นรถกลับบ้านไป"

สมมุติว่าถ้าเราไม่ได้เป็นดารา?
"เอามีดแทงสิคะ รออะไรคะ(หัวเราะ) ไม่หรอก เราก็อาจจะมีการชกต่อยกันเกิดขึ้น เอาตรงๆ เพราะว่างานที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ มันเลยทำให้เราไม่ซื้อไม่แลกด้วยค่ะ"